บทที่ 5

1495 คำ
ความรู้สึกทั้งรักทั้งโกรธผสมปนเปบีบอัดจนคนที่เครียดมาหลายวันระบายมันออกด้วยการขบปากตัวเองแน่นเข้าไปอีก จน... สิงโตหนุ่มผู้ไม่เคยอ่อนโยนกับใคร รีบจอดรถเมื่อขับมาถึงหน้าบ้านของตนพอดี แล้วจับคนโกรธ น้อยใจ เสียใจ หรืออะไรสักอย่างเข้ามาซบอก ค่อยๆ ไล้หัวแม่มือกับริมฝีปากอ่อนนุ่มแผ่วเบา... ชอบนักหรือไงไอ้การทำให้ตัวเองเจ็บเนี่ย “ถ้าอยากกัดก็มากัดปากอานี่ ยอมให้กัดทั้งวันทั้งคืนไม่คิดตังค์เลย แต่ขอเถอะอย่าทำแบบเมื่อกี้อีก รู้มั้ยว่ามันไม่น่ารักเลย วาวเองยังไม่เห็นเป็นแบบนี้ ไม่รู้เราไปติดนิสัยเสียๆ อย่างนี้มาจากใครสิน่า” หญิงสาวที่กำลังสูดกลิ่นกายอบอุ่นของบุรุษเพศ หวังว่ามันจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์และความว้าวุ่นของหล่อนได้บ้าง หวังให้แผ่นอกกว้างๆ ที่แสนอบอุ่นแม้จะแข็งดุจกำแพงหินผาเหมือนหัวใจของเขา จะทำให้รู้สึกปลอดภัยและอยากพักพิงเหมือนกับทุกที แต่เปล่าเลย ถ้อยคำที่เขาเปรียบเทียบหล่อนกับคนอื่น คนที่เขารักเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนที่หล่อนดันหน้าไปเหมือนอย่างกับแกะ คนที่เป็นอาแท้ๆ ของหล่อน และคนที่ทำอะไรก็ไม่เคยผิดในสายตาชายหนุ่มสักครั้ง อีกกี่คราวกี่หนกันที่หล่อนต้องทนฟังอะไรแบบนี้... ทนฟังคำที่แสดงให้เห็นว่าเขายังรักผู้หญิงอีกคนไม่เสื่อมคลาย ดาราตรีผละออกมาทั้งน้ำตา แล้วเอื้อมไปกดปุ่มปลดล็อกประตูรถ พาตัวเองออกไปจากที่ตรงนี้จากรถคันนี้และจากเขาคนนี้ให้เร็วที่สุด “ถ้ากล้าเดินออกไปอีกก้าว อย่ามาหาว่าอาใจร้าย !” แม้จะอยู่ห่างกันหลายช่วงตัวแต่ดาราตรีก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่เปล่งออกมาจากคนที่อยู่เบื้องหลัง และถ้าไม่ได้อุปาทานไปเองหล่อนว่าหล่อนเหมือนจะได้ยินคุณเศรษฐ์บดกรามตัวเองดังกรอดๆ “อย่างอาจะทำอะไรน้อยได้” ถึงคำพูดที่โต้ตอบกลับไปจะดูไม่กลัวเกรงแต่หญิงสาวก็ยอมหยุดยืนอยู่กับที่ แม้จะไม่ได้หันหลังกลับไปมองก็ตาม “มีอะไรเข้าไปคุยกันข้างใน อาไม่อยากมายืนเถียงกับน้อยหน้าบ้าน” คุณเศรษฐ์ตามลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปอีกเพียงสามสี่ก้าวก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้ คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าถ้าไม่โดนสะบัดออกในตอนนี้ อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าก็ต้องโดนอยู่ดี “บ้าน...” คราวนี้หล่อนถึงได้หันกลับไปมองบ้านหลังใหญ่ที่เรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะมองจากทิศทางไหน ดาราตรีก็มองไม่เห็นทางสิ้นสุดของกำแพง และนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มพาหล่อนมาที่ซึ่งเขาเรียกว่า ‘บ้าน’ “ใช่ ก็เห็นเราบอกว่าอยากมาบ้านอาตั้งหลายครั้ง วันนี้พามาให้แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรน้อยหายงอนอาสักทีไม่ได้เหรอครับ” ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะลงทุนงอนง้อผู้หญิง... แสงไฟที่สาดเข้ามาบวกกับเสียงรถที่เคยได้ยินเป็นประจำทำให้คนที่รอคอยการกลับมาของเจ้านายเปิดประตูบ้านบานใหญ่และออกมาดูว่าเหตุใดดอกเตอร์หนุ่มถึงยังไม่ขับรถเข้ามาจอดสักที “เอ่อ นายมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” แต่พอออกมาถึงก็เห็นว่าเจ้านายเขาไม่ได้อยู่คนเดียว จังหวะที่คุณเศรษฐ์หันไปมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ผิวขาวสะอาดสะอ้าน แต่งตัวเนี้ยบเชียบ แม้จะดึกแล้วแต่ก็ยังผูกไทใส่สูทครบ ผมที่ถูกจัดทรงมาก็แทบไม่กระดิกให้เสียทรงสักเส้น... นี่แหละ เลขามือขวาของเขา คนที่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็สามารถจัดการให้เขาได้ คนที่คอยจัดสรรตารางชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเขาให้เข้าที่เข้าทาง คอยสร้างพันธมิตรและกำจัดศัตรูให้ในคราวเดียวกัน “ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ฉันเคลียร์ได้ จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” เลขาหนุ่มกำลังจะหันหลังเดินกลับไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ยินได้เห็น หญิงสาวผู้เคยอ่อนหวานน่ารัก และมัดใจคนอย่างเจ้านายของเขาไว้ได้ แสดงฤทธิ์เดชออกมาและทำท่าจะไม่ยอมทำตามที่เจ้านายเขาต้องการท่าเดียว เขาเลยยังคงยืนคุมเชิงสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ เผื่อนายจะเรียกใช้อะไร “อาคุณปล่อยน้อยนะ น้อยจะกลับบ้าน” ดาราตรีไม่ได้อยากทำกิริยาท่าทางไม่ดีด้วยการสะบัดแขนแรงๆ เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของมือใหญ่อย่างนี้เลย แต่เพราะหล่อนพยายามดึงมือและแขนตัวเองออกมาเฉยๆ เขาก็ไม่ยอมปล่อยดีๆ แถมยังบีบจนแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก “บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอก คุยเสร็จแล้วจะไปส่ง” “แต่น้อยไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้าอาคุณด้วย” “งั้นก็ถือซะว่ามาเยี่ยมชมบ้านอาเป็นไง เห็นเคยร่ำร้องนักหนาว่าอาไม่เคยพามาที่บ้าน วันนี้ก็พามาแล้ว เข้าไปหน่อยคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง” ไม่รู้เขาจะขยี้จุดอ่อนของหล่อนไปถึงไหน ทุกครั้งที่เคยพูดกันถึงเรื่องนี้คุณเศรษฐ์ก็มักจะบอกปัดเสมอด้วยถ้อยคำที่ว่า ‘บ้านอาอยู่กลางเมือง รถก็ติด แถมที่ทำงานน้อยก็ชอบออกต่างจังหวัดหรือไม่ก็ตามชานเมืองตะเข็บชายแดนกรุงเทพฯ โน่น กว่าจะไปถึงบ้านอาก็หมดเวลาอยู่ใกล้ๆ เราพอดีน่ะสิ’ แล้ววันนี้เขานึกอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้อยากจะให้หล่อนเข้าไปนัก คงไม่ได้อยากอวดบ้านให้หล่อนได้เยี่ยมชมอย่างที่ปากพูดอย่างเดียวแน่ พอเห็นท่าครุ่นคิดของหญิงสาว คนหน้าโหดก็ยิ้มสมใจ เด็กยังไงก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ ลองเอาของที่ชอบที่อยากได้เข้ามาล่อหน่อย เดี๋ยวก็ติดกับ ไอ้ที่โกรธๆ งอนๆ อยู่อีกไม่นานก็คงหายไปเอง “มาขึ้นรถเถอะ ถ้าเดินเข้าไปกว่าจะถึงคงเที่ยงคืนพอดี” พอเขาปล่อยหล่อน เพราะคิดว่าหล่อนคงจะตามขึ้นรถไปง่ายๆ ดาราตรีเลยถือโอกาสนี้ตั้งใจจะวิ่งหนีไปเรียกแท็กซี่ฝั่งตรงข้าม “โธ่โว้ย !!” หลังจากสบถเสร็จดอกเตอร์หนุ่มก็หันรีหันขวาง แม้เวลานี้จะเริ่มดึกแต่ก็ยังมีรถราวิ่งขวักไขว่อยู่ตลอด เจ้าหล่อนวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้โดนรถชนเข้าให้ ดาราตรียิ้มสมใจเมื่อเห็นรถแท็กซี่ขึ้นป้ายว่าว่าง หล่อนรีบกวักมือเรียกและไม่กี่อึดใจแท็กซี่คันนี้ก็มาจอดเทียบอยู่ใกล้ๆ “ลุงคะไป... ว้าย” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสิงโตวิ่งเข้ามาคว้าเอวแม่แน่งน้อย ออกแรงยกนิดๆ เบี่ยงตัวหล่อนออกเพื่อให้ตนเองก้มลงไปบอกลุงคนขับแท็กซี่ได้ “ไม่ไปแล้วครับ” เขาบอกแค่นั้นแล้วก็จัดการกระแทกประตูปิด แม้จะพยายามไม่ให้มันแรงมันเหมือนอารมณ์เขาที่พุ่งขึ้นสูงปรี๊ดในขณะนี้ แต่ก็คงดังและแรงมากพอให้ลุงเจ้าของแท็กซี่บ่นพึมพำๆ ท่าทางหัวเสียแล้วกระชากเกียร์รถพุ่งออกไปทันที “อาคุณปล่อยน้อยนะ” หล่อนทั้งดิ้นทั้งจิกเล็บลงไปบนแขนแกร่งที่รัดรอบเอวอยู่ “อย่าดิ้น !” คุณเศรษฐ์ตะคอกกลับเสียงดังขณะที่กำลังเดินไปด้วย “เดี๋ยวพ่อก็โยนลงซะเลย หรือจะลอง” “ป่าเถื่อน คำนำหน้าว่าดอกเตอร์ที่ได้มานี่ก็คงจะใช้เงินซื้อสินะคะ เพราะคงไม่มีคนมีการศึกษาที่ไหนเขาทำกับผู้หญิงแบบนี้” “ยังไม่ได้ทำหรอกสาวน้อย แต่ถ้ายังยั่วโมโหกันไม่เลิก...” ชายหนุ่มกัดฟันจนเส้นแนวสันกรามนูนเด่นขึ้นอย่างชัดเจนแล้วพูดช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ “ก็ - ไม่ - แน่” แต่มีหรือคนอย่างดาราตรีจะกลัว หญิงสาวใช้แขนสองข้างเหนี่ยวตัวขึ้นนิดหน่อย พอได้ระดับก็พลิกตัวงับเข้าไปตรงบริเวณแขนท่อนบนใกล้หัวไหล่ของคนอุ้มเต็มแรง ถ้าเป็นสุนัขก็ต้องเรียกว่ากัดจนจมเขี้ยวนั่นละ แต่แทนที่เขาจะรู้สึกอะไรบ้าง หรือไม่ก็โยนหล่อนลงมา ดาราตรีกลับเห็นเขาทำเพียงรัดเอวหล่อนแน่นยิ่งขึ้น “จะทำให้อาเจ็บได้ ต้องใจกล้ากว่านี้อีกหน่อยนะ ดาราตรี กัดให้แรงกว่านี้สิ... หรือว่ามีแรงแค่นี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม