ผมนั่งกอดอกมองน้องชายเมเบลที่ทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก "ที่ผมเล่าบอกพี่เพราะยังไงสุดท้ายพี่ก็ต้องรู้ แต่หลังจากที่พี่รู้เรื่องทั้งหมด พี่อาจจะไม่อยากอยู่ใกล้พี่เบลก็ได้"
"ทำไมฉันถึงต้องไม่กล้าเข้าใกล้พี่สาวนาย"
"ก็พี่เบลไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่พี่ควงอยู่ พูดตรงๆ พี่เบลเป็นครึ่งคนครึ่งยมทูต"
หึ ผมเค้นหัวเราะทันที พี่น้องคู่นี้คิดจะปั่นหัวผมเล่นเหรอ "ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกับพี่สาวกำลังเล่นอะไรกันอยู่ แต่ถ้าจะกุเรื่องโกหกก็ทำให้มันน่าเชื่อถือหน่อย"
"ผมไม่ได้โกหกนะ พี่เบลสามารถมองเห็นความตายได้ อย่างตอนที่พี่จะถูกรถชน คืนนั้นเป็นคืนวันพระพี่เบลอยู่ที่บ่อนกับพวกพี่ใช่ป่ะ"
ผมเลิกคิ้วพร้อมพยักหน้าเบาๆ "ก็คืนนั้นพี่เบลเห็นรถสิบล้อขับชนผู้ชายคนหนึ่งที่สวมสร้อยคอ พี่เบลบอกผมว่าเพราะมันเป็นวันพระเลยมองไม่เห็นว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร"
"อย่าบอกนะว่าพี่สาวนายก็เลยรั้งออกัสเพื่อนฉันไว้ เพราะคิดว่ามันเป็นผู้ชายคนนั้น"
"ใช่พี่ แต่สุดท้ายก็เป็นพี่"
"หึ"
"จากนั้นพี่เบลก็นอนหมดสติไปเกือบอาทิตย์ พี่ไม่คิดเหรอว่าแค่หัวแตกแถมสมองก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร แต่หลับไปตั้งเกือบอาทิตย์ พอพี่เบลตื่นขึ้นมาก็เพ้อถึงชื่อท่านยม"
"ฉันเคยได้ยินพี่สาวนายพูดว่าท่านมัจจุราชตอนที่ฉันจะพาขึ้นรถพยาบาล"
"เห็นไหมพี่ พี่สาวผมต้องเห็นท่านตอนมารับวิญญาณพี่สาวผมแน่ๆ"
"แต่มันอาจจะเกิดภาพหลอนตอนที่พี่สาวนายได้รับบาดเจ็บก็ได้ นี่มันยุคไหนแล้ว เรื่องผีสางเขาไม่สนใจกันหรอกนะ"
"เอาเถอะ พี่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ผมขอเตือนเลยนะ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ อีกอย่างวันนี้เกิดจันทรุปราคา ย่าเคยบอกว่าให้ผมคอยอยู่กับพี่เบลห้ามให้พี่เบลออกไปไหนคนเดียวเพราะจะเกิดอันตรายจากวิญญาณร้าย"
"หึ นายกลับไปเอาของที่บ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะอยู่เฝ้าพี่สาวนายรอ"
"งั้นผมฝากพี่สาวผมด้วยนะ เดี๋ยวผมจะรีบมา"
"อืม"
"พี่ ผมขอถามไรหน่อยดิ"
"อะไร"
"พี่สนใจพี่สาวผมเหรอ ถ้าพี่สนใจพี่สาวผมในฐานะคู่นอน ผมขอเถอะ พี่อย่าทำร้ายพี่สาวผมเลย แค่นี้พี่เบลก็เหมือนกับตายทั้งเป็นแล้ว"
ตุ๊บ ผมวางแก้วกาแฟลงก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยก่อนจะเดินไปหยุดข้างๆเตียงที่มีร่างบางนอนอยู่
ฉันวิ่งตามผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกท่านยมจับตัวไว้ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับคนที่บีบคอฉันเมื่อกี้เลย ตุ๊บ ร่างผู้หญิงคนนั้นถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้ชายตัวสูงใหญ่มีผิวสีแดงมือซ้ายถือไม้เท้า
กรี๊ด ขวับ!! ฉันหันไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งก็พบว่าเธอกำลังถูกนำตัวไปไหนสักที่ ในขณะที่ฉันก้าวขาจะเดินเข้าไป จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็หายไป ตอนนี้ฉันอยู่ในที่ที่หนึ่งทั้งมืดและเงียบ ฉันไม่รู้จุดหมาย ฉันต้องเดินไปทางไหนมันมืดไปหมด
"เมเบล" ขวับ!! ฉันหันไปตามเสียงแต่ไม่พบใคร
"เจไดนายอยู่ไหน" ไร้เสียงตอบรับก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเดินตามทิศทางของเสียง กึก ฉันหยุดชะงักเมื่อเจอทางสามแพร่ง ทางแยกแรกมันมืดแต่กลับไม่น่ากลัว ทางแยกที่สองมีแสงสว่างแต่ไร้ชีวิตชีวา และทางแยกสุดท้ายมีดอกไม้ที่อยู่เต็มทางเดินไปหมด
"หนู มาทางนี้สิ" ผู้หญิงสวมชุดขาวคนหนึ่งที่กำลังเดินเก็บดอกไม้อยู่กำลังส่งยิ้มให้ฉัน เธอสวยราวกับนางฟ้า
"คุณน้าเป็นใคร หรือว่าเป็นนางฟ้าแล้วทางนั้นก็เป็นสวรรค์"
"ไม่ใช่หรอกจ้ะ อยากรู้ตามฉันมาสิ"
ฉันเดินตามผู้หญิงสวยๆไปเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างกายฉันจะเปลี่ยนเป็นสีดำครึ่งหนึ่งและสีขาวครึ่งหนึ่ง
"อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น"
"ไม่ต้องกลัว หนูเดินไปตามทางแล้วหนูจะพบกับทางออก"
"ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณน้าเป็นใครเหรอคะ"
"ฉันเป็นใครไม่สำคัญ แต่ฉันไม่อยากเห็นคนสำคัญของฉันต้องมาเศร้าเพราะหนู เพราะฉะนั้นฝากดูแลเขาด้วยนะ"
ฉันเกาท้ายทอยตัวเองเพราะรู้สึกไม่เข้าใจ คนสำคัญ ให้ฉันดูแล แล้วคนสำคัญคนนั้นเป็นใคร
"ว่าตะ..เอ้า หายไปไหนแล้วนะ"
เฮือก ฉันสะดุ้งตื่นก่อนจะพบเพดานสีขาวพร้อมกับยกแขนซ้ายตัวเองมาดูก็พบว่าเป็นสายน้ำเกลือ อ่า ฉันอยู่โรงพยาบาลสินะ
ฉันขมวดคิ้วมองมือขวาตัวเองที่ถูกมือใครคนหนึ่งกุมไว้ แต่เพราะว่าเจ้าของมือหนานอนหันหน้าไปอีกทางเลยทำให้ฉันมองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่อินดี้
"อินดี้" ฉันเรียกชื่อเจ้าของมือหนา แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้สึก โอ้ย หิวน้ำโว้ย อยากจะตะโกนก็กลัวมันลุกมาด่า "ได้ ไม่ตื่นใช่ไหม"
"โอ้ย ยัยบ้าเอ้ย"
"นาย" ฉันเบิกตากว้างก่อนจะปล่อยมือจากนิ้วของเขา เจไดเขามาอยู่ที่นี่ได้ไง
"เธอทำบ้าอะไรของเธอ" พรึบ!! ฉันนอนหันหลังทันที ไม่อยากเจอหน้า
"ฉันขอโทษ ที่ทำไม่ดีกับเธอ"
"นายกลับไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว"
"เธอจะโกรธอะไรฉันนักหนา ก็มาขอโทษแล้วไง อีกอย่างทำอย่างกับเธอพึ่งเสียจูบแรกงั้นแหละ" อร้าย เจไดไอผู้ชายปากปีจอ ใช่ นั่นมันจูบแรกฉัน จูบแรกที่คิดว่าเป็นจูบที่นุ่มนวลอ่อนหวาน แต่สุดท้ายก็พังเพราะนายคนเดียว
"ฉันบอกให้กลับไปไง"
"โอเค ฉันจะกลับ ส่วนเรื่องงานฉันให้เธอลาได้สองวัน"
ปัง!! ไม่นานเจไดก็เดินออกจากห้องก่อนที่ฉันจะหันไปมองประตู "คนใจดำ ฉันขอแช่งนาย ขอให้เจอผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ในอุดมคตินาย" แช่งแค่นี้พอเดี๋ยวบาปยังไม่อยากเจอท่านพญายม
ว่าแต่ครึ่งดำครึ่งขาวมันคืออะไร หรือว่ามันจะเกี่ยวกับจิตครึ่งคนของฉัน "พี่เบล" ฉันเซเล็กน้อยเมื่ออินดี้มันวิ่งเข้ามากอด
"แกจะกอดฉันทำไมเนี่ย"
"ก็ผมนึกว่าผมจะเสียพี่ไปแล้ว"
"ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกน่า แล้วแกบอกทางบ้านหรือเปล่าว่าฉันอยู่โรงพยาบาล"
"ผมไม่ได้บอก"
"ดีมากน้อง" จะว่าไป โรงพยาบาลคงจะเป็นบ้านหลังที่สามของฉันแล้วแหละ
วันต่อมา...........
ฉันวิ่งขึ้นบนตึกประมาณ 3 ชั้น ฉันกัดริมฝีปากล่างก่อนจะกระชัับชุดช็อปให้ดูเรียบร้อย ฉันมองซ้ายมองขวาหาบรรณารักษ์คนหนึ่ง
"วันนี้ผีเข้าเหรอพามาห้องสมุดแต่เช้าเลย"
"โซ่เพื่อนรัก ฉันจะเข้าห้องสมุดมันดูแปลกตรงไหน" ฉันดึงมือโซ่ให้เดินตามก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าบรรณารักษ์
"สวัสดีค่ะ พอดีมีหนังสือแบบเก่ามากๆไหมคะ"บรรณารักษ์ขมวดคิ้วมองฉันอย่าง มึนงง
"เก่ามากๆแบบว่าพวกเรายังไม่เกิดอ่ะครับ"
"ถ้าเก่าขนาดนั้นที่คงไม่มีหรอกจ้ะ"
ฉันยูปากก่อนจะโค้งหัวเชิงขอบคุณ "แต่มีอยู่ที่หนึ่งเป็นห้องเก็บหนังสือโบราณ"
ฉันกับโซ่มองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา "ที่ไหนคะ"
ติ้ง!! ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับขาของฉันก้าวไปทีละข้าง "ตึกบริหารโคตรหรู กลับมาดูวิศวะมีแต่บรรได กูจะเป็นเส้นยึดวันไหนก็ไม่รู้"
"แกก็บริจาคเงินให้คณะดิ"
"ถ้ารวยเท่าพี่เจไดก็จะไม่ลังเล" กึก ฉันหยุดเดินพร้อมกับจ้องโซ่เพื่อนรัก
"อย่างนายนั่นใช้แค่เงินเป็นอย่างเดียว อย่าเอาไปเป็นแบบอย่างเชียว ไม่งั้นชีวิตตกต่ำ"
"เธอว่าใคร" ขวับ!! ฉันเบิกตากว้างมองผู้ชายที่ฉันนินทาเมื่อกี้เดินมาหยุดตรงหน้า ตายยากจริงๆ
"เพื่อนผมมันก็ปากเสียแบบนี้แหละ"
"ไม่ได้ถามนาย ฉันถามเพื่อนนาย" ฉันกอดอกจ้องหน้าหล่อๆแต่อันตราย
"ฉันจะพูดว่าใครก็เรื่องของฉัน หรือที่ฉันพูดเมื่อกี้นายจะรับเอาเองก็ได้นะ" พูดจบฉันก็เดินออกทันที ก่อนจะเดินมาหยุดที่ห้องหนึ่ง เป็นห้องที่บรรณารักษ์บอก มันเป็นห้องเก็บหนังสือโบราณแถมอยู่ในตึกบริหาร
แต่ภาพตรงหน้าห้องมันมีกุญแกคล้องอยู่ งั้นก็แปลว่าเขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้านะสิ "เอาไงดี"
"เราต้องหาคนดูแลห้องนี้"
"งั้นแกก็ขอให้คนข้างหลังช่วยดิ ได้ข่าวมาว่าเขาเป็นพี่ชายเฮียไวน์ งั้นก็แปลว่าเขาก็เป็นหลานอธิการบดีอีกคน"
"ไม่มีทาง"
"ถ้าแกไม่ลองขอให้เขาช่วย เรื่องที่แกอยากรู้ก็จบ" ฉันขมวดคิ้วคิดหนักเหลือบมองหน้าหล่อๆที่ยืนพูดอะไรสักอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่ง
"เออ ก็ได้"
กึก ฉันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆร่างสูงก่อนที่เขาจะหันมามองฉัน "ใครเหรอคะพี่เจได" คน เห็นเป็นนางฟ้าหรือไง
"แค่คนรู้จักครับ ไปรอพี่ที่รถก่อนนะครับ" ปากหวานใช้ได้นี่ เหยื่อใหม่ว่างั้น เห๊อะ
"ฉันมีเรื่องจะขอให้ช่วย นายรู้หรือเปล่าว่าใครดูแลห้องนั้น"
"รู้ แต่ไม่บอก แต่ถ้าเธออยากให้ฉันช่วย ขอร้องฉันสิ ขอร้องแบบผู้หญิง" เห๊อะ เขากำลังบอกให้ฉันขอร้องเขาแบบน่ารักๆนะเหรอ ฝันไปเถอะย่ะ แต่นี่คือห้องหนังสือโบราณซึ่งเป็นห้องสุดท้ายที่ฉันต้องรู้ความจริงบางอย่าง หลังจากที่ฉันไปหาที่ร้านขายหนังสือโบราณแต่ไม่มีหนังสือที่ฉันตามหา
"ว่าไง ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอกนะ" ฉันอยากจะร้องไห้ แล้วมันต้องทำยังไงเนี่ย
"เจไดช่วยฉันหน่อยนะ"
"หึ นี่หรอขอร้องแบบผู้หญิง" ฉันก้าวถอยหลังเมื่อเจไดโน้มหน้าเข้ามาใกล้
" ก็ฉันทำได้แค่นี้ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย โซ่กลับเว้ย" ฉันเดินไปลากมือโซ่กลับทันทีก่อนจะเดินมาหยุดที่รถ
"เดี๋ยวๆ ไม่อยากรู้แล้วเหรอ" ฉันยื่นแขนไปกอดไหล่ไอ้โซ่พร้อมกับตบเบาๆ
"อยากรู้สิ แต่เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่ก็แล้วกัน"
"ทำหน้าร้ายแบบนี้ มีแผนชั่วอีกแล้วใช่ไหม"