Last from the heart 1 : นักดูดวง
เสียงผู้คนมากมายที่เดินเที่ยวชมตลาดในยามค่ำคืน แต่ใครจะไปรู้ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่งของถนน ส่วนน้อยมากที่คนจะเดินมา เพราะมันค่อนข้างน่ากลัวในความรู้สึกของคนที่มาเดินตลาด
"ป้ารู้หรือเปล่าเนี่ย ว่าป้ากำลังมีเคราะห์" ตุ๊บ!! เสียงวางไพ่ยิปซีดังขึ้นซึ่งทำให้ลูกค้าวัยกลางคนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
"จะ... จริงเหรอ เองไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม" ฉันเลิกคิ้วมองหน้าลูกค้าคนแรกของฉัน พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ สวัสดีฉันชื่อเมเบล ฉันน่ะไม่ได้รวยอะไรมากหรอก ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด พอเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพสาขาช่างยนต์ก็สอบชิงทุนมาเรียนต่อมหาลัยชื่อดัง เป็นเด็กทุนก็ต้องเข้าใจว่ามันก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอก บางวันกินข้าวคลุกน้ำปลาก็มี แถมเรียนห้ามเกรดตกอีกต่างหาก
อ้อ พอไม่มีเงินฉันก็จะหางานทำ มันคือสัญชาตญาณของคนเราที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิต และงานแรกเลยนั่นคือรับดูดวงไพ่ยิปซี ซึ่งมันก็ไม่ได้เงินมากหรอกเพราะตามศรัทธา บางวันฉันต้องหอบข้าวของวิ่งหนีตำรวจก็มี เพราะว่ามีคนไปแจ้งความว่าฉันหลอกล่วงผู้บริโภค
อย่างเช่นวันนี้ไงล่ะ "พี่เบล เจ้าที่มาอีกแล้ว" เสียงตะโกนบอกสัญญาณอันตรายดังขึ้น
"ฮะ อีกแล้วเหรอวะ" ฉันรีบเก็บข้าวของก่อนจะเตรียมตัววิ่ง ทว่า กลับถูกรั้งไว้เสียก่อน
"เฮ้ย เองยังดูดวงให้ข้าไม่เสร็จเลยนะ"
"โห่ป้า ไว้วันหลังนะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากกินข้าวแดงกับน้ำโอเลี้ยงจริงๆ" พูดจบฉันก็วิ่งทันที ไม่รีรอให้ป้าเอ่ยถาม
"หยุดเลยนะเว้ยไอ้เบล" ฉันก้าวขาวิ่งเร็วกว่าเดิมพร้อมกับหันไปมองจ่าแช่มเป็นระยะ นายตำรวจอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลุงวิ่งตามไม่ยอมความกันเลยสักนิด
"ถ้าฉันหยุด จ่าก็จับฉันอ่ะดิ ไม่เบื่อเลยหรือไงกันที่ไล่จับฉันอาทิตย์ละสามครั้งเนี่ย" เสียงหอบดังไปตามจังหวะก้าวขา เหนื่อยเอาเรื่องเลย
"แล้วใครใช้ให้เองไปทำอาชีพหลอกลวงประชาชนแบบนั้นล่ะ" ฉันเลี้ยวเข้าซอยพร้อมกับวิ่งไปเรื่อยไม่มีท่าทียอมหยุดให้
"ฉันก็เคยบอกจ่าแล้วไง แต่จ่าก็ไม่เชื่อเอง" เหนื่อยชะมัดเลย
"ดูดวงเพื่อช่วยคนใครจะไปเชื่อวะไอ้เบล" ยัง จ่ายังจะตามมาอีก
"จ่าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร อีกสิบนาทีเวลาสองทุ่มตรงจะมีคนตายหน้าโรงพัก ฉันว่าจ่าเลิกไล่จับฉันแล้วไปช่วยคนดีกว่า"
เสียงหัวเราะไล่ตามหลัง ขบขันอย่างชอบใจ "ข้าไม่ใช่ลูกค้าของเอง อย่ามาเป่าหูข้าเลยดีกว่า"
"ได้ ถ้าฉันพิสูจน์ให้จ่าเห็นจ่าจะเลิกไล่จับฉันไหมล่ะ"
"เออ ข้าจะเลิกไล่จับเอง" ฉันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหยุดวิ่ง ทันทีที่หยุดจ่าก็เข้ามาประชิดตัวก่อนที่เราทั้งสองจะนั่งหอบอยู่ที่พื้น ต่างคนต่างหอบ
"งั้นเราไปโรงพักกัน"
"ดี ข้าเหนื่อยที่จะไล่จับโจรอย่างเองเต็มทีแล้ว แล้วจะไปกันยังไง"
"มากับฉันเสียอย่าง โจรอย่างฉันไม่ปล่อยให้ตำรวจเหนื่อยหรอกน่า อินดี้พาลูกรักฉันออกมาได้แล้ว" ฉันตะโกนเรียกอินดี้ ก่อนจะมีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น เสียงดังกังวานของมันแสบแก้วหูเอาเรื่อง เด็กผู้ชายขับมันออกมาอย่างชำนาญ
"ขึ้นมาเลยครับจ่าแช่ม อินดี้คนนี้จะส่งถึงโรงพักเลย" ส่วนเนี่ย มันชื่ออินดี้ มันเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันเองแหละ เราแชร์บ้านกันอยู่จะเป็นบ้านสองห้องนอนสองห้องน้ำ มันเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ก็นะ หน้าตามันดีไงเป็นถึงเดือนคณะ แต่ใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังมันไม่ได้ดีเหมือนหน้าตา
"นี่ข้าต้องมาขึ้นซาเล็งกับโจรอย่างพวกเองจริงเหรอเนี่ย"
"บ่นมากน่าจ่า ไปเร็วเดี๋ยวไม่ทัน"
หลังจากขับรถมาถึงโรงพักประมาน 19:59 น. อินดี้ก็จอดรถอยู่ตรงถนนอีกฝากหนึ่ง โดยข้างหน้าเป็นสถานีตำรวจที่แสนจะคุ้นเคย จะไม่ให้คุ้นได้ไง เนี่ยไม่ต่างกับบ้านหลังที่สองของฉันเลยสักนิด
"จ่าโทรเรียกรถพยาบาลยัง นี่ถ้าจ่าชักช้าเขาคนนั้นอาจจะตายก็ได้นะ" จ่าแช่มมองหน้าฉันก่อนจะกดโทรเรียกรถโรงบาล
"ดี้แกนับดิ"
อิ้นดี้ยักคิ้วก่อนจะนับเลขถอยหลัง "10 9 8 7"
"เดี๋ยวพวกเองนับอะไร" ฉันส่ายหน้าเบาๆ
"จ่าเห็นป้าคนนั้นปะ คนที่ฉันดูดวงให้เมื่อกี้ อีกแค่ไม่กี่วินาทีป้าแกจะถูกรถชน" ฉันเลิกคิ้วพร้อมกับบุ้ยปากไปทางป้าคนนั้น
"ข้าคงไม่ถูกพวกเองหลอกใช่ไหม" โถ่ ฉันเหมือนคนลวงโลกขนาดนั้นเลยเหรอ
"4 3 2 " ดินดี้นับเวลาเรื่อยๆ ส่วนฉันทำได้เพียงเม้มปากแน่นมองป้าคนนั้น เพราะฉันไม่สามารถเข้าไปขวางโชคชะตาของเขาได้ ฉันจึงต้องเลือกที่จะใช้วิธีการเตือน
"1"
เอี๊ยด โครม!!! "เฮ้ย คนโดนรถชน" ฉันปิดตาทันทีเมื่อได้ยินเเสียงเบรคของรถ จ่าแช่มวิ่งไปที่เกิดเหตุพร้อมกับรถพยาบาลมาถึงพอดี
"พี่เบลเอาไงดี" ฉันฉีกยิ้มให้อินดี้
"ก็กลับดิวะ แกจะอยู่ทำไม ไปหาข้าวกินเว้ย หล่ออย่างเดียวจริงๆนะแกเนี่ย"
พูดจบอินดี้ก็ขับรถออกทันทีก่อนจะมุ่งหน้าไปร้านอาหารหน้าปากซอย "พี่เบล ทำไมพี่ไม่อยู่เงียบๆ ทำไมต้องชอบเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วย" หลังจากที่สั่งอาหารได้ไม่นานอินดี้น้องรักก็พูดขึ้นทันที
"ฉันก็ไม่ได้รับอันตรายอะไรนี่ ยังอยู่ครบสามสิบสอง"
"โถ่พี่ ..ผมเป็นห่วงนะ" อินดี้ทำท่าขมวดคิ้วอย่างหนักใจ "แล้วถ้าย่ารู้ว่าพี่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเคราะห์กรรมของคนอื่นจะทำยังไงเนี่ย" ฉันเงยหน้าละสายตาจากอาหารตรงหน้าก่อนจะจ้องไปที่อินดี้
"ถ้าแกไม่พูดก็ไม่มีใครพูดปะ หยุดพูดแล้วก็รีบกิน"
เช้าวันต่อมา.......
ตุ๊บ!! เสียงวางรูปภาพบนโต๊ะ ก่อนที่ฉันจะหยิบรูปภาพนั้นขึ้นมาดู "ไปทำยังไงก็ได้ให้มันหมดตัว" ฉันเลิกคิ้วยกยิ้มมุมปากพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ และนี่คืออาชีพอีกอาชีพหนึ่งที่ฉันทำอยู่ นานๆจะมีคนจ้าง แต่มันได้เงินดีไงฉันก็เลยเสี่ยงทำ "แล้วค่าหัวล่ะ เสี่ยให้เท่าไหร่"
ซองซีน้ำตาลถูกยื่นมาให้ฉันและฉันต้องเบิกตากว้างเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นเงินจำนวนมาก "นี่คือเงินครึ่งหนึ่ง แล้วถ้างานสำเร็จฉันจ่ายให้อีกครึ่งหนึ่ง"
"โอเค รอฟังข่าวดีได้เลยเสี่ย"
งานที่ฉันทำมันออกจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ได้เงินเร็วที่สุด เพื่อความอยู่รอดของฉันยังไงฉันก็ต้องทำ และงานที่ฉันทำไม่ใช่งานฆ่าคน แต่เป็นงานสบายๆ ก็เสี่ยที่ฉันรับงานเมื่อกี้ เขาให้ฉันไปทำยังไงก็ได้ให้ผู้ชายในรูปหมดตัว
ฉันหยิบโทรศัพท์ก่อนจะกดหาเพื่อนรัก (มีอะไรวะ)
"คืนนี้ไปบ่อนคาสิโนกัน"
(ฮะ แกจะไปทำอะไรวะเบล)
"ไปหาเงิน ตกลงตามนั้นนะ ถ้าแกไม่มาฉันเอาแกตายแน่ไอ้โซ่"
และนี่คือโช่เพื่อนสนิทฉัน มันเป็นผู้ชายแมนมากทั้งแท่ง มั่วไปทั่ว ควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้า ถึงฉันจะเกลียดผู้ชายเจ้าชู้แต่ขอเว้นมันไปสักคนก็แล้วกัน เพราะมันไม่เคยทิ้งความเป็นเพื่อนของเรา
เวลาผ่านไปตามกาลเวลา ฉันกับโซ่เดินเข้าไปในบ่อนคาสิโนที่มีแต่คนมีเงินเข้ามาเล่น เฮ้อ ในใจก็ได้แต่คิดว่า.. ฉันน่ะยอมเลยจริงๆ สู้เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ การพนันเล่นให้ตายมันก็ไม่มีใครเจริญก้าวหน้าหรอก
"สรุปพามาที่นี่ทำไมวะ"
"หาเงิน" ฉันตอบไอ้โซ่ก่อนจะมองหาผู้ชายในรูป ไม่นานฉันก็มองเห็นเป้าหมายก่อนจะยกยิ้มออกมา
"เชี่ย อย่าทำหน้าร้ายดิวะ กูรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย เดี๋ยวนะ หรือว่าแกไปรับงานมา"
"ไปโต๊ะนั้นกัน" ฉันไม่สนใจคำพูดของเพื่อนก่อนจะลากมันไปเล่นโต๊ะที่มีเป้าหมายเล่นอยู่
"เดี๋ยว แกแน่ใจนะไอ้เบลว่าจะมาถล่มบ่อนนี้"
ฉันเลิกคิ้วกับท่าทางเกรงกลัวของเพื่อนสนิท "ใช่ แต่ฉันไม่ได้มาถล่มบ่อน แต่มาทำให้ผู้ชายคนนั้นหมดตัวต่างหากล่ะ"
"กูว่าเปลี่ยนแผนใหม่เถอะ เจ้าของบ่อนนี้โหดนะเว้ย ถ้าแกโดนจับได้ขึ้นมาว่าไปโกงลูกค้าเขา แกชะตาขาดแน่"
ฉันหรี่ตามองไอ้โช่ "แกก็อย่ายุให้ฉันกลัวสิ"