บทที่ 2

1490 คำ
“นุ้ยนำไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ตามไป” ศิริมาศพยักหน้าเร็วๆ แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ นอกจากจะมาตามพี่เมคอัพฯ ฟรีแลนซ์ประจำกอง อีกหนึ่งจุดประสงค์ที่ถ่อมาไกลจากวงสังสรรค์ปิดกล้องละครหลังข่าวเรื่องใหม่ของบริษัท ก็คือการมาหาเหล้านอกราคาแพงดื่มสักช็อตสองช็อต แล้วลงบิลกองถ่ายไว้ วันนี้มีการเลี้ยงฉลองปิดกล้องละครของบริษัทที่ดาราตรีทำงานให้ สปอนเซอร์ใหญ่ของค่ายเลยติดต่อร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้ เพื่อขอปิดมุมเล็กๆ ชั้นล่างโดยที่ทางร้านไม่ต้องปิดทั้งร้านให้ และยังดูครึกครื้นจากผู้คนที่เข้ามาไม่ขาดสายเป็นการประชาสัมพันธ์ละครที่เตรียมจะ ออนแอร์ไปในตัว ในส่วนของชั้นบนตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปจนถึงชั้นสี่ จะแยกส่วนปิดกระจกใสสำหรับลูกค้าวีไอพี เมื่อคนที่อยู่ชั้นล่างมองขึ้นไปก็จะเห็นถึงความหรูหรามีระดับ แต่ชั้นบนจะไม่ได้ยินความวุ่นวายของชั้นล่าง จากทั้งนักท่องราตรีเท้าไฟ วงดนตรีสด หรือนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาที่หลั่งไหลกันมาใช้บริการ “งั้นถ้าพี่จะชวนไปยืดเส้นยืดสายแทน น้อยคงไม่ปฏิเสธนะครับ” เสียงคุ้นเคยของใครบางคนทำให้สองสาวที่นั่งเก้าอี้ติดกันหันไปมอง แต่ถึงไม่ได้มอง เสียงแบบนี้ก็มีอยู่คนเดียวนั่นละ และเป็นศิริมาศดาราสาว ผู้มีอารมณ์ขันยิ้มได้ทั้งวันอัธยาศัยเป็นเลิศในวงการที่ทักทายกลับไปก่อน “แหม พี่พจยิ้มหวานซะขนาดนี้พี่น้อยจะไม่ตกลงได้ยังไงล่ะคะ จริงมั้ยคะพี่น้อย” ศิริมาศหันมาสีไหล่กระเซ้าคนที่นั่งข้างๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ไปแล้ว ดาราตรียิ้ม... แม้จะเป็นยิ้มที่ดูจืดเจื่อนไปบ้าง แต่ พจการันต์ก็มองว่ามันช่างหวานจับไปถึงขั้วของหัวใจเป็นที่สุด “นะครับ นะ” “พี่น้อยตกลงไปเถอะค่ะ นุ้ยละกลัวคนแถวนี้จะขาดใจตายไปซะก่อน เดี๋ยวละครเรื่องหน้าที่บวงสรวงไปแล้วจะขาดผู้กำกับเอา” เมื่อมันไม่ได้เสียหายอะไรหล่อนเลยพยักหน้าแล้วเดินนำคนที่ผายมือรออยู่ ไอ้ครั้นจะให้ปฏิเสธว่าเต้นไม่เป็นเพราะหล่อนไม่อยากเต้น ก็ไม่ใช่วิสัย หล่อนไม่ชอบการโกหก แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ดาราตรีผ่านการเรียนเต้นมาเกือบจะทุกแขนง แม้ไม่ได้ชอบด้านนี้จริงจังแต่เพราะมันช่วยเสริมบุคลิกการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดี การขยับเนื้อตัวไปตามจังหวะ ตาดู หูฟัง มือขาและปลายเท้าเคลื่อนไหวได้อย่างสอดคล้องกัน หล่อนว่ามันน่าอัศจรรย์เลยศึกษาเรื่อยมา “เหนื่อยรึเปล่า วันนี้ดูน้อยเพลียๆ เหม่อๆ ยังไงชอบกล” พจการันต์โอบกระชับรอบเอวบางหลวมๆ พร้อมดันไหล่บึกบึนข้างหนึ่งไปเบียดศีรษะหญิงสาว ให้หล่อนได้ใช้พักพิงตามจังหวะสโลว์เบาๆ ของเพลงที่เปิดคลออยู่ “นิดหน่อยค่ะ วันนี้มีถ่ายเก็บหลายฉาก ช่างหน้าช่างผมเลยมือแทบเป็นระวิง” “งั้นพี่ไปส่งนะครับ น้อยจะได้ถึงบ้านเร็วๆ ไม่ต้องรอรถจากที่บ้านมารับ” คราวนี้ชายหนุ่มหันมาใช้แขนแข็งแรงทั้งสองข้างประสานกันไว้กึ่งกลางระหว่างเอวบางกับสะโพกผาย ที่ก่อนหน้านั้นเขาได้แตะไปเบาๆ บนข้อมือเล็กเกี่ยวขึ้นมาคล้องไว้บนลำคอของตนเอง พร้อมโยกเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง “ทำแบบนี้เหมือนคู่รักกันเลยนะพี่ว่า” คนพูดหัวเราะเบาๆ เหมือนเป็นเรื่องล้อกันเล่นขบขัน แต่ในใจกลับร้อนวูบวาบอยากให้มันเป็นแบบที่พูดออกไปจริงๆ “พี่พจชอบแกล้งน้อย...” ดาราตรีทอดเสียงเบาๆ คล้ายโยนความผิดไปให้คนตลก สำหรับหล่อนพจการันต์เป็นผู้ชายที่น่าคบหาในฐานะคนรักคนหนึ่ง เจ้าเล่ห์ ขี้เล่นเป็นกันเอง และชอบถึงเนื้อถึงตัวไปบ้างแต่ก็ชัดเจนและมีความจริงใจเต็มเปี่ยม เขาออกตัวตั้งแต่ทีแรกที่รู้จักกันว่าอยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ แม้จะเป็นคนเบื้องหลังแต่เสือผู้หญิงอย่างเขาผ่านผู้หญิงมาแล้วไม่น้อย แต่เมื่อใดที่เขาพร้อมจะหยุด เขาก็จะหยุดทันที สายตาของหนุ่มหล่อเจ้าสำราญที่มองมาอย่างมีความหมายในวันนั้น ต่อให้เด็กอนุบาลก็ยังดูออก ว่าพจการันต์ต้องการจะสื่อสิ่งใดกับหล่อน แรกทีเดียวดาราตรียังวางตัวไม่ค่อยถูกนักกับการรุกคืบของหนุ่มผู้กำกับ แต่ถึงตอนนี้หล่อนชินซะแล้ว เขาเคยขอแค่จับมือบ้าง ลูบผม ลูบศีรษะเล่นบ้าง หรือไม่ก็โอบไหล่นิดๆ หน่อยๆ ถ้าหล่อนเผลอ แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทีหยาบโลนลวนลาม หรือฉวยโอกาสให้หล่อนรู้สึกไม่ดีเลยสักครั้ง ... จะติดอยู่อย่างเดียวที่หล่อนรับน้ำใจของเขาไม่ได้เพราะว่าในใจหล่อนมีใครคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว “เฉไฉแบบนี้แสดงว่าไม่ได้อีกตามเคยสินะครับ... เฮ้อ คนหล่อเซ็ง” “ก็น้อยไม่อยากให้อาเต้กับอาวาวบ่นนี่คะ” “น้อยก็อ้างคุณเต้กับคุณวาวทุกที สองคนนั้นใช่พ่อแม่น้อยรึก็เปล่า” “แต่เขาเลี้ยงน้อย ส่งเสียน้อยเรียนจนจบ อะไรที่ไม่จำเป็นน้อยก็ไม่อยากให้พวกอาๆ เขาไม่สบายใจ” “นั่นก็แค่ไม่กี่ปี หรือถ้าเขาจะไม่ให้น้อยอาศัยอยู่ในบ้านเพราะขัดคำสั่งเล็กๆ น้อยๆ พี่ก็พร้อมจะดูแลน้อยต่อจากสองคนนั้นทันทีเลยนะ น้อยไม่เห็นต้องห่วงอะไร” เขาเห็นหญิงสาวเงยหน้ามาส่งยิ้มหวานจนตาโตๆ แทบหยีก็ได้แต่แกล้งทำหน้าดุเสียงเข้มเข้าไปอีก “เอ้า นี่พูดจริงนะครับ ไม่เชื่อพรุ่งนี้จะยกขันหมากไปสู่ขอให้ดู” ดาราตรีฉีกยิ้มกว้างเข้าไปอีกกับอาการหัวเสียของผู้กำกับจอแก้วชื่อดัง “ได้ที่ไหนล่ะคะ เดี๋ยวน้อยได้ถูกสาวๆ ของพี่พจฉีกอกพอดี” คนกลัวถูกฉีกอกยังคงยิ้มหวานส่วนพจการันต์เอาแต่หน้ามุ่ย และเพราะมัวสนใจกันและกันกับการเต้นรำท้ายบทเพลง ทั้งสองคนจึงไม่ทันเห็นว่าสายตาส่วนใหญ่ของนักท่องราตรีและกองทัพละครหลังข่าวกำลังให้ความสนใจไปที่ใครหรือสิ่งใด... ร่างสูงสมาร์ทในเสื้อเชิ้ตสีเขียวขี้ม้าแขนยาวพับถึงข้อศอกกับกางเกงยีนขาวซีดพอดีตัว เดินเข้ามาภายในร้านที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ รัศมีที่เหมือนจะเปล่งออกมาได้เวลาขาทั้งสองข้างก้าวเดินอย่างมั่นคงทีละย่างก้าว สายตาที่สงบเยือกเย็นแต่เหมือนจ้องตะครุบเหยื่ออยู่ตลอดเวลาดุจสิงโต กำลังสอดส่ายหาบางสิ่ง อย่างเงียบๆ “วันนี้ลมอะไรหอบคุณเศรษฐ์มาถึงที่นี่ได้คะ” คุณ ‘เศรษฐ์’ หรือ ดอกเตอร์คุณเศรษฐ์ นรเสษฐ์นพรัตน์ ที่ถูกพีอาร์สาวสวยประจำร้านเข้ามาทักทายและเลื่อนเก้าอี้ที่ประจำมุมในสุดของร้านให้ ทำเพียงนั่งลงนิ่งๆ หน้าที่ว่าดุอยู่แล้วเพราะหนวดเคราที่ขึ้นประปราย ถึงจะถูกจัดทรงเป็นอย่างดีจนแลดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา บวกกับผมรองทรงที่ถูกเซตให้ดูยุ่งเหยิงอีกนิดหน่อย ยิ่งขับให้ใบหน้าคมคล้ามแลดูเข้มและดุดันขึ้นอีกเป็นเท่าตัว “รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ เดี๋ยวชุดาไปเอามาให้” แม้เขาจะไม่ยิ้มรับ แต่วิชชุดา สาวสวยทรงเสน่ห์ที่สุดในร้านก็ไม่คิดจะล่าถอยกลับไปง่ายๆ หล่อนรู้จักเขาดี ผู้ชายที่น่าหลงใหลและมีแรงดึงดูดมหาศาลคนนี้ แม้จะเจ้าอารมณ์และไม่ไว้หน้าใครไปสักหน่อย แต่ก็เร้าใจเสมอเวลาที่อยู่ใกล้ “ถ้าไม่มีธุระที่ไหนต้องไปทำ ก็นั่งสิ” วิชชุดาไม่รีรอที่จะทำตามคำชักชวนแสนห้วนนั้น แม้ในใจจะกระดี๊กระด๊าแค่ไหนแต่หล่อนก็ทำมันอย่างมีจริตจะก้าน สะโพกดินระเบิดที่หย่อนลงบนเก้าอี้เพียงหมิ่นเหม่รับกับการโค้งของกระดูกสันหลังอย่างเหมาะเจาะเวลาที่หล่อนโค้งตัวไปด้านหน้าและวางข้อศอกสองข้างไว้บนโต๊ะ ช่างรับกันได้ดีเหลือเกินกับชุดเว้าหน้าแหวกลึกลงไปจนเกือบจะถึงลิ้นปี่ ทำให้หน้าอกเบียดชิดกันอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนไร้ซึ่งการจงใจใดๆ ทั้งสิ้น “งั้นเดี๋ยวชุดาสั่งให้เศรษฐ์เองนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม