เช้าวันรุ่งขึ้นปรัชญ์ไปส่งมัสลินที่รีสอร์ตแล้ว ก็พาหลานชายไปส่งโรงเรียนอนุบาลต่อ ก่อนจะไปยังมหาวิทยาลัยที่เขาสอน หลังจากหมดคาบสอนช่วงเช้า เขาก็พักรับประทานอาหารในห้องพักอาจารย์ ทางมหาวิทยาลัยจัดอาหารให้อาจารย์ผู้สอนเป็นแบบบุพเฟต์ มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวานบริการ มื้อนี้มีอาจารย์คนใหม่ของมหาวิทยาลัยร่วมรับประทานด้วย
ปรัชญ์ตักอาหารมานั่งที่โต๊ะห่างจากคนที่เขารังเกียจ แต่สายตายังอดเหลือบมอง หูก็แอบฟังเธอพูดคุยกับบรรดาอาจารย์หนุ่มๆ คนอื่นที่เข้าไปทำความรู้จักไปด้วย
“ด็อกเตอร์ลินินนี่เก่งนะครับ จบด็อกเตอร์ตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบ” อาจารย์คนหนึ่งเอ่ยชม
“ผมว่า ตำแหน่งอธิการบดีสมัยหน้า คงไม่ไหน” อาจารย์อีกคนยกยอ
“ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ อิจฉาคนข้างกายด็อกเตอร์จริงๆ” อีกคนก็หยอดไป
ปรัชญ์กรอกตาอย่างรำคาญ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ลินินก็ชอบอ่อยผู้ชายแบบนี้ ทำเชิดหยิ่งว่าตัวเองเรียนเก่ง หลังจากได้สมบัติไปคุณนายแพรพรรณก็ขายตลาดทิ้ง หอบเงินไปอยู่เมืองนอก หายเงียบไปหลายปี ทำไมตอนนี้ลินินถึงได้กลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง ชายหนุ่มอยากรู้แต่ไม่อยากถาม เขากับลินินเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ใกล้กันก็เหมือนลิงกับกะปิ ได้แต่รังเกียจกันจนไม่มองหน้า
“อ้าว อาจารย์ปรัชญ์ไม่รับกาแฟเพิ่มหรือคะ แม่บ้านกำลังชงอยู่เชียว”
อาจารย์สาวคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น เมื่อเห็นปรัชญ์หยิบถ้วยชามที่กินเสร็จไปวาง แล้วเดินออกไปจากห้อง
“ไม่ล่ะครับ บ่ายนี้ผมมีสอนแค่คาบเดียว กินกาแฟมากๆ เดี๋ยวจะตาค้างยาวถึงค่ำ”
ปรัชญ์ปฏิเสธ ก่อนจะเดินออกไป เขาไม่ทันมองว่ามีสายตาอีกคู่มองตามหลังเขาไป จนกระทั่งเขาไปนั่งเล่นหามุมสงบในเรือนกระจก ซึ่งมีแปลงเพาะต้นไม้อยู่ ที่นี่ไม่ค่อยมีใครมารบกวน ตั้งระบบให้น้ำเช้าเย็น ยามบ่ายจึงเป็นที่พักสายตาของคนชอบความสงบแบบปรัชญ์ เขาเลือกนั่งเก้าอี้ในมุมลึกสุดของเรือนกระจก แล้วเอนหลังหลับตาลง
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
เสียงรบกวน ดังมาจากผู้หญิงที่พาร่างระหงของตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนลืมตาขึ้นมอง
“ผมไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณหรอกครับ ด็อกเตอร์ลินิน ขอเวลาส่วนตัวผมจะพักสายตา” ปรัชญ์โบกมือไล่ หลับตาลงอีกครั้ง
“เรื่องมัส ฉันอยากรู้เรื่องของมัส”
ลินินแม้จะขัดใจกับท่าทีของอีกฝ่ายจนอยากเดินหนี แต่ก็อยากรู้เรื่องของน้องสาว จำต้องข่มใจเอ่ยถามออกไปตรงๆ
“อยากรู้ทำไม หึ พวกคุณเอาสมบัติคุณยายฝ้ายคำไปจนหมด แล้วทิ้งมัสให้อยู่อย่างลำบาก ตอนนี้มาถามถึง ไม่ตลกไปหน่อยเหรอ”
ปรัชญ์หรี่ตาขึ้นมอง กระตุกยิ้มหยัน ลินินอยากรู้เรื่องมัสลินไปทำไม ในเมื่อห้าปีก่อน พ่อแม่ของเธอ แย่งชิงสมบัติของคุณยายฝ้ายคำไปจนหมด ไม่ยอมจ่ายเงินรายเดือนให้มัสลินตามพินัยกรรม ปล่อยให้มัสลินต้องอยู่อย่างคนสิ้นไร้ไม้ตอก แถมต้องเลี้ยงดูลูกเล็กที่เกิดจากการถูกข่มเหงอีกคน
“พูดอะไร คุณแม่บอกว่าคุณยายแบ่งมรดกให้มัสไปส่วนหนึ่งแล้วนี่ ที่คุณแม่ได้มาก็เป็นส่วนของท่านที่คุณยายให้มา มัสจะลำบากได้ยังไง”
ลินินนิ่วหน้าไม่เชื่อสิ่งที่ปรัชญ์บอก เมื่อห้าปีก่อนเธอเดินทางไปอเมริกา แล้วบิดากับมารดาก็ตามไปสมทบ ท่านบอกว่าคุณยายเสียชีวิตกะทันหัน สาเหตุเกิดจากเสียใจที่มัสลินทำตัวเหลวแหลกหนีตามผู้ชายไป พอท่านตายถึงได้ยอมกลับมากราบศพ หลังจากเปิดพินัยกรรมแม่ของเธอก็ขายทรัพย์สิน บอกว่าจะย้ายมาตั้งรกรากและเริ่มต้นกิจการที่นั่น ตัวเธอเองก็ศึกษาต่อจนจบปริญญาเอก เพิ่งเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงปี สืบถามข่าวคราวของมัสลินจากชาวบ้านแถวละแวกนั้น ก็ได้ข่าวว่ามัสลินย้ายตามปรัชญ์กับเปรมใจไปอยู่ที่อื่น การได้พบปรัชญ์โดยบังเอิญ ทำให้เธอนึกถึงน้องสาว อยากรู้ข่าวของมัสลินบ้าง
“นี่โง่ หรือว่าปัญญาอ่อน เชื่อที่แม่เธอบอกทุกอย่างเลยเหรอ”
ปรัชญ์มองหญิงสาวด้วยสายตาหมิ่นแคลน คุณนายแพรพรรณไปบอกลูกสาวว่าอย่างไร ลินินถึงเข้าใจว่ามัสลินได้มรดกของคุณยายด้วย
“มีคนบอกว่ามัสย้ายไปอยู่กับนาย ตอนนี้มัสสุขสบายดีไหม หรือว่านายทำให้น้องสาวฉันลำบาก”
ลินินเข้าใจว่า ปรัชญ์คงแต่งงานกับมัสลินแล้ว คนอย่างเขาจะมีปัญญาเลี้ยงดูมัสลินได้ดีแค่ไหนกัน
“มัสไม่ได้สุขสบายมากหรอก มีลูกให้เลี้ยงหนึ่งคนอายุสี่ขวบกว่าแล้ว ต้องปากกัดตีนถีบหาเงินมาเลี้ยงลูก โดยไม่เคยได้รับเงินจากกองมรดกสักบาท”
ปรัชญ์พูดไปมองหน้าลินินไป เห็นอีกฝ่ายทำหน้าสลดก็กระตุกยิ้มหยัน ลินินไม่เคยใส่ใจมัสลิน มาทำท่าเหมือนสงสารน้องสาว เขาหรือจะเชื่อมารยาของเจ้าหล่อนลง
“ฉันอยากพบมัส อยากช่วยเหลือมัส” ลินินเอ่ยขึ้น
“ถ้าอยากช่วยมัสจริงๆ ก็ช่วยไปบอกแม่ของเธอ ให้เอาสมบัติของคุณยายมาคืนมัสด้วย หน้าด้านแย่งสมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเองไป วางแผนชั่วบังคับให้คุณยายเซ็นยกมรดกให้ แล้วยังไม่ทำตามคำสั่งเสีย หึ”
ปรัชญ์จัดหนักอีกชุดก่อนจะลุกหนี แต่ลินินจับต้นแขนของเขารั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ นายจะมาด่าแม่ฉันแล้วเดินหนีแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอต่อว่าเขา
“ทำไม เจ็บใจแทนแม่เหรอ”
ปรัชญ์แค่นยิ้มหยัน หมุนกายมาจับไหล่หญิงสาวไว้ บีบแน่นจนเธอนิ่วหน้า
“ปล่อยฉันนะ นายอย่าฉวยโอกาสกับฉันนะนายปอนด์”
ลินินพยายามดิ้นให้หลุด แต่เขาออกแรงบีบแขนจนเธอเจ็บระบม สุดท้ายต้องยอมอยู่นิ่งๆ
“เหอะ ใครอยากฉวยโอกาสกับยายกุ้งแห้งแบบเธอ ไม่สวยแล้วยังจะหยิ่ง คิดเหรอว่าฉันจะตาถั่วอยากแตะต้องผู้หญิงแบบเธอ”
ปรัชญ์เหยียดหยามแบบไม่สนใจคนฟัง
“นายมันหมาตลาดปากเสีย คงมีแต่ยายมัสที่หน้าโง่ คิดว่านายแสนดี ผู้ชายอย่างนายมันเป็นได้แค่หมาในตลาดเท่านั้นแหละ อย่าว่าแต่เครื่องบินเลย รถยนต์สักคันก็ไม่มีปัญญาจะเห่า”
ลินินด่ากราดอย่างลืมตัว ยกคำเปรียบเปรยที่เธอเคยเรียกเขาอย่างดูถูกว่าหมาตลาดมาด่าทอ ปรัชญ์เติบโตในตลาดมีแม่เป็นคนขายขนม เทียบกับเธอแล้วเหมือนหมาตลาดไล่เห่ารถยนต์
“หมาตลาด... หมาตลาดเหรอยายผ้าป่าน หมาตลาดตัวนี้มันเลือกเห่าต่างหาก แบบเธอมันไม่เห่าให้เสียปากหรอก มันต้องกัดให้จมเขี้ยว แบบนี้!”
ปรัชญ์โมโหจนขาดสติ กระชากร่างบางของลินินเข้ามาหา แล้วก้มลงบดขยี้ริมฝีปากของหญิงสาวอย่างดุดัน ไม่ปรานีปราศรัย ระบายความโกรธแค้นที่สะสมในใจมานานปีใส่เธอแบบไม่ยั้ง ก่อนจะผลักเธอออกจนล้มลงไปกองกับพื้น
“ถ้าอยากรู้ความเลวของแม่เธอ ก็ลองไปถามป้าแววดูสิ อาหมี่ด้วยสองคนนั้นรู้ดีที่สุด”
ปรัชญ์พูดจบก็เดินหนีออกไป ไม่สนใจว่าลินินจะเป็นยังไง
“ไอ้บ้า... ไอ้หมาตลาดบ้า!”
ลินินลุกขึ้นเอามือถูปากตัวเอง มองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไป นึกโมโหตัวเองที่เปิดโอกาสให้ปรัชญ์รังแกอีก ห้าปีผ่านไปเขาก็ไม่เคยหายเกลียดเธอ ยังคงทำหยาบคายแบบเดิม หญิงสาวแตะริมฝีปากตัวเองที่เริ่มบวมเจ่อ หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกแปลกๆ เธอควรโกรธเกลียดเขา แต่ทำไมหัวใจมันถึงสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกประหลาด รีบสลัดความรู้สึกบ้าๆ นี่ทิ้ง
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ายายมัสอยู่ที่ไหน”
ลินินอดทนรอจนปรัชญ์เลิกงาน แล้วแอบขับรถตามเขาไป พบว่าชายหนุ่มไปแวะรับเด็กชายคนหนึ่งที่โรงเรียนอนุบาลไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย เขาขับรถพาเด็กน้อยไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ แล้วพาเจ้าหนูคนนั้นไปกินไอศกรีม ลินินสะกดรอยตามเข้าไปนั่งแอบดูอยู่ห่างๆ พลางหยิบโทรศัพท์มากดถ่ายรูปทั้งสองคนไว้ ท่าทางสนิทสนมของปรัชญ์กับเด็กชาย
“ลูกยายมัสกับนายเหรอ นายปอนด์”
ลินินพิศมองใบหน้าน่ารักของเด็กชาย เปรียบเทียบกับใบหน้าของปรัชญ์มองหาความเหมือน แล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อพบว่าเจ้าหนูไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าเหมือนปรัชญ์สักนิด ปรัชญ์ตาเรียวยาวแบบหนุ่มตี๋ผมสีดำสนิท แต่เจ้าหนูน้อยกลับตาโตขนตายาวหนาและมีผมสีน้ำตาลอ่อน หน้าตาออกลูกครึ่งเห็นได้ชัด