จาก ‘คุณเศรษฐ์’ จึงเหลือเพียงแค่ ‘เศรษฐ์’ เมื่อดูท่าชายหนุ่มอดีตคู่ขาของหล่อนคืนนี้จะเปลี่ยวเหงาและอารมณ์แปรปรวนผิดปกติ ใครอาจจะไม่รู้และดูไม่ออก เพราะบุคลิกท่าทางของดอกเตอร์หนุ่มค่อนข้างนิ่งที่แฝงความยโสไว้ทุกอณู... แต่ไม่ใช่กับหล่อน
“หนูจ๊ะ ขอแอพเพอริทิสกับเชอร์รี่เชื่อมให้พี่จานนึงนะคะ” หญิงสาวเพียงยกมือนิดหน่อยเด็กบริกรที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพราะต้องรอรับออเดอร์ของลูกค้าก็รีบเข้ามา และเดินออกไปเมื่อจดรายการที่หล่อนสั่งเรียบร้อยแล้ว
สายตาของคุณเศรษฐ์ยังคงมองไปรอบๆ ถ้าเมื่อบ่ายไม่ได้บังเอิญมีเรื่องให้คุยกับเจ้าของที่นี่ซึ่งเป็นรุ่นน้องของเขา และเจ้านั่นไม่ได้หลุดปากเล่าเรื่องกองถ่ายละครมาจองผับชั้นล่างไว้มุมหนึ่ง และเขาก็ดันจำได้แม่นว่ามันเป็นกองถ่ายที่แม่ดาวน้อยของเขาทำงานให้ ก็คงไม่มีทางรู้ว่าวันนี้
ดาราตรีอยู่ที่นี่ ด้วยหญิงสาวไม่ยอมรับการติดต่อจากเขาทุกช่องทางมาทั้งวัน
“เศรษฐ์ยังไม่ได้บอกชุดาเลยนะคะว่าทำไมวันนี้ถึงแวะมาที่นี่ได้” หล่อนพยายามเรียกร้องความสนใจหวังให้สายตาสิงโตหนุ่มหันมามองกันบ้าง แต่คนอย่างดอกเตอร์คุณเศรษฐ์ก็เป็นซะอย่างนี้ เขาไม่เคยไว้หน้าหรือเกรงใจใคร ไอ้จะให้รักษาน้ำใจคนอื่น หรือทำอะไรตามมารยาท ลืมไปได้เลย
... เมื่อเขาไม่สนใจ หญิงสาวเลยเสเปลี่ยนเรื่องไปซะ
“อืม เศรษฐ์นี่เป็นคนแปลกนะคะ ตั้งแต่ทำงานมา
ชุดายังไม่เคยเห็นใครชอบดื่มเหล้าแรงๆ ขนาดนั้น แล้วแกล้มด้วยของหวานสักคน” แน่นอนละว่าขนาดรสนิยมการดื่มของพ่อสิงโตยังแปลกชนิดที่เรียกได้ว่าถ้าคอไม่แข็งจริง อาจล้มพับหมดท่าได้ง่ายๆ
“ผมอยากอยู่เงียบๆ ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะนั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ จะไปเรียกเด็กคนอื่นมานั่งแทนก็ได้”
หญิงสาวเผลอหน้าตึง แม้จะรู้อีกนั่นละว่าคนอย่างดอกเตอร์คุณเศรษฐ์จะไม่ยอมนั่งคนเดียวในที่แบบนี้ แต่ไอ้การที่คิดจะเอาคนอื่นมาเทียบรัศมีและแทนที่หล่อนมันออกจะเกินไปหน่อย
และแม้จะหงุดหงิดเหลือใจ วิชชุดาก็ยังเลือกจะนั่งอยู่ไม่ลุกออกไปอย่างที่เขาจงใจไล่ ใครจะไปรู้... นาทีนี้ไล่ อีกสิบนาทีข้างหน้าเขาอาจจะชวนหล่อนไปต่อชั้นบนเหมือนเคยๆ ก็ได้
“ตรงโซนซีวันนี้เขามีงานอะไรกัน ถึงได้ดูวุ่นวายพิลึก” เพราะมองเท่าไรก็หาแม่ดาวน้อยไม่เจอสักที เขาเลยเลือกที่จะหลอกถามจากคนแถวนี้แทน
“อยากคุยกับชุดาแล้วเหรอคะ”
หล่อนทำเป็นประชดเล็กๆ แง่งอนหน่อยๆ คิดว่าคนเคยมีอดีตร่วมกันมาครั้งหนึ่งจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่เปล่าเลย คนตรงข้ามยังคงนั่งไขว่ห้างเอนหลังและยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาพาดที่เก้าอี้นิ่งๆ ได้อย่างคงเส้นคงวา และเป็นหล่อนเองเหมือนเคยที่ทนไม่ได้ซะเอง
“เห็นว่าวันนี้พวกดาราเขามาเลี้ยงปิดกล้องอะไรกันนี่แหละค่ะ ชุดาก็ไม่ค่อยได้สนใจเพราะโซนนั้นอยู่ในความดูแลของนายพงษ์เขา”
คุณเศรษฐ์ทำเป็นครางรับในลำคอ แล้วยกแอพเพอริทิสขึ้นดื่ม ตามด้วยหยิบผลเชอร์รี่สีแดงสดขึ้นมาตัดรสขมปร่า
“ดูคนน้อยๆ นะกองนี้”
“ตอนเข้ามาเมื่อหัวค่ำชุดาก็เห็นมากันเยอะนะคะ สงสัยแยกย้ายไปตามเคาน์เตอร์บาร์กับหน้าเวทีกันบ้างแล้วมั้งคะ”
พีอาร์สาวเล่าไปโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดของตนจะพาสายตาเจ้าป่าไปสะดุดกับสองร่างที่เคล้าคลอกันอยู่หน้าเวที
“ชุดา ผมอยากลองค็อกเทลตัวใหม่ เห็นเจ้าซิกมันบอกแรงนักแรงหนา คุณไปเอามาให้ผมหน่อยได้มั้ย”
“แค่อยากดื่มค็อกเทลทำไมต้องทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ด้วยล่ะคะเศรษฐ์” หญิงสาวผู้ถูกร้องขอด้วยคำสั่งทำหน้าลำบากใจ ไอ้เรื่องจะไปตะล่อมเอาค็อกเทลที่ยังไม่อนุมัติให้ขายลูกค้าน่ะเรื่องเล็ก แต่ไอ้ที่กลัวจะมีใครมาเสียบที่ของหล่อนนี่สิเรื่องใหญ่
คนอย่างคุณเศรษฐ์ นรเสษฐ์นพรัตน์ ห่างสายตาได้ที่ไหน...
“แต่ถ้าคุณซิกรู้ ชุดาคง...”
เหมือนดอกเตอร์หนุ่มก็จะรับรู้ถึงสิ่งที่หญิงสาวแสดงออกมาทางสายตาผ่านถ้อยคำลำบากใจเหล่านั้น
“ผมไม่ไปไหนหรอก จะรอคุณ...”
คราวนี้วิชชุดายิ้มร่า แล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี นานทีปีหนคุณเศรษฐ์จะเป็นคนเอ่ยปากเอง หล่อนสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเหตุผลหนึ่งที่หลงใหลได้ปลื้มผู้ชายมาดร้ายคนนี้ก็เพราะเสน่ห์อันล้นเหลือของเขา และก็เชื่อเหลือใจว่าผู้หญิงกว่าค่อนประเทศก็พร้อมจะทอดกายข้ามสะพานมาให้เขา โดยที่ความร่ำรวยติดอันดับในเอเชียของดอกเตอร์คุณเศรษฐ์ นรเสษฐ์นพรัตน์ คนนี้แทบจะไม่มีผลอะไรเลย
“ตั้งแต่มาพี่ยังไม่เห็นน้อยกินอะไรเลยนะครับ”
พจการันต์ท้วงหลังจากพากันมานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ตามความต้องการของหญิงสาวแล้ว
“ยังไม่ค่อยหิวเลยค่ะ คงเพราะก่อนหน้านี้น้อยได้น้ำอัดลมไปแล้วหลายแก้ว”
ชายหนุ่มแทบจะละลายกับรอยยิ้มสดใสไร้การปรุงแต่งตรงหน้า จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่กล้ายืดอกตบโต๊ะบอกว่าตนเองจัดการน้ำอัดลมศัตรูหุ่นสวยๆ ของสาวๆ ไปซะหลายแก้ว แถมยังมายิ้มเหมือนลุแก่โทษให้เขาซะอีก คงกลัวเขาจะดุจะบ่นที่เจ้าหล่อนไม่ดูแลสุขภาพทั้งที่ชอบบ่นว่าปวดท้องอยู่เป็นประจำนั่นละ
“ขอผมร่วมวงด้วยคนได้หรือเปล่า”
“อาคุณ... !!”
“ครับอาเอง ดูเหมือนน้อยจะตกใจนะ”
ก็ถ้าสีหน้าของเขาดูอารมณ์ดีเป็นกันเองเหมือนคำพูดสบายๆ กับการวางตัวชิลล์ๆ ที่แสดงออกมา หล่อนคงไม่ตกใจอย่างนี้หรอก และที่สำคัญเขาเองนั่นแหละที่น่าจะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเรามันไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติสักเท่าไร
“สวัสดีครับดอกเตอร์เศรษฐ์ วันนี้คงมารอรับน้อยเหมือนเคยสินะครับ ที่จริงผมว่าจะขอไปส่งน้อยเองเพราะกว่างานเลี้ยงจะเลิกพวกเราคงดึก ไม่ทราบว่า...”
“คงไม่สะดวก ไอ้เต้มันกำชับว่าอย่าให้น้อยกลับบ้านเกินสามทุ่ม” คุณเศรษฐ์แทบไม่สนใจรับไหว้หนุ่มรุ่นน้องด้วยซ้ำ แถมยังสวนกลับไปตรงประเด็น ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม แต่ทั้งที่หมั่นราดน้ำดับความหวังไอ้หมอนี่อยู่บ่อยๆ มันยังกล้ามายุ่มย่ามกับดาราตรีไม่เลิกรา สงสัยจะไม่เคยตาย !
“โธ่น่าเสียดายนะครับ ตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มแล้วกว่าจะขับรถไปถึงบ้านอีกคงเป็นชั่วโมง”
“อ้าวเหรอครับ ผมเองก็มัวดื่มรอน้อยจนลืมเวลา ถ้าคุณพจไม่บอกนี่มีหวังทั้งผมทั้งน้อยคงถูกไอ้เต้สวดจนหูชาแน่”
ทำไมดาราตรีจะดูไม่ออกว่าเขาจงใจเล่นละครตามน้ำพจการันต์ไปอย่างนั้นเอง เพราะถึงอาเต้ หรือ ‘เตรวิชญ์ จันทรารัตน์รักษา’ อาเขยของหล่อนจะทำให้ใครต่อใครขยาดกลัวได้ แต่รับรองว่าไม่ใช่กับดอกเตอร์คุณเศรษฐ์แน่นอน
“แต่น้อยอยากจะอยู่กับเพื่อนๆ ในกองต่ออีกสักพัก อาคุณกลับไปก่อนได้เลยนะคะน้อยคงให้พี่พจไปส่งแทน เดี๋ยวทางอาเต้น้อยจัดการโทรเคลียร์เองค่ะ”
สิงโตหนุ่มยิ้ม ‘ร้าย’ ออกมา ยายดาวดวงน้อยของเขาคิดเหรอว่าเล่นแบบนี้แล้วจะเอาชนะเขาได้
“ไม่ได้หรอกจ้ะ อาบอกให้กลับก็ต้องกลับ... แล้วอาก็คิดว่าน้อยคงไม่หัดดื้อหัดเถียงผู้ใหญ่ขึ้นมาวันนี้หรอกนะครับ”
“วันนี้เป็นวันเลี้ยงปิดกล้องละคร ใครๆ เขาก็อยู่กัน น้อยเชื่อค่ะว่าอาเต้มีเหตุผลพอ”
ดวงตาใสๆ สะท้อนแสงไฟมองมาที่เขาเขม็ง บอกให้รู้ว่าประโยคเมื่อครู่ยังมีต่อ แต่เจ้าหล่อนใช้ตาพูดแทนปากได้ฉลาดจนเขาเริ่มปวดขมับตุบๆ
‘และอาคุณก็คงมีเหตุผลด้วยเหมือนกัน...’
“ก็เอาสิ ในเมื่อเป็นวาระสำคัญอาจะอนุโลมให้สักครั้ง... เสร็จเมื่อไรก็เรียกอาได้ อาจะนั่งรออยู่ตรงโน้น”