“ใบชา!!!/ไอ้ชา!!!” หวานกับแซมมี่ร้องเรียกใบชาเสียงดังออกมาพร้อมกันจนคนแถวนั้นหันมามองด้วยความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“จะเรียกเสียงดังทำไมนั่งกันอยู่แค่นี้เอง” ใบชาหันหน้ามาดุและมองเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาไม่พอใจที่เสียงดังเกินเหตุทั้งที่นั่งอยู่ใกล้กันแค่มือเอื้อม
“ไม่ดังคงไม่ได้หรอกพวกฉันเรียกแกมาหลายรอบแล้วแต่แกก็ไม่ได้ยินสักที จะเหม่ออะไรหนักหนา หึ!!!” แซมมี่บ่นใบชาแบบร่ายยาว เธอเห็นเพื่อนนั่งเหม่อเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไรจะว่าอกหักก็ไม่ใช่เพราะใบชาไม่เคยมีแฟนไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนสักคนทั้งที่มีคนเข้ามาจีบเยอะแยะ
“เปล่า...”
“ไม่ต้องมาปงมาเปล่าเลย แกเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ มีอะไรทำไมไม่บอกพวกฉันบ้างแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม ห๊ะ” เป็นหวานที่พูดเตือนใบชาด้วยความเป็นห่วง พวกเธอเป็นเพื่อนกันมานานแถมยังไม่เคยมีความลับต่อกัน มีอะไรก็เล่าให้กันฟังและปรึกษากันทุกเรื่อง
“ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นี่นา” ใบชายังปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาการที่เธอเป็นอยู่นี้คืออะไรและไม่รู้จะพูดจะบอกอะไรยังไงให้เพื่อนฟัง
“ไอ้ชาพวกเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี”
“ก็...”
“หรือว่าแกไม่คิดว่าพวกฉันเป็นเพื่อนแล้ว เวลาแกมีอะไรก็เลยไม่อยากให้พวกฉันรู้”
“เฮ้อ.... ก็ชาไม่รู้จะพูดยังไงถูก” ใบชาถอนหายใจยาวออกมาอย่างยอมจำนนในเมื่อเพื่อนพูดมาขนาดนี้ถ้าเธอไม่ยอมพูดออกมามีหวังสองคนนี้งอนเธอแน่นอน
“ก็เล่ามาให้หมดว่าแกคิดอะไรอยู่”
“พวกแกจำผู้ชายคนที่ชาเดินชนที่ห้างวันก่อนได้ไหม”
“อ๋อ... ผู้ชายหล่อ ๆ แต่มีแฟนห่วยนะเหรอ จำได้สิเสียดายความหล่อชะมัดไม่น่าคิดสั้นมีแฟนแบบนั้นเลย” แซมมี่เบะปากพูดพร้อมกับทำหน้าตาเซ็ง ๆ เพราะเสียดายความหล่อของผู้ชายคนนั้นสุดฤทธิ์
“เขาคือคนขับรถที่ช่วยพาชาไปส่งโรงพยาบาลคืนนั้น”
“จริงดิ!!!/เหรอ!!!”
“ใช่ ชาจำเขาได้ ที่จริงนะชาคิดไว้นะว่าถ้ามีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้งชาอยากจะขอบคุณหรือตอบแทนบุญคุณเขาสักครั้ง แต่พอเจอกันในสถานการณ์แบบนั้นชาเลยทำตัวไม่ถูกคิดไม่ออกไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงถึงได้นั่งคิดไม่ตกอยู่เนี่ย”
“อ๋อ แล้วไอ้ที่แกนั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลานี่เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“ใช่”
“เฮ้อ... แกนี่เป็นเอามากนะ เอ๊ะ!!! หรือว่าแกแอบชอบเขาเลยอกหักเพราะเขามีแฟนแล้ว ถึงได้มานั่งเหม่อแบบนี้”
“แซมมี่แกมโนเก่งไปหรือเปล่า” หวานพูดเบรกแซมมี่แทบไม่ทันกับความคิดเพ้อฝันของเพื่อนตัวดี นี่มาจากความบ้าผู้ชายล้วน ๆ เลยดูแล้ว
“ชาไม่รู้ แค่รู้สึกใจเต้นแรงและก็ในหัวมีแต่ภาพเขาตลอดเวลาสลัดยังไงก็ไม่หลุด” ใบชายอมพูดความในใจออกมาให้เพื่อนฟังจนหมด เพราะตอนนี้เธอก็คิดอะไรไม่ออกจริง ๆ ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าได้พูดได้ระบายออกมาให้เพื่อนได้ฟังก็น่าจะช่วยเธอได้บ้าง เพราะหลายหัวดีกว่าหัวเดียว
“ชัวร์/ใช่เลย”
“อะไรเหรอ???”
“แกอาจจะชอบหรือรักเขาไปแล้วก็ได้เลยนะเว้ย!!!” แซมมี่ผู้มีประสบการณ์เรื่องนี้มากที่สุดในกลุ่มพูดออกมาเมื่อได้ฟังคำพูดของใบชาจบ
“จะใช่เหรอแซมมี่ ชาเพิ่งเจอเขาแค่สองครั้งเองนะเว้ย แถมยังไม่เคยพูดคุยอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”
“หึ ก็รักแรกพบไงแก เพียงแค่สบตาปุ๊บก็ตกหลุมรักทันที”
“แต่เขามีแฟนแล้วนะ”
“ไม่เกี่ยวกับมีแฟนหรือไม่มีแฟนหรอกนะการตกหลุมรักน่ะ รักกันใช่ว่าจะได้สมหวังกันทุกคนเมื่อไหร่ บางคนแค่ได้แอบรักแอบมองก็พอใจแล้ว บางคนก็ลงสนามแข่งแย่งชิงเพื่อให้ตัวเองสมหวัง โอ๊ย... คนไม่เคยมีความรักแบบพวกแกไม่เข้าใจหรอกพูดไปก็เสียเวลาเปล่า”
“ฟังดูแล้วยุ่งยากนะเรื่องความรักเนี่ย หวานขออยู่เป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่นไปแบบนี้ดีกว่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ” หวานพูดพร้อมกับทำหน้าตามั่นอกมั่นใจก่อนจะยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาตามด้วยใบชาที่พยักหน้าเห็นด้วยกับหวานอีกคน
“จริงด้วย”
“เออ ๆ ๆ ช่างมันเถอะว่าแต่แกจะเอาไง”
“ไม่เอาไง ปล่อยไปเดี๋ยวก็คงลืมไปเองแหละ คนเราใช่จะบังเอิญเจอกันบ่อย ๆ เมื่อไหร่ ที่จริงที่ชาคิดถึงเขาอาจจะเป็นเพราะแค่ยังติดค้างคำขอบคุณเขามั้ง คงไม่ถึงขั้นรักชอบอะไรตามที่แซมมี่ว่าหรอก”
“จร้า.... ตามใจเลยจร้า แต่ว่าโกหกอะไรก็โกหกได้แต่โกหกใจตัวเองไม่ได้หรอกนะจะบอกให้”
“โอเค ๆ งั้นเปลี่ยนเรื่องคุย ว่าแต่ว่าพวกแกจะไปฝึกงานที่ไหนกันคิดไว้หรือยัง” หวานชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเรื่องของใบชามันอาจจะไม่ใช่เรื่องรักแรกพบจริง ๆ ก็ได้อีกอย่างโอกาสที่จะได้เจอกันมันก็น้อยนิด
“ยังไม่รู้เลยก็ดู ๆ ว่าจะไปฝึกที่ไหน ว่าแต่พวกแกได้หรือยัง”
“ยังเลยรอพวกแกนี่แหละ อยากไปฝึกงานกับพวกแกด้วยไงใกล้จบแล้วพอจบก็คงได้เจอกันน้อยลง ฉันคงคิดถึงพวกแกน่าดูเลย” แซมมี่พูดออกมาด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูไม่ร่าเริงเหมือนปกติ แค่คิดก็เศร้าแล้ว เรียนด้วยกันมาตั้งหลายปีสนิทกันจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว พอถึงเวลาแยกกันก็รู้สึกเศร้าเป็นธรรมดา
“แกจะเศร้าทำไมแซมมี่อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเรียนจบ พอเรียนจบถ้าแกคิดถึงจริง ๆ ก็แค่แวะไปหา ไม่เห็นจะยากโทรศัพท์ก็มี โทรสิคะโทร”
“โทรหามันก็ไม่เหมือนเจอกันนี่นา ยัยหวาน” ใบชาได้แต่ส่ายหัวให้กับเพื่อนทั้งสองที่ชอบปะทะฝีปากกันตลอดซึ่งมันเป็นสีสันของกลุ่มเธอแต่เห็นแบบนั้นทั้งคู่ก็รักและดูแลกันอย่างดี
ทวิชเดินถือเอกสารเข้ามาในห้องทำงานของไรอัลที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในมืออยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
“บอสครับ”
“อืม ว่าไงวิช” ไรอัลตอบรับทั้งที่ตัวเองยังไม่เงยขึ้นจากหน้าเอกสารสัญญาสำคัญที่อยู่ในมือเพราะงานนี้เป็นงานด่วนและสำคัญมาก
“มีเอกสารจากฝ่ายบุคคลฝากมาให้บอสพิจารณาครับ”
“เอกสารอะไร???”
“เอกสารที่ทางมหาลัยขอความกรุณาให้เราเปิดรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานครับ”
“อืม เอาวางไว้เดี๋ยวฉันดูทีหลัง”
“ครับ” ทวิชรับคำ เขาก็วางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานของไรอัลก่อนจะเดินออกจากห้องไป พอไรอัลอ่านเอกสารที่อยู่ในมือจบเขาก็หยิบเอกสารที่ทวิชเพิ่งเอาเข้ามาให้ เขาอ่านรายละเอียดในเอกสารจนจบก็วางลงที่เดิมแล้วหันไปสนใจเอกสารอื่น ๆ แทน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางมหาลัยส่งเอกสารมาขอให้นักศึกษาเข้ามาฝึกงานที่บริษัท แต่ส่งมาแบบนี้ทุกปีซึ่งเขาก็ไม่เคยอนุมัติสักครั้งเพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวายในสถานที่ทำงาน