... ความเจ็บ ที่เขาหมายถึงจะรวมความเจ็บในหัวใจบ้างหรือเปล่า เขากำลังบอกเป็นนัยใช่มั้ย ว่าหน้าอย่างหล่อน ไม่มีทางทำให้เขาเจ็บ หรือทำอะไรกับความรู้สึกของเขาได้เลย
หญิงสาวผ่อนแรงกัดลงเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่ซึมออกมาจากลำแขนล่ำสัน แต่ก่อนที่ความรู้สึกผิดจะทำให้หล่อนเอ่ยปากถามออกไปว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เสียงเข้มๆ ก็ประกาศิตสั่งคนสนิทพร้อมดันตัวหล่อนให้คนที่ยังยืนคุมเชิงอยู่ซะก่อน
“เสือ พาน้อยเข้าไปรอในห้องฉัน”
“ครับนาย”
เลขาหนุ่มก้มหน้ารับคำสั่งและช่วยประคองร่าง
หญิงสาวไว้ รู้เชียวละ ว่าทำไมเจ้านายหนุ่มไม่พาคุณน้อยเข้าไปในบ้านเอง หรือจับยัดใส่รถแล้วขับไปด้วยกัน เพราะเวลาโกรธทีไร นิสัยที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยนักของดอกเตอร์คุณเศรษฐ์ นรเสษฐ์นพรัตน์ คนนี้คือจะสาดทุกอย่างออกมาเพื่อประหัตประหารคนที่ทำให้เขาไม่พอใจ ทั้งคำพูดที่ร้ายกาจ สายตาที่ดุดัน และเขาก็มีวิธีการสารพัดที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า จนไม่อยากจะอยู่เป็นผู้เป็นคนอีกเลย...
และเชื่อเถอะ... ว่าเจ้านายของเขา ไม่อยากใช้วิธีการเหล่านั้นกับคุณน้อย หรือไม่อยากเสี่ยงให้คุณน้อยได้เห็นมุมมืดของตัวเองแน่
“พี่เสือปล่อยน้อยเถอะ น้อยจะกลับบ้าน”
“โธ่ ขืนผมทำอย่างนั้น คงได้โดนไล่ออกพอดี”
“คนอย่างเขาไม่มีทางไล่แขนขาตัวเองอย่างพี่เสือออกหรอกค่ะ” หญิงสาวหว่านล้อมเต็มที่
‘คนอย่างเขา’ ที่ถูกมองได้แต่ยืนนิ่งๆ อย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นไปอีก เวลาแค่ไม่กี่วันทำให้แม่ดาวน้อยของเขาปากเก่งขึ้นได้ขนาดนี้เลยเหรอ
คุณเศรษฐ์ครุ่นคิดอย่างเคืองๆ ไปด้วย พร้อมกับก้าวขายาวๆ อ้อมไปขึ้นรถด้วย ถ้าขืนยังอยู่ตรงนี้มีหวังได้จับแม่ตัวดีโยนเข้าไปในรถแน่แล้วขย้ำจนจมเขี้ยวแน่
“ไล่ครับ แต่ก่อนไล่ผมคงโดนดอกเตอร์เศรษฐ์กระทืบไส้แตกก่อนแน่ๆ โทษฐานที่ ‘แขนขา’ อย่างผมดันปล่อยให้ ‘หัวใจ’ ของเจ้านายหนีไป” ฆนินทร์แกล้งเย้า อย่างคนที่คุ้นเคยกันดี
ถึงจะรู้ว่ามันไม่จริง แต่อดไม่ได้เลยที่ดาราตรีจะหน้าแดงแล้วแดงอีกเพียงชั่วไม่กี่วินาที
“ไปได้แล้วฆนินทร์ อย่ามัวเสียเวลาพูดอะไรที่มันไร้สาระ ไม่เข้าเรื่อง” คุณเศรษฐ์พูดจบก็กดปุ่มเลื่อนกระจกรถขึ้น แล้วขับรถเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนั้น เลยไม่ทันได้ยินว่ามีคนพูดสวนไล่หลังเขาแทบจะทันที
“ไร้สาระก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้อยสิ”
ความน้อยใจทำให้หญิงสาวสะบัดตัวออกจากการประคองของฆนินทร์อย่างแรงและเร็ว แต่เพราะไม่ได้มองว่าตรงที่ตัวเองยืนอยู่นั้นหมิ่นเหม่จะตกริมบาทวิถีอยู่แล้ว ทำให้ร่างเล็กถลาล้มลงไปกองกับพื้นปูนแข็งๆ เข้าจริงๆ
“คุณน้อยระวัง !” ฆนินทร์ตะโกนเสียงหลง แต่ดูท่าคงไม่ทันซะแล้ว “เป็นยังไงบ้างครับ มาครับผมช่วยประคอง”
“โอ๊ย มะ... ไม่เป็นไรค่ะ”
“เลือดนี่ครับ” ฆนินทร์ก้มมองคนที่ตนเองประคอง เลยเห็นน้ำสีแดงค่อยๆ ซึมบริเวณหัวเข่าทะลุกระโปรงสีขาวตัวยาวออกมา ยิ่งมองหน้าขาวซีดไร้สีเลือดก็ยิ่งทำให้เขาเข้าใจว่าดาราตรีคงจะเจ็บมากจนพูดไม่ออก
หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก และอดไม่ได้เลยที่จะเลื่อนมันลงไปกุมที่ท้องแล้วลูบเบาๆ ทำไมหล่อนถึงไม่รู้จักระวังบ้าง ลืมไปได้ยังไงว่าตอนนี้หล่อนไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว... จะมีแม่คนไหนสะเพร่าเผลอเรอได้แบบนี้อีก
“เจ็บมากหรือเปล่าคุณน้อย” เมื่อหญิงสาวไม่ตอบ และทำท่าเหมือนคนไม่มีสติ ฆนินทร์เลยถือวิสาสะอุ้มหล่อนขึ้นแนบอก แล้วรีบก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้านเพื่อไปทำแผล
“ใครเป็นอะไรฆนินทร์ ถึงต้องอุ้มกันเข้ามา”
ฆนินทร์วางดาราตรีลงบนโซฟาไม้สักลายมังกรแล้วสูดหายใจลึกๆ ผ่อนอาการหอบชั่วแวบ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ คุณน้อยหกล้มผมเลยต้องอุ้มเธอเข้ามา”
“เหอะ... นี่คงพยศจนได้เรื่องละสิ” คุณเศรษฐ์จ้องคนนั่งตัวลีบเขม็ง ก่อนจะสั่งเลขาคนสนิทเสียงเข้ม “จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“แต่เลือดยังไม่หยุดไหลเลยนะครับ ผมว่าเดี๋ยวผมทำ...”
“บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า เมียฉันเดี๋ยวฉันทำแผลให้เองได้ !”
“ครับ” ฆนินทร์เดินถอยหลังออกไปสองก้าวแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อยรับคำ ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เจ้านายจะตะคอกเขาแบบนี้
พอคนสนิทออกไปแล้ว คราวนี้บ้านทั้งบ้านก็เหลือเพียงเขากับหล่อนเท่านั้น ถ้าจะไม่นับรวมยามและบอดี้การ์ดที่อยู่ตามจุดต่างๆ รอบบ้าน แต่แน่นอนว่าคนพวกนั้นจะไม่มีวันเข้ามายุ่มย่ามข้างในถ้าเขาไม่เรียก
“อุ๊ย !”
“จะตกใจอะไรนักหนา หรือพออาอุ้มแล้วมันไม่นุ่มนวลเหมือนไอ้เสือฮึ” พูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ ขึ้นบันได ไม่สนว่าคนฟังกำลังทำหน้ายังไงอยู่
เพราะกำลังตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย เลยทำให้หล่อนนึกคำพูดโต้ตอบไม่ทันในคราแรก แต่พอเริ่มตั้งสติได้ แรงกายแรงใจบวกกับแรงฮึดสู้ ที่ไม่รู้มาจากไหนก็ทำให้ความเจ็บที่ขาดูเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยไปเลย
คุณเศรษฐ์ตั้งรับกับแรงดิ้นขลุกขลักของคนตัวเท่าแมว และแรงทุบตีจิกข่วนสารพัดที่เจ้าหล่อนจะนึกได้
“ถ้าจะให้ไปตามไอ้เสือคงไม่ทันแล้วมั้ง ยังไงก็ทนให้ผัวตัวเองอุ้มสักเดี๋ยวจะเป็นไรไป จริงมั้ยดาราตรี”
“ปากเสียยังไม่เท่าไร แต่ใจอานี่สิที่มันคงเสียจนหาทางซ่อมไม่ได้ !” ปากบริภาษ แต่มือของหล่อนก็ยังไม่หยุดประทุษร้ายคนตัวแข็งอย่างกับหิน ยิ่งออกแรงทุบไปเท่าไร คนที่เจ็บก็เห็นจะมีแค่หล่อนคนเดียว
พอมาถึงห้องนอนส่วนตัวคุณเศรษฐ์เลยใช้เท้าถีบเข้าไปอย่างแรงจนดังปัง จะด้วยความเจ็บที่เริ่มสะสมขึ้นเรื่อยๆ หรือเพราะความหงุดหงิดจากภาพที่เห็นตอนฆนินทร์อุ้ม
ดาราตรีเข้ามาก็ไม่รู้ได้ ถึงแม้ว่าถ้าตอนนั้นเขาเป็น ฆนินทร์คงจะทำไม่ต่างกันก็เถอะ
มันทำให้เขาออกแรงโยนคนในอ้อมแขนลงไปบนเตียงขนาดใหญ่ที่สั่งทำพิเศษ และเพราะรู้ว่าความนุ่มหยุ่นของมันจะไม่ทำให้แม่ตัวดีเจ็บตัวนัก เลยทำให้พอโยนเสร็จเขาก็หันหลังให้ทันที
แต่เพราะอีกคนไม่รู้ด้วย ว่าจะถูกเขาโยนลอยหวือมาซะแรงขนาดนี้ และไม่รู้ด้วยว่าหล่อนจะไปตกอยู่ที่ใด เพราะก่อนหน้านี้ทั้งห้องมันมืดสนิท เพิ่งจะมาสว่างไสวก็เมื่อตอนที่เขาเดินไปเปิดไฟหลังจากโยนหล่อนเหมือนหมูเหมือนหมาตัวนึงนี่แหละ
“คนใจร้าย” หญิงสาวเปล่งเสียงติดสะอื้นออกมา
ดาราตรีบอกกับตัวเองว่าหล่อนไม่ได้กลัวเจ็บ และไม่สนด้วยว่าที่ที่ตัวเองตกลงมาจะเป็นเตียงนอนหรือพื้นแข็งๆ แต่ลูกที่อยู่ในท้องหล่อนเล่า จะรับรู้มั้ยว่าสิ่งที่คนกำลังจะเป็นพ่อทำ อาจทำให้เขาไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย
“ก็เห็นทั้งทุบทั้งข่วน อยากให้ปล่อยนัก อาก็ปล่อยแล้วไง ยังจะมาไม่พอใจอะไรอีกล่ะ” ดอกเตอร์หนุ่มยืนเท้าเอวข้างหนึ่งแล้วพูดเสียงเข้มดุ ติดจะกวนประสาทประชดประชันเล็กๆ
“น้อยแค่จะให้อาวางน้อยลงดีๆ ไม่คิดว่าอาคุณจะอยากฆ่ากัน”
“ทำงานกองถ่ายมากไปหน่อยหรือเปล่าเรา อาไม่ใช่ไอ้โจรห้าร้อยในละครที่เอะอะก็ออกมาชักปืนยิงคนอื่นแบบไร้เหตุผล... แล้วกะอีแค่ก้นจ้ำเบ้าลงไปบนเตียงนี่ คงไม่ถึงตายหรอกมั้ง แม่คนจินตนาการสูง”
ตอนนี้น้ำตาที่ไหลรินออกมาคงไม่พอ และอาจจะยังไม่สาแก่ใจคนมอง หล่อนต้องใช้ใจช่วยร่ำไห้ด้วยอีกแรง