9
“ต้นข้าวมาขอกู้เงินจากแม่ฉัน เอาไปรักษายายที่ป่วย แม่ฉันไม่ให้เพราะต้นข้าวไม่มีอะไรมาค้ำประกัน ฉันได้ยินพอดีเลยเสนอให้ต้นข้าวมาเป็นของขวัญวันเกิดให้นาย เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้แหละ”
กัณติพัฒน์อึ้งกับเหตุผลที่ได้รับรู้ ไม่คิดว่ายังมีผู้หญิงที่กตัญญูอย่างพิตตนันท์หลงเหลืออยู่ในโลกที่จอมปลอมใบนี้ ถึงขนาดยอมพลีกายแลกเงินเพื่อรักษาชีวิตของผู้มีพระคุณ ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอจึงเพิ่มมากขึ้น
“ไอ้รุต..ถ้าต้นข้าวไม่ยอมรับข้อเสนอของนาย นายยังจะช่วยต้นข้าวอยู่หรือเปล่า”
“ช่วยสิ..นายเห็นฉันเป็นคนใจดำขนาดนั้นเลยเหรอ” มารุตสวนกลับ
“แต่ฉันไม่เข้าใจ..ในเมื่อนายตั้งใจที่จะช่วยต้นข้าวอยู่แล้ว ทำไมต้องยื่นข้อเสนอแบบนั้นให้ต้นข้าวด้วย” เขาพูดอย่างไม่เข้าใจความคิดของมารุต อย่าว่าแต่กัณติพัฒน์เลยที่ไม่เข้าใจ มารุตเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำแบบนี้ทำไม
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้..ถ้าฉันไม่มอบต้นข้าวให้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับนาย..นายก็คงไม่ได้เจอต้นข้าวหรอกจริงไหม” ใช่ถ้ามารุตไม่มอบของขวัญชิ้นพิเศษให้กับเขา กัณติพัฒน์คงไม่ได้เจอกับเธอ
“มันก็จริง..ฉันเลยไม่รู้ว่าจะขอบใจนายหรือด่านายดีกับความคิดที่พิเรนทร์แบบนี้”
“ขอบใจสิถึงจะถูก” มารุตตอบเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม
บ้านหลังเล็กกลางเก่ากลางใหม่ ปรากฏอยู่ในสายตาของกัณติพัฒน์ บ้านหลังนี้เล็กกว่าเรือนพักของคนรับใช้ที่บ้านของเขาเสียอีก ชีวิตของพิตตนันท์คงลำบากมาก มารุตเดินไปเคาะประตูบ้านของพิตนันท์ ไม่นานมีหญิงสาวนางหนึ่งเป็นคนมาเปิดประตู แต่หาใช่บุคคลที่เขาอยากพบไม่
“คุณรุตมาถึงนี่มีธุระอะไรคะ”
ดาวเรืองน้องสาวของพิตตนันท์เอ่ยถาม นัยน์ตาของเธอเชื้อชวนเขาอย่างเห็นได้ชัด มารุตส่ายหน้ากับสาวใจแตกคนนี้ ที่พร้อมจะทอดกายให้ชายใดก็ได้ที่หมายปอง
“ผมมาหาต้นข้าว”
มารุตเอ่ยตอบ ดาวเรืองมองเลยไปทางด้านหลังของมารุต เธอเห็นชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเข้มกว่ามารุต ดูท่าทางจะมีเงินมองจากการแต่งกายและยี่ห้อของเสื้อผ้า บ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี พวกเขามาหาพี่สาวของเธอทำไมนะ ดาวเรืองบ่นในใจด้วยความอยากรู้
“คุณมารุตมีธุระอะไรกับพี่ต้นข้าวคะ ตอนนี้พี่ต้นข้าวไม่อยู่บ้าน”
มารุตรู้ว่าพิตตนันท์ไม่อยู่บ้าน เนื่องจากหญิงสาวมารับเงินส่วนที่เหลือ ก่อนหน้ากัณติพัฒน์มาหนึ่งชั่วโมง แต่ที่เขาพาเพื่อนรักมาที่นี่เพื่อตัดความรำคาญและอยากรู้ด้วยว่าเพื่อนของเขาคิดอย่างไรกับพิตตนันท์
“ต้นข้าวไม่ได้กลับมาที่บ้านเหรอ”
เสียงของกัณติพัฒน์ถามแทรกเข้ามา เมื่อได้ยินว่าพิตตนันท์ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ แล้วเธอไปไหนเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด
“กลับมาเมื่อตอนสายๆ นี่เอง กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปข้างนอกใหม่ ดาวเรืองไม่ได้ถามด้วยว่าจะไปไหน แต่คงไปกับพี่วินมั้ง เมื่อวานพี่วินมาหาพี่ต้นข้าวตั้งหลายครั้ง”
ชื่อของชายที่ไม่เคยรู้จักกระทบเข้าที่โสตประสาทหูของกัณติพัฒน์อย่างจัง ริ้วของความโกรธวิ่งกระพือดั่งลมที่กระโชกพัดแรง ทำให้กองไฟที่กำลังเผาไม้ลุกลามไปเรื่อยๆ มารุตหันมามองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่เรียบตึง ก่อนจะหันมาพูดกับดาวเรือง
“งั้นพี่กลับก่อนนะ..ฝากบอกต้นข้าวด้วยว่าผมมาหา ให้ไปหาผมที่บ้านด้วย”
“มีอะไรหรือเปล่าคุณมารุต” ดาวเรืองถามด้วยความสงสัย งานนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก..อย่าลืมบอกต้นข้าวก็แล้วกัน” ยังไม่ทันที่ร่างของมารุตจะหมุนตัวเดินกลับ เสียงของกัณติพัฒน์ดังแทรกมาเป็นครั้งที่สอง
“ฉันจะรอต้นข้าวอยู่ที่นี่ นายจะกลับก็กลับไปก่อน” เสียงของเขาทั้งเข้มทั้งดุ
“ถ้ารอก็รออยู่ด้วยกันนี่แหละ มาด้วยกันนี่”
“เชิญพี่รุตรอพี่ต้นข้าวที่นี่ตามสบายนะคะ ดาวเรืองขอตัวก่อนพอดีจะไปธุระ” ดาวเรืองเดินออกมานอกบ้าน ปิดประตูและล็อกกุญแจ เพื่อไปทำธุระที่สำคัญยิ่ง
“ไปเยี่ยมยายหอมเหรอ” มารุตเอ่ยถามดาวเรือง หญิงสาวหันมายิ้มก่อนจะตอบ
“จะไปทำไมที่โรงพยาบาล ไม่เห็นมีอะไรดีเลย ดาวเรืองไปที่อื่นต่างหาก ไปก่อนนะคุณมารุต คุณสุดหล่อ” ดาวเรืองทักทายลามารุตและส่งยิ้มหวานให้กับกัณติพัฒน์
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครรุต” กัณติพัฒน์เอ่ยถาม หลังจากที่ร่างสมส่วนของดาวเรืองเดินไปแล้ว
“น้องสาวของต้นข้าวน่ะ นิสัยต่างกันอย่างนรกกับสวรรค์”
มารุตรู้ดีเพราะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เห็นสองพี่น้องคู่นี้มานาน พิตตนันท์เป็นที่รักของบุคคลในละแวกนี้ ต่างกับดาวเรืองที่มีแต่คนส่ายหน้าระอากับพฤติกรรมที่ย่ำแย่ คบผู้ชายไม่เลือก ไม่สนใจการเรียน ตอนนี้กัณติพัฒน์ไม่สนใจใครทั้งสิ้น นอกจากพิตตนันท์ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน กับใคร ชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่หลุดออกมาจากปากของดาวเรือง ทำให้เขามีคำถามมากมายที่จะถามมารุต
“คนชื่อวินคือใครรุต” มารุตนึกอยู่แล้วกัณติพัฒน์ต้องถามเรื่องนี้ เขาจึงต้องสาธยายประวัติโดยย่อของคนที่เพื่อนอยากรู้ทันที
พิตตนันท์เดินทางออกจากคอนโดของกัณติพัฒน์ หลังจากที่หลับพักผ่อนร่างกายนานสี่ชั่วโมงเต็ม เมื่อบทรักบทสุดท้ายจบสิ้นลง หญิงสาวทิ้งความหมองเศร้าและความเสียใจไว้ในจิตใจที่เข้มแข็ง อย่างน้อยชายที่ได้ความสาวของเธอไป อ่อนโยนและไม่ทำรุนแรงกับเธอ ตรงกันข้ามเขามอบความสุขที่มากล้น และให้เธอได้รู้จักกับคำว่ากามารมณ์
“ต้นข้าวจะเก็บคุณไว้ในใจนะคะ”
เธอพูดกับร่างที่หลับใหลอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา ก้าวเดินออกไปจากห้องพักและเดินออกไปจากชีวิตของเขา เมื่องานทุกอย่างจบสิ้นลง
หลังจากกลับมาที่บ้านพิตตนันท์ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะเดินทางไปหามารุตเพื่อรับเงินส่วนที่เหลือ เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาพยาบาลของยาย ระหว่างทางที่ไปหายายได้เจอกับไกรวิน ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของสวนผลไม้อยู่ในละแวกนั้น จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลพร้อมกัน