ฉันเดินมาหยุดที่ริมแม่น้ำก่อนจะพบคนที่ฉันตามหานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันเดินไปนั่งข้างๆมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งที่มีสีฟ้าอ่อนๆ
"นายอยากจะระบายความทุกข์ในใจออกมาหรือเปล่า ฉันพร้อมรับฟังนะ"
ฉันเม้มปากแน่นเงยมองแม่น้ำตรงหน้า
"บางทีถ้านายยอมแบ่งปันความทุกข์ใจให้ฉัน นายอาจจะพบกับทางออกของเรื่องก็ได้นะ"
"อะไร" เจไดหันมามองฉันที่กางแขนออกอย่าง งงๆ
"ฉันให้ยืมกอดเผื่อนายอยากร้องไห้"
และฉันต้องเอาแขนมาแนบลำตัวตัวเองเหมือนเดิมเมื่อคนข้างๆเบือนหน้าออก เฮ้อ เขาคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้ฟัจริงๆสินะ อีกอย่างฉันกับเขาไม่สนิทกันซะหน่อย เขาคงไม่ไว้ใจฉันถ้าจะเล่าเรื่องนั้นให้ฟัง
"ตอนฉันอายุ 10 ปี แม่ฉันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเพราะพ่อรับราชการเลยไม่ค่อยมีเวลาไปดูแล แต่แล้ววันหนึ่งพ่อก็พาผู้หญิงคนนั้นเข้าบ้านพร้อมกับลูกชายอีกคนทำให้อาการของแม่ทรุดหนักกว่าเดิม" ฉันรับฟังอย่างอึ้งๆ
"วันนั้นฉันถูกส่งตัวไปต่างประเทศอย่างกระทันหัน เป็นวันเดียวกันที่แม่เสียชีวิต"
"นายก็เลยเกลียดลุงวชินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้แม่นายเสียชีวิต เพราะเรื่องที่ลุงวชินมีคนใหม่เข้ามากระทบจิตใจท่าน"
"ถ้าไม่ใช่เขาแม่คงอยู่กับฉันได้นานกว่านี้ไม่ใช่หรือไง"
"แล้วนายไม่สงสัยบ้างเหรอ มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ ที่ลุงวชินทำไปทั้งหมดอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง"
"ผู้ชายคนนั้นเขาไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาทำเพราะรักลูกอย่างฉัน"
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้เจไดกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ฉันต้องเปลี่ยนเรื่องคุย "เราหยุดพูดเรื่องนี้ แล้วมาหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า"
"เธอกลับไปเถอะ" และแล้วฉันก็ต้องหยุดความคิดนั้นลงเมื่อเจอไล่ ฉันมองไปรอบๆก่อนจะพบร้านขายขนมร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก
"ฉันไม่กลับ ว่าแต่นายพกเงินสดมาปะ ยืมหน่อยสิ" ฉันฉีกยิ้มกว้างมองคนข้างๆที่กำลังขมวดคิ้ว
ทว่า ฉันต้องขมวดคิ้วมองกระเป๋าเงินที่ถูกวางบนมือฉันอย่างไม่เข้าใจ "นายให้กระเป๋ามาทำไม"
"อยากได้เท่าไหร่ก็หยิบเอา" ฉันพยักหน้าเชิงเข้าใจ
"งั้นรอแปปหนึ่งนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด" พูดจบฉันก็เดินถือกระเป๋าเงินของเขาเดินไปที่ร้านขายกล้วยบวชชีทันที
"ขอชุดหนึ่งค่ะ"
ในขณะที่ฉันเปิดกระเป๋าเงินก็พบว่ามีรูปผู้หญิงหน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนอยู่ในกระเป๋าเงินของเจได แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
"30 บาทจ้ะ" ฉันรีบหยิบเงินจ่ายแม่ค้าก่อนจะเดินไปอีกร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านขายน้ำแข็งใส ตอนเด็กๆฉันชอบมันสุดๆยิ่งอากาศร้อนๆด้วยกินวันสี่ถ้วยเลยแหละ
หลังจากที่ฉันซื้อของกินเสร็จก็รีบตรงไปหาเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งทันที เจไดหันมาหาฉันเมื่อฉันยื่นกระเป๋าเงินให้ "เดี๋ยวฉันคืนให้ทีหลังนะ พอดีลืมหยิบเงินมาด้วยอ่ะ"
"ไม่เป็นไร"
ฉันยิ้มพร้อมกับส่งถ้วยน้ำแข็งใสให้เขาซึ่งทำให้คิ้วดกๆชิดเข้าหากันทันที "ฉันซื้อมาให้ มันคือของหวานแห่งรอยยิ้มเลยนะ"
"ยังไง" จบพระโยคคำถามฉันตักน้ำแข็งใสเข้าก่อนจะฉีกยิ้มออกมา
"กินแล้วก็จะยิ้มแบบนี้ไง"
"ไร้สาระ" มือหนาจับถ้วยที่ฉันยื่นให้ก่อนจะตักน้ำแข็งใสเข้าปากด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"นายพูดบ้างสิ เงียบแบบนี้ไม่ใช่นายเลยนะ หรือนายจะด่าฉันก็ได้ฉันยอมให้ด่าเลยหนึ่งวัน"
หลังจากที่ฉันกินน้ำแข็งใสได้ครึ่งถ้วยฉันก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตรงหน้าเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งทันที "งั้นเอาแบบนี้ ถ้าฉันทำให้นายยิ้มได้ นายต้องพาฉันไปเที่ยวสวนสนุก"
"งั้นเริ่มเลยนะ"
"ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา แล้วมันก็ถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆร้อนจริงๆ อ้ะ" ฉันร้องเพลงประกอบท่าเต้นแต่ไม่นานก็นิ่วหน้าเพราะดันสะดุดขาตัวเองล้ม
"หึ เธอเต้นอะไรของเธอ ดูไม่ได้เลย"
"นายยิ้มแล้ว" เจไดลุกขึ้นเต็มสูงก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าฉัน หมับ!! ฉันจับมือเขาพร้อมกับแรงดึงจนทำให้ตัวฉันเซไปหาเขา
"ไหวไหม"
"ไม่เป็นไร ฉันอึด"
วู้ว กรี๊ดดด หลังจากที่ฉันลากเจไดมาที่สวนสนุกจนมาจบที่เครื่องเล่นสุดเสียว ตอนนี้ฉันนั่งดูเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งที่กำลังเมาเครื่องเล่น
"นายไหวนะ" ฉันอมยิ้มพร้อมกับถามเขา
"ฉันไหว" ปากบอกว่าไหวที่สีหน้านี่ไม่ไหวชัด ฉันพาเขามาลำบากใช่ไหม ใครจะคิดว่าผู้ายดุๆอย่างเจไดจะกลัวความสูง
ในขณะที่ฉันหันไปมองรอบๆก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ "ฉันว่าเรากลับกันเถอะ" ไม่รอช้าฉันจับแขนเจไดลากให้เดินตามทันที
"เธอหนีใคร" ฉันส่ายหน้าเบาๆก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ
"เปล่าซ่ะหน่อย"
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นมาจากกระเป๋ากางเกงฉันซึ่งมันทำให้ฉันขมวดคิ้วก่อนจะกดรับสาย "โทรมาคิดถึงเขาเหรอ" คำพูดของฉันทำให้เจไดที่ขับรถอยู่หันมามองทันที
(เบลอยู่ที่สวนสนุกใช่ไหม พี่เห็นนะว่าเบลมากับผู้ชาย) ตอนเด็กแม่ให้กินผักบุ้งหรือไงวะ
"เขาจะไปสวนสนุกทำไม ที่รักมองคนผิดแล้ว"
(แน่นะ ว่าไม่ได้ไป)
"แน่สิ เขาจะไปโกหกที่รักทำไม เขารักตัวเองนะ จุ๊ป"
(พี่น่ะเบื่อความกะล่อนของเบลจริงๆ)
ฉันกดวางสายทันทีก่อนที่จะได้ฟังธรรมอันยาวเยียดของพี่สาวตัวเอง ฉันมีพี่สาวอยู่คนหนึ่งชื่อที่รักเป็นพี่แท้ๆ เป็นผู้หญิงหวานๆยิ้มทีไรตกผู้ชายได้ทุกที ตอนนี้พี่สาวฉันทำงานอยู่ที่บริษัทเกี่ยวกับรถยนต์อะไรสักอย่างพอดีฉันไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ แต่จะบอกว่ารองประธานบริษัทที่พี่สาวฉันทำงานอยู่ดุมาก อันนี้ที่รักบอกอ่ะ อีกอย่างฉันว่าจะไปฝึกงานบริษัทที่พี่สาวทำงานอยู่เหมือนกัน
"แฟน" ฉันตื่นจากภวังค์ทันที
"ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ" เจได้ขบกรามแน่นเหมือนไม่สบอารมณ์
"เลิกกับมันซะ"
"ไม่ ฉันเลิกกับเขาไม่ได้" จะเลิกได้ยังก็นั่นมันพี่สาวฉัน
"เธอไม่ได้อ่านกฎที่ตกลงกันเหรอ ว่าเธอห้ามมีแฟนในระหว่างที่ยังใช้หนี้ฉันไม่หมด"
"อ่าน"
"งั้นก็เลิกกับผู้ชายคนนั้นซะ"
"นี่ นายเชื่อว่าฉันมีแฟนจริงดิ คนอย่างฉันผู้ชายที่ไหนจะมอง นายดูฉันไม่มีอะไรดึงดูดผู้ชายสักนิด"
"ทำไมจะไม่มี"
"นายว่าไงนะ" เหมือนได้ยินเขาพูดอะไรสักอย่างแต่มันฟังไม่ชัด
"ไม่มีอะไร"
ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านฉัน "ขอบใจนะที่พาไปเที่ยว"
"อืม" ฉันเปิดประตูรถก่อนจะโบกมือลาเจ้าของรถหรู
"เบล ใครมาส่ง" ฉันหันไปมองต้นเสียงถึงกับเบิกตากว้าง ที่รักมาที่นี่ได้ไง หรือว่ายังสงสัยฉันอยู่
"พะ เพื่อน"
"ถ้าเบลจะมีแฟนพี่ไม่ว่า แต่ต้องพามาแนะนำให้ทางบ้านรู้จัก" สงสัยใช่ไหมล่ะทำไมฉันไม่อยากให้ที่รักเจอเจได ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพ่อไม่ค่อยอยากให้ฉันมีเพื่อนเป็นผู้ชาย ถ้าจะมีก็ต้องพาไปแนะนำให้พ่อรู้จัก แต่ฉันกับเจไดไม่สนิทกันขนาดนั้น มันกึ่งเจ้าหนี้ลูกหนี้ ถ้าพ่อรู้ว่าฉันก่อเรื่องมีหวังตายสถานเดียว
"ที่รักเขาจะมีแฟนได้ยังไง ถ้าเขามีแฟนต้องพาไปแนะนำให้ท่านผู้ใหญ่บ้านรู้จักแล้ว" อ้อ พ่อฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านอ่ะ พกปืนลูกซองตลอดเวลาอย่างกับเป็นลูกรักอีกคน แค่นี้ก็พอจะเดาออกนะ
"แล้วไป งั้นพี่กลับก่อนนะ รองประธานยิ่งใช้งานหนักอยู่ด้วย"
"อ้อ ใช่สิพี่ทำงานเป็นเลขาใช่ไหม"
"ใช่"
"ไอ้รองประธานนั่นเขาเป็นคนยังไง ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับที่รัก ที่รักบอกเขานะ เดี่ยวเขาไปจัดการให้ อยากเห็นหน้าอยู่เหมือนกันบังอาจใช้งานที่รักหนักเกินไปแบบนี้ต้องสั่งสอน"
"ไม่ใช่อย่างนั้น รองประธานท่านอายุน่าจะมากกว่าเราสองปี หล่อ ดูดี ถึงเขาจะมีข่าวว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่เขาไม่เคยทำไม่ดีกับพี่เลย ท่านแค่เป็นคนจริงจังกับงานน่ะ"
"โห่ เด็กขนาดนั้นเลยเหรอ ว่าแต่ถ้าเบลอยากไปฝึกงานเขาจะรับไหม ที่รักถามให้หน่อยสิ"
"อืม ได้ เดี่ยวพี่กลับก่อนนะ"
"กลับดีๆนะ"
17:00 น.
ผมเดินเข้าบริษัทเพราะมีงานค้างต้องทำ เอาเป็นว่าหลังจากที่ยัยเพี้ยนพาผมไปสวนสนุกมันก็ทำให้ผมลืมเรื่องทุกข์ใจไปมากเลยทีเดียว รอยยิ้มหวานๆทำให้ผมเผลอยิ้มตามทุกที
"เอกสารค่ะ" เลขานำเอกสารเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์จากบริษัทต่างประเทศที่ผมเป็นหุ้นส่วนอยู่มาให้ แต่ผมต้องเงยหน้ามองเธอเพราะเธอไม่ออกจากห้อง
"มีอะไร"
"ขอโทษนะคะ ดิฉันอยากทราบว่าปีนี้ท่านรองจะรับเด็กฝึกงานหรือเปล่าคะ"
"อืม อาจจะรับแต่ผมยังไม่แน่ใจหรอกนะ"
"อ๋อ ค่ะ"
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว (เจได นายพอจะมีช่องทางติดต่อเฮียไวน์ปะ) จู่ๆ ผมก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา หึ เรียกไอ้ไวน์ว่าเฮียเรียกผมว่านาย สองมาตรฐานชัดๆ
"เป็นน้องรหัสมันไม่มีเบอร์มันเลยหรือไง"
(โทรไม่ติด ไลน์ไปก็ไม่อ่าน พอดีคณะมีนัดประชุมด่วนอ่ะ แต่ยังติดต่อเฮียไวน์ไม่ได้เลย)
(เบล เฮียน่าจะไปหาไรอันที่คอนโดว่ะ เฮียติณบอก) เสียงผู้ชายที่ดังมาจากปลายสายคาดว่าจะเป็นเพื่อน
(แค่นี้ก่อนนะ ขอโทษที่โทรมารบกวน)
ไม่นานสายก็ตัดแต่ทำไมผมยังหงุดหงิดไม่หาย ยัยเพี้ยนเธอกำลังทำให้ฉันสับสน นัดประชุมอะไรเย็นป่านนี้ แล้วเป็นผู้หญิงจะไปคอนโดผู้ชายได้ไง