บทที่ 8

1232 คำ
ฟ้าลดาไม่มีโอกาสที่จะได้เอ่ยบอกพี่สาวถึงเรื่องของเจ้าหนี้หนุ่มที่นอกจากเขาจะดูไม่แก่เลยสักนิดนั้นยังหล่อคมคายตรงตามสเป็คของพิมพ์พิไลแทบจะทุกอย่างเพราะทันทีที่เธอขยับปากจะพูดสองแม่ลูกก็พากันเดินหลบหายเข้าไปในบ้านก่อนแล้ว            “อย่าไปใส่ใจคำพูดของพี่เขาเลยนะฟ้า รีบเข้าบ้านกันเถอะลูก” หญิงสาวพยักหน้าให้ผู้เป็นพ่อก่อนทั้งสองจะพากันเดินเข้าไปในบ้านตามแขไขและพิมพ์พิไลไปติดๆ            ตลอดทั้งคืนฟ้าลดาเอาแต่นอนจ้องแหวนเพชรที่จนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังถูกเก็บเอาไว้ในกล้องอย่างดี หญิงสาวพยายามที่จะหลับตาลงไปหลายครั้งแต่พอเริ่มจะเคลิ้มหลับภาพใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็มักจะแทรกผ่านเข้ามาก่อกวนไม่หยุดหย่อน พอคิดถึงเขาขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่ต้องยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเองเบาๆ จูบแรกของเธอ    สัมผัสอ่อนโยนที่เขาส่งมาให้ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้อยู่            มันซาบซ่านและชวนทำให้นอนไม่หลับไปตลอดทั้งคืน            วันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย มารู้สึกตัวอีกทีฟ้าลดาก็พบว่าตัวเองเหลือเวลาที่จะอยู่ในบ้านหลังงามที่อยู่มาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น  ยิ่งวันเวลาผ่านไปเร็วมากเท่าไหร่หญิงสาวก็ยิ่งทุกข์ใจหนักมากขึ้นเท่านั้นต่างจากสองแม่ลูกที่ยังคงใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุขทำเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น            “มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ลูกฟ้า” เสียงที่ร้องเรียกจากด้านหลังทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งเก็บเอาช้อดอกบุหงาส่าหรีที่ร่วงหล่นบนพื้นหญ้าต้องรีบหันกลับไปมอง เมื่อพบว่าเป็นพ่อของเธอเองรอยยิ้มหวานๆ ถึงได้เผยขึ้นให้อีกฝ่ายได้เห็น            “ฟ้าอยากเก็บเอาดอกบุหงาส่าหรีนี้ติดตัวไปด้วยค่ะพ่อ เผื่อเวลาฟ้าคิดถึงแม่ขึ้นมาจะได้มองมัน มันทำให้ฟ้ารู้สึกเหมือนว่าแม่ยังไม่ได้จากพวกเราไปไหน พ่อเคยรู้สึกแบบนั้นบ้างไหมคะ” ฟ้าลดาถามอย่างมีความหวัง แม้ว่าความหวังนั้นมันจะเลือนรางแค่ไหนแต่สำหรับเธอแล้วแม่ของเธอคือผู้หญิงที่ดีที่สุด            “ต้องรู้สึกสิลูก แต่อันที่จริงแม่ของฟ้าก็ไม่ได้จากพวกเราไปไหน เขายังอยู่ในใจของเราสองคนพ่อลูกเสมอ แล้วนี่...เก็บของหมดแล้วใช่ไหม”            “ค่ะพ่อ เหลืออีกแค่ไม่กี่อย่างแล้วค่ะ ถ้าฟ้าไปแล้วพ่อต้องสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ นะคะ และถ้ามันไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไป ฟ้าฝากพ่อดูแลบุหงาส่าหรีต้นนี้แทนฟ้าหน่อยจะได้ไหมคะ” คำขอร้องที่นานๆ ครั้งจะได้ยินมันทำให้โชคชัยตอบรับด้วยการคว้าเอาลูกสาวมากอดเอาไว้แน่น  ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเลยสักวันที่ฟ้าลดาจะต้องไปไหนไกลบ้าน แต่มาครั้งนี้นอกจากลูกสาวที่น่ารักคนนี้ของเขาจะต้องจากลาไปไกลแล้วนั้น เธอยังต้องกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าหนี้ของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย            “ได้สิฟ้า พ่อสัญญาว่าจะดูแลต้นไม้ของลูกกับแม่เขาให้ดีที่สุด ฟ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไปอยู่ที่นู้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก ลูกของพ่อเป็นคนเข้มแข็ง พ่อเชื่อว่าฟ้าจะต้องมีความสุข หนูจะต้องยิ้มให้มากๆ รู้ไหม”            “ค่ะพ่อ ฟ้าจะยิ้มไม่ว่าทางข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไร พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ลูกของพ่อคนนี้เข้มแข็งอยู่แล้วค่ะ ฟ้ารักพ่อนะคะ” ภาพของสองพ่อลูกที่กำลังยืนกอดกันอยู่มราสวนถูกจ้องมองด้วยสายตาอีกสองคู่ที่ถึงแม้จะหมั้นไส้แต่ก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะการร่ำลาที่ชวนคลื่นไส้ตรงหน้า            “ดูนังฟ้ามันสิคะแม่! พอได้ดีก็ออดอ้อนคุณพ่อเสียยกใหญ่ น่าหมั้นไส้จริงๆ” ต่างจากลูกสาวที่เริ่มจะไม่ค่อยพอใจที่ผู้เป็นพ่อนั้นเอาแต่สนอกสนใจน้องสาวจนออกนอกหน้า “ช่างมันเถอะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ต้องไปจากบ้านหลังนี้แล้ว มันอยากจะทำอะไรทิ้งท้ายก็ปล่อยให้มันทำไปเถอะ แม่ว่าเราออกไปช๊อปปิ้งกันดีกว่า”            “จริงด้วยสินะคะ ไปกันเถอะค่ะ พิมพ์อยากทำเล็บจะแย่อยู่แล้ว” พิมพ์พิไลอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นก่อนจะเดินนำผู้เป็นแม่ไปยังรถที่จอดรออยู่นานแล้ว เมื่อทั้งสองพากันออกจากบ้านฟ้าลดาถึงได้กลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้ง บ้านหลังโตที่เมื่อก่อนเธอจะเดินไปทางไหนก็เป็นอิสระ แต่พอสองแม่ลูกเข้ามาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็แทบจะไม่มีสิทธิ์ที่ว่านั้นอีกเลย เธอมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับทุกๆ สิ่งก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของครอบครัวเข้าโดยบังเอิญเลยพาลทำให้คิดถึงธีรเดชพี่ชายขึ้นมาได้ หากจะต้องไปจากที่นี่จริงๆ เธอเองก็อยากจะร่ำลาพี่ชายบ้างสักครั้ง ฟ้าลดาคิดก่อนจะตัดสินใจโทรหาอีกคนที่อยู่ไกลกัน เธอต้องรีบทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีกแล้ว...            “ธีรเดชพูดครับ” เสียงที่คนปลายเอาคนคนที่รออยู่น้ำตาไหล นานมากแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกับเพราะธีรเดชกำลังเรียนอยู่ปีที่สุด และเขาเองก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับวิทยานิพนธ์จนแทบจะไม่มีเวลาโทรกลับมาบ้านเหมือนที่เคยทำ            “พี่ธีเหรอคะ นี่ฟ้าเองนะคะ”            “ฟ้าเองเหรอ ว่าไงเรา! คิดถึงพี่จนอดใจไม่ไหวล่ะสิถึงได้โทรมาหาแบบนี้”            “ก็คิดถึงน่ะสิคะ แล้วนี่พี่ธีเป็นยังไงบ้างคะ ยังเรียนหนักอยู่รึเปล่า” น้ำเสียงหวานๆ ที่คิดถึงมานานทำให้ธีรเดชอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง แต่รอยยิ้มของเขามันคงส่งผ่านไปไม่ถึงเธออยู่ดี            “ไม่หนักเท่าไหร่แล้วล่ะ เหลืออีกนิดเดียวพี่ก็จะเรียนจบแล้วนะฟ้า อดทนรอพี่อีกนิดนะ แล้วนี่ยัยพิมพ์ยังแกล้งฟ้าอยู่อีกรึเปล่า ไม่ต้องห่วงนะ ไว้พี่กลับไปเมื่อไหร่พี่จะเอาคืนให้ฟ้าเอง” คำพูดที่เหมือนจงใจจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่าทำให้ฟ้าลดาถึงกลับหลุดขำ น้ำเสียงที่สบายดีของธีรเดชทำให้เธอตัดสินใจว่าจะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้เพราะว่ามันจะไปทำลายสมาธิการเรียนในเทอมสุดท้ายของเขาเข้า            แค่ได้รู้ว่ายังสบายดีอยู่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม