ผมลุกมาเปิดไฟทำงานกลางดึกเพราะนอนไม่หลับ พลางนึกถึงยัยเด็กเมเบลที่ซ้อนจักรยานกับผู้ชายที่มารับที่ร้านอาหาร ดูสองคนนั้นจะสนิทกันมากๆเลย หรือว่าเป็นแฟนกัน แล้วผมจะมานั่งคิดเรื่องเด็กนั่นทำไมกัน
ครืด ครืด โทรศัพท์ผมดังขึ้นก่อนจะพบว่ายัยเด็กเมเบลโทรเข้ามา "มีอะไร"
(ฉันจะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานที่บ่อน)
"อืม"
(ว่าแต่นายยังไม่นอนเหรอ)
"ยัง"
(เบล ขอนอนด้วยดิ) ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายดังมาจากในสาย
"งั้นแค่นี้นะ"
(อะ เอ้านะ...)
ผมกดวางสายทันที ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมเป็นอะไรเนี่ย ทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วย ยัยเด็กนั่นจะนอนกับแฟนก็ไม่เห็นจะแปลก
ฉันขมวดคิ้วมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปดื้อๆ ก่อนจะปาหมอนใส่อินดี้ที่กำลังเดินถือหมอนเข้ามาในห้องฉัน
"อะไร อย่าบอกว่ากลัวผี" เป็นแบบนี้ประจำ อินดี้มันกลัวผีโดยเฉพาะวันพระอย่างวันนี้ มันจะชอบมาขอนอนกับฉัน และฉันมักจะให้มันนอนพื้นซึ่งมันก็ยอม
"ใช่ งั้นผมนอนนะ"
"ว่าแต่ยัยดาวคณะชื่อมาลีอะไรนั่นนะ "
"มะลิ"
"เออ นั่นแหละ ยังตามตื้อแกอยู่ปะ"
"อืม ผมไม่รู้จะตอบปฎิเสธยังไงแล้วเนี่ย" ยัยนี่ตามน้องฉันไม่ปล่อยแบบนี้ต้องเจอฉัน
"พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันไปรับ แกไม่ต้องเอาจักรยานไป"
"พี่กำลังคิดแผนชั่วอยู่ใช่ไหม"
"นี่แกคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ"
"ใช่ โดยเฉพาะหน้าร้ายๆที่กำลังทำอยู่ตอนนี้"
"ถ้าแกจะมีแฟน ผู้หญิงคนนั้นต้องผ่านการพิจารณาจากฉันให้ได้ก่อน เข้าใจนะ"
"เรื่องมาก ทำไมพี่เบลไม่มาเป็นแฟนผมเลยล่ะ ถ้าจะเป็นไม้กันหมาขนาดนี้"
"แกไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติฉัน"
"ทำกับพี่สเปกผมงั้นแหละแค่เห็นก็ขนลุกล่ะ ผู้หญิงอะไรแมนอย่างกับเป็นผู้ชาย ใครได้พี่เป็นแฟนคงโชคร้ายสุดๆ" หน้อย ไอ้เด็กนี่ ก็นี่มันตัวตนของฉัน ชาตินี้จะไม่มีคู่ครองก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ออนซอน
"ออกไปจากห้องฉันเลย ฉันไม่ให้แกนอนห้องฉัน" ฉันกอดอกมองอินดี้ที่ทำหน้ามุ้ย
"ผมพูดเล่นน่า นอนล่ะ" ฉันอ้าปากค้างมองอินดี้ที่ล้มตัวนอนอย่างไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่ฉันจะล้มตัวนอนตาม
17:00 น.
ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ที่ตึกบริหารก่อนจะรู้สึกถึงสายตาที่กำลังมองฉัน ไม่มองก็แปลกล่ะ ชุดช็อปที่ฉันใส่มันเป็นจุดเด่นซ่ะขนาดนี้
"รอนานไหม ขอโทษนะอาจารย์ปล่อยช้า" ฉันเลิกจ้องมือถือก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักดีกรีดาวคณะ ชื่อพลอยเป็นเพื่อนของฉันเองแหละ และฉันก็กำลังจิ้นพลอยกับอินดี้ พลอยทั้งน่ารักจิตใจดี ดูดีไปทุกๆอย่างมีหรืออินดี้จะไม่ชอบ
"ไม่เลย ไปคณะนิเทศกัน" ฉันตบเบาะจักรยานเพื่อให้พลอยขึ้นมาซ้อนท้าย
"ตัวจะไปคณะนิเทศทำไมเหรอ" หึ ก็ไม่หาอะไรสนุกๆทำไงล่ะ
"ไปหาอินดี้ คนที่เบลอยากแนะนำให้พลอยรู้จักไง" ฉันก็ทำตัวมีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย
"อ๋อ คนที่ตัวบอกเราตอนนั้นนะเหรอ" ฉันยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ถูกต้องแล้วครับ นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วแค่อยากกำจัดยัยปลิงดูดเลือดออกจากอินดี้ต่างหากล่ะ เห็นแล้วเกะกะลูกตา
ฉันเบรกจักรยานก่อนจะพาพลอยเดินไปนั่งรออินดี้ใต้ร่มไม้ แต่สายตาผู้คนที่มองมาที่พวกเรามันแปลกไป เดี๋ยวๆนะ สายตาแบบนี้อย่าบอกนะว่าคิดว่าฉันกับพลอยเป็นแฟนกัน
"วันนี้อินดี้ว่างหรือเปล่าคะ" เสียงแว่วดังขึ้นมาก่อนที่ฉันจะเห็นอินดี้กับยัยมาลี เอ้ย ยัยมะลิเดินออกจากตึก
"คือว่า..."
"ไม่ว่าง" อินดี้ยังไม่ทันพูดจบฉันก็พูดแทรกทันที ก่อนที่ฉันยืนกอดอกมองยัยมาลิ นางมองฉันพร้อมกับขบกรามแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มพร้อมกับสายตาจิกกัด
"เอ้า เมเบล ทำไมถึงรู้ว่าอินดี้ไม่ว่างล่ะ เป็นอะไรกับอินดี้ไม่ทราบ" ฉันเดินเข้าไปใกล้ยัยมาลิก่อนจะกระแทกนางให้ออกจากอินดี้ มือฉันยื่นไปควงแขนอินดี้ทันที
"อินดี้มีนัดกับฉัน อ้อ แล้วก็เลิกยุ่งกับคนสำคัญของฉันได้แล้วยัยมาลี" มาลิกำมือแน่นจ้องฉันเหมือนอยากฆ่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เสียใจด้วย
"แก.."
"อินดี้ฝากไปส่งพลอยหน่อยสิ" อินดี้มองหน้าฉันพร้อมขมวดคิ้ว ส่วนฉันได้แต่ส่งสายตาไปที่จักรยาน
"ได้ อย่ากลับบ้านดึกล่ะ" จบคำพูดของอินดี้ ยัยมาลีก็กระทืบเท้าเดินออกไปทันที หึ นางจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าฉันกับอินดี้อยู่บ้านเดียวกัน ถ้าอยากจะได้ลูกเสือ ใจมันต้องกล้าหน่อยน้อง
"พลอย นี่อินดี้น้องเบลเอง พอดีเบลมีธุระต้องทำเลยไปส่งไม่ได้ ยังไงเดี๋ยวอินดี้จะไปส่ง งั้นเบลไปก่อนนะ" ไม่รอฟังพลอยพูดฉันก็รีบวิ่งออกมาทันที
เดี๋ยวนะ แล้วฉันกลับไงล่ะเนี่ย โอ้ย ฉันเม้มปากก่อนจะเดินไปหน้ามอ เปรี้ยง "เชี่ย" ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงฟ้าผ่าก่อนที่ฝนจะค่อยๆตกลงมา
"ตกอะไรตอนนี้เนี่ย" ฉันบ่นพึมพำก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ป้ายรถเมล์คนเดียว ว่าแต่ทำไมไม่มีคนเลย
ระหว่างรอฝนหยุดตกฉันก็นั่งมองสายฝนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สังเกตุว่ามีคนวิ่งหลบฝนมานั่งอยู่ข้างๆ เปรี้ยง เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ฉันจะรู้สึกว่าคนข้างๆขยับมาใกล้ฉันมากจนรู้สึกถึงนิ้วก้อยของเราชิดกัน ฉันขมวดคิ้วมองมือตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ
"นาย....มาทำอะไรตรงนี้" นายเจไดหันมามองฉันก่อนจะเลิกคิ้วให้ ฉันค่อยๆเลื่อนสายตามามองมือตัวเองก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองนายเจไดอีกครั้ง
ทันใดนั้นมือหนาก็ยกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองซึ่งทำให้มือฉันเป็นอิสระ "หลบฝน"
"เข้าใจว่าหลบฝน นายไม่ได้เอารถมาหรือไง"
"เอามา แต่จอดอยู่ข้างใน ฉันเดินออกมาซื้อของที่เซเว่น"
"อ๋อ..." ฉันพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ เซเว่นมันอยู่ตรงข้ามกับมหาลัยส่วนมากจะเดินออกมาซื้อของซ่ะมากกว่า
ฉันหันไปมองนายเจไดอีกครั้ง "ทำไมวันนี้นายดูซึมๆ ไม่สบายเหรอ"
"เปล่า ฉันสบายดี"
"อ้อ" บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้ง ว่าแต่ทำไมกลิ่นตัวนายเจไดหอมจัง ไม่สิ แล้วฉันจะดมกลิ่นตัวนายนั่นทำไมกัน เฮ้อ ชักจะโรคจิตนะแก
"ต่อจากนี้ไม่ต้องไปทำงานที่บ่อนแล้ว" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ฉันหลุดจากภวังค์
"ฮะ แล้วนายจะให้ฉันทำงานอะไรล่ะ"
"ผู้จัดการส่วนตัว"
"ผู้จัดการส่วนเนี่ยนะ" อ้อ ฉันพอรู้มาบ้างว่าเจไดเป็นนายแบบแล้วก็รับถ่ายโฆษณา แต่ทำไมฉันถึงกลายไปเป็นผู้จัดการดาราได้ล่ะ
"ใช่ เธอมีหน้าที่คอยติดตามฉัน คอยดูแลฉัน และพิจารณาว่างานไหนฉันควรรับหรือไม่ควรรับ" จะว่าไปง่ายกว่าทำงานที่บ่อนซ่ะอีก
"ได้ ฉันตกลง" ฉันยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหวังว่าคนตรงหน้าจะยอมจับมือเพื่องานที่เราจะได้ทำร่วมกัน แต่เขาแค่หันมามองก่อนจะหันกลับไปมองทางอื่น
ชิ๊ ฉันเบะปากก่อนจะชักมือตัวเองกลับ แค่นี้ก็ทำเป็นเมิน คนอะไรหยิ่งชะมัด
วันต่อมา
ตึก ตึก ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งส่วนมือก็ถือเสื้อผ้าเต็มไปหมด วันนี้ฉันมาในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของเจได เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นนักแสดงมากมายหลายตารวมถึงผู้กำกับชื่อดัง งานเดินแบบที่มีแต่พวกคนรวยที่จะเข้ามาในงานได้ทำให้ฉันตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวแบบไหน โดยเฉพาะมีศิลปินจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานด้วย
ตุ๊บ ฉันวางเสื้อผ้าลงก่อนจะเดินดูภายในห้องเพื่อหาใครบางคน "เธอมองหาอะไร" ขวับ!! ฉันหันไปมองข้างหลังก่อนจะพบเจได
"มองหานายนั่นแหละ นี่คือชุดที่นายต้องใส่ เดี๋ยวจะมีคนมาแต่งหน้าให้" พูดจบมือหนาก็หยิบเสื้อที่ฉันยืนให้เดินเข้าไปในห้องก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามเข้าไปข้างใน
ผ่านไปประมาณสิบนาทีผู้หญิงที่เดินเข้าไปในห้องกับเจไดก็เดินออกมาก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าฉัน "คุณเมเบลใช่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า"
"คุณเจไดให้เข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดค่ะ" ฉันขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพบร่างสูงที่กำลังถอดเสื้อ
"เฮ้ย นายทำอะไรน่ะ" ฉันรีบหันหลังกลับทันที
"มาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อ" ฉันเบิกตากว้างก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ จะบ้าเหรอ
"ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ พนักงานก็อยู่ นายก็ให้เธอช่วยเปลี่ยนเสื้อสิ"
"ทำไม เธอไม่เคยเห็นผู้ชายถอดเสื้อหรือไง เสียงสั่นเชียว" ขวับ!! ฉันหันไปจ้องนายเจไดพร้อมกับกำมือแน่น ผิวขาวเนียนบวกกับซิกแพคของเขาทำให้ฉันรีบละสายตาหันไปมองทางอื่นทันที
"อะแฮ่ม ฉันเรียนวิศวะมา ส่วนมากก็มีแต่เพื่อนผู้ชาย เป็นธรรมดาที่ฉันมักจะเห็นพวกผู้ชายถอดเสื้อ อย่างเฮียปลื้ม ฉันเห็นเฮียแกถอดเสื้อเป็นประจำ" แต่ทำไมเวลาเฮียปลื้มถอดเสื้อแข่งวายน้ำฉันไม่เห็นรู้สึกใจเต้นขนาดนี้เลย หรืออาจจะเพราะฉันกับเฮียปลื้มเราสนิทกัน
"รีบมาติดกระดุมเสื้อให้ฉัน" อะไรของเขา ทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจด้วย แล้วไอหน้าตานิ่งๆดุๆก็เลิกทำได้แล้ว ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย
"รู้แล้วน่า" พูดจบฉันก็เดินไปติดกระดุมเสื้อให้เจ้าหนี้หน้าเลือด ฉันรู้สึกว่าเขาก้มหน้าลงมองฉันจนลมหายใจรินรดศีรษะฉัน
หมับ!! ฉันเบิกตากว้างเมื่อร่างฉันถูกขังไว้ในอ้อมกอดของนายเจได "นี่ ทำอะไรของนาย" ฉันพยายามดิ้นแต่กลับไม่หลุดออกจากวงแขนของเขา
"เธอไม่สนใจฉันบ้างเหรอ ถ้าเธอยอมมาเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้" กรึบ!! ฉันขบกรามแน่นเมื่อได้ยินประโยคที่หลุดมาจากผู้ชายตรงหน้า
"นายเห็นฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่เจได"
"เธอชอบผู้ชายรวยๆไม่ใช่เหรอ ไม่สิเธอชอบเงิน ไม่งั้นเธอคงไม่ตีสนิทผู้ชายรวยๆหรอกใช่ไหม โดยเฉพาะเพื่อนฉัน"
"ถึงฉันจะจน แต่นายก็ไม่ควรพูดจาดูถูกฉันแบบนี้" เผลอกำมือแน่นด้วยความโมโห "ใช่ ฉันชอบเงินเพราะมันมีค่าสำหรับคนจนๆอย่างฉันเพื่อใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว แต่ฉันไม่เคยคิดที่จะทำให้ตัวเองเป็นหนูตกถังข้าวสาร"
เราสองคนสบตากัน ต่างคนต่างเงียบก่อนที่ฉันจะพูดขึ้นอีกครั้ง "อ้อ และฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ ผู้ชายอย่างนายน่ะ ถ้านายยังทำกับผู้หญิงเหมือนเป็นของเล่นแบบนี้ นายไม่มีทางเจอผู้หญิงคนนั้นหรอก ผู้หญิงคนที่จะรักนายจริงๆ น่าสมเพช"
หมับ!! ฉันนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บเมื่อมือหนากำลังบีบแขนฉัน "หึ งั้นเธอจะได้รู้ว่าผู้ชายที่น่าสมเพชอย่างฉันมันเป็นยังไง"
"เจได นายจะทำอะไร"