7
“หวานเหลือเกิน”
เขาพึมพำชิดเรียวปากบาง เงยหน้าขึ้นมองดวงตาเชื่อมหวาน รสหวานจากกลีบปากของพิตตนันท์ ทำให้เขาก้มใบหน้าต่ำลง มอบจูบที่ดื่มด่ำกว่าครั้งแรกจูบครั้งนี้ทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด หัวใจฟุ้งซ่าน ศีรษะและหัวใจดวงน้อยมึนงงกับจูบที่อ่อนหวาน ร่างกายเริ่มเรียกร้อง ต้องการ จนร่างทั้งร่างของเธอสั่น ใจกลางร่างกายร้อนวูบวาบ เสื้อคลุมถูกปลดออกจากร่างกายของพิตตนันท์ เผยร่างอรชรขาวผ่องสวยงาม ลำคอของกัณติพัฒน์แห้งโรย กระแสความต้องการเต้นเร่าไปทั่วเนื้อกาย เมื่อเขาเลื่อนใบหน้าต่ำลงมาที่ทรวงอก ดื่มด่ำกลืนกินปลายถันสีสดอย่างหนักหน่วง ร่างบางสั่นสะท้าน หวามหวิว ประสาทสัมผัสตื่นตัวเต็มกำลัง อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เต้นระบำจากความกระสันซ่านที่ได้รับจากเขา ท้องน้อยมวนตัว ความเป็นอิสตรีเพศเต็มไปด้วยความเสียวซ่าน ความปรารถนาไหลอาบไปทั่ว เหมือนสายน้ำที่ไหลรวมตัวกันลงในแม่น้ำขนาดใหญ่ มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตสาว
ปลายถันที่ถูกครอบครองชูชันอยู่ในอุ้งปากที่ร้อนผ่าว ปลายลิ้นที่เลียเล่นหยอกเอินเริ่มระรัวเร็ว ร่างเล็กส่ายไปมา ความเสียวกระสันลามดั่งไฟที่ถูกจุดในหญ้าแห้ง ลามลุกไหม้จนหาทางดับไม่ได้ มือแกร่งลูบไปมาตามสีข้าง เลื่อนมาที่ท้องน้อย ต่ำลงแวะคลึงเคล้าที่กลุ่มใยไหมแสนนุ่มลื่น สำรวจความพร้อมกับความสุขที่เขาจะมอบให้ด้วยปลายนิ้ว มือใหญ่กระตุกผ้าขนหนูที่พันกายออก ทาบทับเธอทั้งตัว บางอย่างที่ตึงแน่นขยายใหญ่อยู่บริเวณใยไหมนุ่น ทำให้เธอกลัว ตัวสั่นราวกับเป็นไข้
“ไม่ต้องกลัว..เดี๋ยวจะดีขึ้นเอง”
ถ้อยคำของเขาเบากระซิบชิดริมหู น่าแปลกที่คำพูดทุกคำของเขาเธอเชื่อสนิท จุมพิตแสนหวานละมุนเดินทางมาหาเธออีกครั้ง ดื่มด่ำเสียจนเธอเคลิ้มไหว คลายความหวาดกลัวจนสิ้น เขาใช้เข่าทั้งสองข้างแยกเรียวขางามให้เปิดออกกว้าง เพื่อที่จะนำความแข็งแกร่งเดินทางเข้าไปในความเป็นอิสตรีเพศ
“กรี๊ดดด..” เธอกรีดร้องแสดงความเจ็บปวด ที่พวยพุ่งเข้าสู่จิตใจและความรู้สึกของพิตตนันท์ เหมือนหอกแหลมคมถูกพุ่งออกมาจากแรงกำลังของนักกีฬา พุ่งถึงขีดสุด เมื่อเขาดันร่างกายเข้ามาครั้งเดียวจนสุด เจ็บเกินกว่าที่เธอจะทานทนไหว สิ่งแปลกใหม่ที่ผงาดใหญ่ ฝังอยู่ในร่างกายของเธอ เริ่มเคลื่อนไหวเบาๆ เขาจูบปลอบประโลมให้เธอคลายความเจ็บ ความหวาดกลัว เพื่อรอรับสิ่งแปลกใหม่ที่เขากำลังมอบให้
“คุณกัน..” เสียงครางยาวเอ่ยไม่หยุด หลังจากที่เขาเปลี่ยนจังหวะเร็ว คลึงเคล้าทรวงอกด้วยฝ่ามือหนา ร่างบางส่ายสะบัดระบายความร้อนที่อยู่ในร่างกาย ดูเหมือนว่าอุณหภูมิจะเพิ่มมากขึ้นเกินหนึ่งร้อยองศา ยิ่งเขาถาโถมมากขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนที่เสียดสีอยู่บริเวณความเป็นอิสตรีเพศ เพิ่มพูนมากขึ้นหลายเท่าตัว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นวงกว้าง แสงจากพระจันทร์สีทองส่องกระทบแผ่นหลังของกัณติพัฒน์ ที่เคลื่อนไหวอย่างเผ็ดร้อน ดุดัน ลำขาเรียวงามพาดอยู่ที่เอวหนา ส่วนอีกข้างตั้งชันอยู่ที่เตียงนอน เสียงครางหวานผสมผสานบรรเลงกับเสียงครางห้าวต่ำ ลงตัวกันเสมือนเสียงดนตรีที่ขับกล่อมตลอดระยะเวลาที่บทรักดำเนินอยู่ เรียวปากของทั้งคู่ประกบจูบอย่างเร่าร้อน ลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวลิ้นบางที่ตอบสนองเขาอย่างไม่เป็นงาน แต่สร้างความซ่านสยิวให้ได้เป็นอย่างดี
“คุณกัน..” เธอร้องครางเสียงหลง เมื่อบางอย่างตีวนอย่างแรงอยู่ที่ความเป็นอิสตรีเพศ พิตตนันท์มีความรู้สึกว่าตอนนี้ เธอกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆสีขาว ลอยไปตามแรงลมที่พัดโชยเอื่อยๆ พิตตนันท์มองเห็นแสงบางอย่างที่กำลังพุ่งตรงเข้า แตกกระจายสว่างเป็นพลุหลากสี
“ต้นข้าว...” น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นเหมือนคนกำลังชีวาวาย เพราะความเจ็บปวดที่บีบรัด เขาออกแรงมากขึ้นดั่งความเร็วจากยานอวกาศ ยามที่ทะยานออกจากฐานส่ง จังหวะของเขาทำให้ความเป็นอิสตรีเพศของเธอร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังลอดออกมาเมื่อความสุขประดังเข้ามาในร่างกายของเธอติดกันถึงสองครั้ง เขาหยุดค้างนิ่งเมื่อเสียงกรีดร้องของเธอสิ้นสุดลง ความอดทนและอดกลั้น หล่อหลอมเป็นสายน้ำอุ่นขาวขุ่น ไหลรินเอ่อนองในความเป็นอิสตรีเพศ
“ไม่ได้เรื่องเลยนะเธอนี่ ทำอะไรก็ไม่เป็น”
เขาพูดเสียงเหนื่อยหอบ มองใบหน้าหวานบัดนี้กลายเป็นสีชมพูเข้ม เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พิตตนันท์บ่นในใจ จะเก่งได้ยังไงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักคำว่าเสพสม
“แต่ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวฉันสอนให้” กัณติพัฒน์พูดเมื่อเห็นเธอหลบสายตาเขา
“อะไรนะคะ..พอเถอะค่ะ..ต้นข้าว..ต้นข้าวยังเจ็บอยู่เลย” เธอพูดอย่างตกใจ ก่อนจะพูดออกไปอย่างกระดากอาย จนเขาลอบยิ้มกับท่าทีหวาดกลัวของเธอ
“เดี๋ยวก็หายเจ็บเชื่อฉัน”
เขาไม่ฟังเสียงต่อต้านของเธอ เพราะมันถูกกลืนหายเข้าไปในปากของเขา เมื่อครอบครองเรียวปากนุ่มแสนนุ่มของเธอ แรงต้านทานเริ่มลดน้อยลงเป็นการตอบสนองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและสัญชาตญาณของการเสพสม คุณครูผู้ผ่านศึกมาโชกโชน สอนบทรักให้ลูกศิษย์หัวไวตลอดค่ำคืนจนกระทั่งถึงเช้า บทเรียนบทนี้จึงยุติลง
ร่างหนาพลิกกายหาร่างของลูกศิษย์หัวไว ที่ทำให้คุณครูผู้มากรักถึงกับหมดแรงหากแต่อิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก หากแต่ข้างกายของเขากลับว่างเปล่า ไร้ร่างของลูกศิษย์สาว กัณติพัฒน์ทะลึ่งพรวดเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่บนเตียงนี้ สายตาคมมองกราดหาเธอไปทั่วห้อง จ้องมองไปที่นอนข้างที่เธอหลับใหล ยามที่บทเรียนของเขายุติลง หลักฐานสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่าเขาคือภมรผีเสื้อตัวแรกที่กลืนกินดอกไม้ช่อสวยของเธอ รอยเลือดจางๆ ผสมกับสายน้ำอุ่นที่เขาปลดปล่อยออกไป บัดนี้กลายเป็นสีชมพูจางๆ หยดตามที่นอนหลายหยด เขาลอบยิ้มอย่างเป็นสุขใจ สะบัดผ้าห่มที่ปกปิดร่างกายเปล่าเปลือย ก่อนจะลุกเดินไปที่ห้องน้ำ
“ต้นข้าวไปไหน”
กัณติพัฒน์ถามจักรที่กำลังดูโทรทัศน์จอใหญ่อยู่ที่ห้องรับแขก ผู้ถูกถามทำสีหน้างง เพราะเขาเพิ่งมาถึงในห้องเจ้านายหนุ่มไม่ถึงห้านาที เลยไม่รู้ว่าคนที่ชื่อต้นข้าวนี้คือใคร
“ไม่ทราบครับ” จักรตอบตามความเป็นจริง
“แกนั่งตรงนี้แล้วจะไม่เห็นได้ยังไง..ถ้าต้นข้าวเดินออกมาจากห้องนอนของฉัน แกก็ต้องเห็นสิ” กัณติพัฒน์พูดอย่างหัวเสีย
“เธอกลับบ้านไปแล้วครับ”
จามรเป็นคนตอบแทนเพื่อนสนิท ไม่เช่นนั้นเพื่อนของเขาต้องเจ็บตัวเพราะเจ้านายเลือดร้อนคนนี้เป็นแน่