Last from the heart 8 : คืนพระจันทร์สีเลือด

1942 คำ
​ร่างฉันถูกดันให้ชิดกำแพงจนรู้สึกเจ็บไปหมด เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สายตาที่เขาใช้มองฉันมันเดาไม่ออกสักนิดว่าเจไดกำลังคิดอะไรอยู่ ในจังหวะนั้นฉันใช้แรงทั้งหมดเยียบเท้าเขา "โอ้ย" ร่างฉันถูกปล่อยให้เป็นอิสระก่อนที่ฉันจะรีบวิ่งออกจากห้อง แต่ไม่ทันได้ก้าวถึงประตูแขนฉันก็ถูกมือหนาคว้าไว้ก่อน "อื้อ..." ฉันเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากฉันถูกกดจูบลงมาพร้อมกับแรงบดจนทำให้ฉันรู้สึกทั้งเจ็บและชา ตุ๊บ ตุ๊บ ฉันทั้งดิ้นและทุบอกเขาเพื่อให้เขาปล่อยแต่กลับไม่เป็นผล มือหนากอดเอวฉันแน่นขึ้นพร้อมกับกดท้ายทอยฉันเพื่อไม่ให้ฉันมีแรงขัดขืน ริมฝีปากร้อนๆที่จูบฉันอย่างรุนแรงมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ เจ็บที่ใจ "ฮึก..." ตาที่ร้อนผ่าวพร้อมกับน้ำใสๆที่กำลังไหลออกจากตาฉัน ฉันตัดสินใจยืนนิ่งๆโดยไม่ขัดขืน ไม่นานเจไดก็ค่อยๆผละริมฝีปากออก พรึบ!! ฉันพลักเขาออกพร้อมกับก้าวถอยหลัง "นายพอใจแล้วใช่ไหม" "ฉัน.." "อย่าเข้ามาใกล้ฉัน" เจไดหยุดชะงักทันที ฉันยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองพร้อมกับเม้มปากแน่น "...." "แรกๆฉันก็เกลียดขี้หน้านายเพราะนายมันเจ้าชู้ แต่ที่ฉันยอมลดทิฐิของตัวเองลงเพราะฉันคิดที่จะลองเปิดใจให้นาย นายอาจจะไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ฉันคิดก็ได้ แต่สุดท้ายนายก็ทำมันพัง นายก็ไม่ต่างจากผู้ชายจำพวกที่ฉันเกลียด" ปัง!! พูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทันที ฉันเกลียดตัวเอง ฉันยอมเปิดใจมองเขาในแง่ดีพูดกับเขาดีๆแต่สุดท้ายฉันคิดและทำผิดมาตลอด ฉันไม่ควรเข้าใกล้ผู้ชายอย่างนายเจไดด้วยซ้ำ ผมยกมือนวดขมับตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมมันก็ผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง ที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ผมยอมรับว่าผมไม่ควรทำแบบนั้นกับเมเบล แต่ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ชอบเวลาเธอพูดถึงผู้ชายคนอื่น ยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น เป็นห่วงคนอื่น เธอเรียกเพื่อนผมว่าพี่ แต่ผมเธอกลับเรียกว่านาย "น้องเจอยู่นี่เอง พี่ตามหาตั้งนาน" "มีอะไรหรือเปล่าครับ" "คือพอดีวันนี้เขายกเลิกงานถ่ายแบบ พี่ต้องขอโทษเจด้วยนะ ที่ทำให้เสียเวลา" "ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวนะครับ" 20:00 น. "ทำไมดูเครียดจัง ถ้าไม่สบายใจบอกจีจี้ได้นะ" มือบางที่ลูบไล้แผงอกผม พรึบ!! ผมจับเธอนอนราบกับเตียงก่อนจะประกบปากจูบโดยที่จีจี้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่จู่ๆภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยเข้ามา "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ วันนี้เจดูอารมณ์ไม่ดีเลย" "เปล่า วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ เธอกลับไปได้แล้ว" ผมวางเงินบนเตียงก่อนจะลุกเดินไปเข้าในห้องน้ำ ผ่านไปสิบนาทีผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่กลับพบว่าจีจี้ยังไม่ออกจากห้อง "ทำไมเธอยังไม่ไป" "เจเป็นแบบนี้เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม" หมับ!! "โอ้ย จีจี้เจ็บนะคะ" มือหนาเชิดคางมนอย่างไม่อ่อนโยน "เธอมีสิทธิ์อะไรมาโกรธฉัน เธอเป็นอะไรสำหรับฉันคงรู้ดี อย่ามาจุ้นจ้านเรื่องของฉันให้มันมาก ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจ" พรึบ!! มือผมที่บีบคางเธอจนทำให้จีจี้นิ่วหน้า ผมปล่อยมือออกก่อนจะเดินออกจากห้อง ป๊อก ป๊อก ฉันนั่งโยนก้อนหินลงไปในแม่น้ำ ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่ร้านเหล้าออกสไตล์ร้านเหล้าในเกาหลีแห่งหนึ่งแถวๆบ้านพักฉัน ซึ่งที่ฉันนั่งจะเป็นส่วนตัวไม่ค่อยมีคนเดินเข้ามา มันจะเป็นโต๊ะติดแม่น้ำ ฉันกระดกโซจูเข้าปากรัวๆ ฉันเงยหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังส่องสว่าง "แม่ง อึก ผู้ชายมันก็เลวเหมือนกันทุกคนนั่นแหละ" "เอ่อ ขอโทษครับคุณลูกค้า พอดีร้านปิดแล้ว" ฉันเงยหน้ามองพนักงานก่อนจะลุกยืนขึ้น "อ้อ ขอบใจมากน้อง" ฉันหยิบเงินให้พนักงานก่อนจะหยิบโซจูติดมือมาขวดหนึ่ง "อึก ทำไมถนนมันเบี้ยวอ่ะ" พูดจบฉันก็กระดกโซจูขึ้นดื่มก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่ง "เฮ้ รู้หรือเปล่า ว่าดื่มเหล้ามันผิดศีลข้อห้า" "อึก ใคร ท่านยมเหรอ" ฉันหันไปมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบใคร "เธอมองไม่เห็นฉันหรอก ฉันไม่ใช่คน" ฉันเบิกตากว้างก่อนจะหันหน้าไปด้านขวามือตัวเอง "ไม่ใช่คน งั้นก็เป็นผีน่ะสิ" ขนฉันลุกทันทีก่อนจะยกมือกอดตัวเอง "ตาที่สามเธอมันเด่นมากเลย วันนี้เกิดจันทรุปราคาทำไมเธอถึงเดินเล่นคนเดียวแบบนี้ล่ะ" ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆเงยหน้ามองพระจันทร์สีเลือด ในวันที่เกินจันทร์ทรุปราคาเบลห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด ตาที่สามของเบลจะเปิดออกแสดงให้พวกวิญญาณทั้งดีและร้ายเข้าหาเบล ถึงเบลจะมีจิตวิญญาณของยมทูตอยู่ครึ่งหนึ่งมันก็ไม่สามารถทำให้เบลปลอดภัยได้ ​เคร้ง!! ขวดโซจูตกลงพื้นจนแตกกระจายเมื่อคำพูดของย่าดังก้องเข้ามา ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าก่อนจะปิดที่หน้าผากตนเอง "คุณต้องการตัวฉันใช่ไหม" ถึงแม้ว่าฉันไม่เห็นว่าผีตนนั้นอยู่ใกล้ฉันขนาดไหน แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขาอยู่แถวๆนี้ "เปล่า ฉันเป็นผีนิสัยดี ไม่ทำร้ายใคร จู่ๆก็เห็นเธอคิดว่าเธอแปลกดีเลยเข้ามาดูใกล้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนมีสัมผัสพิเศษ" เสียงผู้หญิงอันเยือกเย็นดังขึ้น ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจรีบวิ่งกลับบ้าน แต่เพราะว่ามีอาการเมาก็เลยทำให้ภาพมันเบลอ ให้ตายสิ ฉันกำลังวิ่งหนีผีอยู่ใช่ไหม ตุ๊บ!! อ้ะ จู่ๆ ฉันก็วิ่งสะดุดล้มลงกับพื้น "เจ็บชะมัดเลย" ฉันสะบัดหน้าเพื่อไล่ความมึน แอ๊ด แอ๊ด ขวับ!! เสียงชิงช้าทางขวามือฉันดังขึ้นก่อนที่ฉันจะหันไปมองก็พบว่าชิงช้ามันแกว่งเองได้ อึก ฉันกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากตัวฉันสั่นไปทั้งตัว ปากแห้งไปหมด ฉันหันไปมองซ้ายมองขวาเผื่อจะเจอคนผ่านมาทางนี้ แต่กลับไม่มี เคร้ง "อ้ะ" ฉันร้องขึ้นเมื่อจู่ๆหลอดไฟริมทางแตก เศษของมันจะกระเด็นมาถูกแขนฉันจนมีเลือกไหลออกมา รอบๆเมื่อไม่มีไฟก็กลับกลายเป็นมืดมิดทันที "คุณคะ" มือที่ใช้กดแผลตัวเองยันพื้นพยุงตัวเองลุกยืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่นั่งอยู่บนชิงช้า กึก ฉันหยุดเดินเมื่อนึกอะไรออก ถ้าเขาไม่ใช่คนล่ะ ในขณะที่ฉันยื่นมือจะจับไหล่ผู้หญิงตรงหน้า "เฮือก" ฉันกลับยืนช็อกเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา ไม่สิ เขาหันแต่หน้ามาแต่ตัวเขากลับไม่หันตามมาด้วย  สายตาที่จับจ้องมาที่ฉันเหมือนสายตาแห่งความทุกข์ โกรธ เกลียด เหงา มันรวมอยู่ในดวงตาคู่นั้น "อึก" จู่ๆ ฉันก็รู้สึกหายใจไม่ออก ก่อนจะอ้าปากเพื่อหาออกซิเจนเข้าปอด มือฉันยกขึ้นไปจับมือผู้หญิงคนที่กำลังบีบคอฉัน  จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆก็แล่นเข้ามา เขาไม่ใช่คน  หรือว่าเขาต้องการฉันไปเป็นตัวตายตัวแทน "อย่า..ทะ ทำแบบนี้เลยนะ อึก" ฉันเริ่มไม่ไหวแล้ว หูฉันอื้อไปหมด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาต้องตายเพราะผี ในขณะที่เปลือกตาของฉันกำลังจะปิดลง แสงจากดวงจันทร์ก็สว่างขึ้น ทำให้รู้ว่ามันผ่านพ้นการเกิดพระจันทร์สีเลือดแล้ว ตุ๊บ แคก แคก "กรี๊ด" ฉันลูบบริเวณที่ถูกบีบก่อนจะเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังหายไปทีละนิด "นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน" จู่ๆ แขนของฉันมันก็เกิดไม่มีแรงขึ้นมา ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไป เอี๊ยด ผมจอดรถทันทีก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่ล้มตัวนอนลงกับพื้นหญ้า หลังจากคนที่ชื่ออินดี้โทรเข้ามาในเครื่องของเมเบลซึ่งผมกดรับแทนเพราะเมเบลลืมโทรศัพท์ไว้บนรถผม คนในสายคาดว่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันที่ผมเจอที่ร้านอาหารตอนวันนั้นบอกว่าเมเบลยังกลับไม่ถึงบ้าน จะเป็นได้ยังไงในเมื่อมันผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมเลยตัดสินใจขับรถไปตามทางเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นเมเบลที่นอนอยู่กับพื้น "เมเบลตื่นสิ" ผมอุ้มร่างบางขึ้นรถก่อนจะขับไปโรงพยาบาล ก่อนจะเหลือบเห็นแผลที่แขน "คนไข้เป็นอะไรมาคะ" "ผมเจอเธอนอนหมดสติอยู่ แถมมีแผลตามตัว เธอน่าจะถูกทำร้าย" "ญาติคนไข้รออยู่ข้างนอกนะคะ" ผมหยุดอยู่หน้าห้องฉุกเฉินก่อนที่โทรศัพท์เมเบลจะดังขึ้นอีกครั้ง (พี่ เจอพี่เบลปะ) เสียงผู้ชายคนเดิมดังขึ้น "เจอ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล C" พูดจบคนในสายก็วางสายทันที ผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น ซึ่งเป็นผู้ชายที่เป็นแฟนเมเบล "ผมขอโทษ ผมไม่น่าปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวเลย" เสียงพูดพึมพำของคนที่นั่งข้างๆทำให้ผมเผลอกำมือแน่น "แฟนนายถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง" "ฮะ แฟน" ผมขมวดคิ้วทันที แต่ก่อนที่อีกคนจะพูด หมอก็เดินออกมาจากห้องก่อนจะมองหน้าพวกผม "เธอเป็นยังไงบ้างครับหมอ" คุณหมอเม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ตอนนี้ชีพจรคนไข้เต้นอ่อนแรงมากเนื่องจากคนไข้เกิดภาวะช็อก แต่หมอขอดูอาการคนไข้ก่อนนะครับ" "หมอครับ พี่สาวผมจะไปเป็นอะไรใช่ไหม" ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆทันที พี่สาวงั้นเหรอ "ครับ แต่หมอไม่แน่ใจว่าคนไข้จะรู้สึกตัวเมื่อไหร่ เพราะคนไข้เคสนี้แปลกมาก ชีพจรคนไข้บางครั้งก็เต้นเป็นปกติบางครั้งก็เต้นไม่ปกติ คนไข้มีอาการเกรงเหมือนกำลังฝันร้าย" "ผมขอเข้าไปได้หรือเปล่า" "เชิญครับ" ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะยืนมองอินดี้กุมมือยัยเด็กเมเบล "พี่เบล กลับมาเถอะนะ ถ้าพี่ได้ยินเสียงผมพี่ต้องกลับมานะ" อะไรกัน ทำไมทั้งเด็กนี่กับเมเบลถึงดูแปลกๆเหมือนมีอะไรปิดบังอยู่ "อีกไม่นานพี่สาวนายคงจะรู้สึกตัว" "ไม่อ่ะ พี่เบลไม่ได้ถูกคนทำร้าย แต่พี่เบลถูกสิ่งที่มองไม่เห็นทำร้าย ผมไม่น่าในพี่เบลกลับบ้านคนเดียวเลยจริงๆ" "นายกำลังพูดเรื่องอะไร" "พี่เบลเป็น...เป็นคนดี" "นายกำลังโกหก" ผมหรี่ตามองน้องชายเมเบล "ถ้าผมบอกพี่ พี่จะเชื่อผมหรือเปล่า" ผมกอดอกก่อนจะนั่งลงบนโซฟา "ลองพูดมาสิ ฉันอาจจะเชื่อก็ได้"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม