ผมมองเมเบลเดินออกจากห้องพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ที่ฉันเคยบอก เธอไม่เคยจำเลยใช่ไหม"
"จีจี้ขอโทษค่ะ อย่าทิ้งจีจี้เลยนะคะ" พรึบ!! ผมสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมทันที
"ออกไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า"
"แต่จีจี้..." ผมตวัดสายตามองจีจี้
"อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ" สุดท้ายแล้วตัวต้นเหตุก็ยอมออกไปอย่างง่ายดาย ผมยกมือนวดขมับตัวเอง ทว่า เสียงฟ้าร้องพร้อมกับมีกระแสไฟจากเบื้องบนผ่าลงมาบวกกับเม็ดฝนที่ค่อยๆตกลงมา ผมตัดสินใจเดินไปหยิบเสื้อกับกุญแจรถทันที
หยดน้ำที่ตกมาโดนผิวฉันความเย็นค่อยๆคลืบคลานเข้ามาก่อนที่ฝนจะค่อยๆตกหนักกว่าเดิม ฉันยกมือบังสายฝนที่สาดเข้ามาพร้อมกับวิ่งไปหลบอยู่ที่บ้านร้างข้างทาง
"ซวยตลอด" ปากก็บ่นมือก็ปัดเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองฝนที่ตกหนักพอสมควร ฉันนั่งลงเปิดสมุดหน้าหนึ่งที่ถูกยัยบ้าจีจี้ฉีก
"ยัยบ้าเอ้ย ถ้าฉันไม่ถูกจับตามองป่านนี้เธอไม่รอดแน่" อย่างนายนั่นก็เหมือนกัน ปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงป่านนี้คงมีความสุขมากที่ได้แกล้งฉัน
"ความเคียดแค้นมันไม่ได้ทำให้เจ้ามีความสุขหรอกนะ" ขวับ!! ฉันเบิกตากว้างมองตามเสียงก็พบว่าเป็นนกแสกตัวนั้น ตัวเดียวกันที่ฉันเจอที่ห้องทำงานนายเจได
"นกพูดได้ หรือว่ายมทูต" ตำนานเคยบอกว่าผู้นำวิญญาณจะแปลงกายเป็นนกแสกหรือนกเค้าแมวร้องเตือนเวลาบ้านไหนจะมีคนตายเพื่อให้เวลาคนที่จะต้องตายได้ทำบุญก่อนที่ผู้นำวิญญาณจะมารับตัวภายในเจ็ดวัน แล้วที่มาคุยกับฉันล่ะ หรือว่าฉันถึงเวลาที่จะต้องลาจากโลกแล้ว
"ข้าไม่ได้มารับวิญญาณเจ้า แต่มาเตือน"
"ถ้าจะมาเตือนฉันเรื่องห้ามทำร้ายคนอื่นวางใจได้เลย ฉันไม่ทำหรอก"
"แต่วันนี้เจ้าเกือบที่จะกระทำสิ่งนั้น" ที่แท้ก็จับตาดูฉันตลอดเวลานี่เอง รู้สึกเหมือนเป้นนักโทษยังไงก็ไม่รู้
"จะไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดแบบนี้ใครจะกล้าทำ" ก็หลังจากที่ฉันช่วยนายเจไดวันนั้น ฉันก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โถ่ ฉันถูกถวายจิตวิญญาณให้เทพเจ้าแห่งความตายยังไม่พอ ยังมียมทูตจับตามองอีก อิสระภาพอยู่ไหน
"ว่าแต่ท่านพอจะรู้หรือปล่าวว่าสัมผัสพิเศษของฉันมีไว้ทำไม มีไว้ก็ช่วยใครไม่ได้ ห้ามโน้น ห้ามนี่ สรุปมีไว้ทำไม" ฉันเลิกคิ้วมองนกแสกที่เกาะกิ่งไม้อยู่
"เจ้าก็ได้สมุดดำแล้ว เจ้าจะมาถามอะไรข้าอีก" สมุดดำ
"เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าฉันได้สมุดนี้มามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ท่านเป็นคนทำ"
"ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์ เจ้าเจอสมุดเล่มนั้นเพราะเจ้าของสมุดอยากให้เจ้าเจอ" ยิ่งพูดยิ่ง งง
"งั้นตระกูลจินตสัตว์มันคือตระกูลของฉันใช่ไหม แล้วสตรีที่ท่านพญายมบอกก็คือฉัน ผู้นำวิญญาณตนนั้นก็คือบรรพบุรุษฉัน"
"เมเบล นั่นเธอหรือเปล่า" เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางบทสนทนา ฉันหันไปมองผู้ชายคนหนึ่งเดินถือร่มเข้ามาก่อนจะพบว่าเป็นใคร
"มาทำไม ไม่อยู่กับน้องจีจี้ของนายล่ะ"
"ทำไม หรือว่าเธอหึง"
"ถ้าฉันหึงฟ้าคงผ่าต้นไม้ต้นนั้นแล้วล่ะ" ทว่า ยังไม่ทันได้พูดจบฟ้าก็ผ่าต้นไม้ต้นที่ฉันชี้ทันที ทำไมจังหวะเหมาะแบบนี้นะ
"นั่นไง เธอหึงฉันจริงด้วย"
"มันอาจจะแค่บังเอิญก็ได้"
ณ คอนโด CC
ฉันเงยหน้ามองนาฬิกาก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว อีกอย่างที่ฉันมาอยู่ที่คอนโดเจได เพราะฉันถูกบังคับให้มาไม่ได้สมยอมใดๆทั้งสิ้น แล้วฝนดันตกไม่หยุดสักที สุดท้ายก็ต้องมานอนที่คอนโดนายเจได
"ไปอาบน้ำ" ฉันหยิบเสื้อผ้าผู้หญิงเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็มองตัวเองอย่างแปลกตา เสื้อผ้าลายลูกไม้ที่ฉันสวมอยู่ทำให้ฉันไม่อยากเดินออกจากห้องน้ำจริงๆ ว่าแต่ชุดนี้เป็นของใครกัน
"หึ" ฉันขมวดคิ้วมองร่างสูงตรงหน้าที่กำลังขำ
"นายขำอะไร"
"เธอใส่ชุดแบบนี้ก็แปลกตาดีนะ" ว่าละ ว่าต้องถูกแซว
ชิ๊ ฉันไม่สนใจหยิบสมุดเล่มสีดำเดินไปนั่งบนโซฟา ฉันขมวดคิ้วเมื่อเปิดสมุดมามันว่างเปล่าจนเปิดมาถึงแผ่นสุดท้าย
'ข้าขออุทิตดวงวิญญาณของข้าให้แก่สตรีผู้ที่จะมาจุติยังโลกมนุษย์ผู้นั้น' มันคล้ายๆกับเป็นคำอธิฐาน ฉันเลื่อนสายตาลงมาล่างสุด
'สตรีผู้นั้นสามารถมองเห็นบุคคลที่กำลังถึงจุดจบยังโลกมนุษย์ แต่อาจจะมีมนุษย์จำพวกหนึ่งที่คิดจะทำร้ายตัวเองในขณะที่ยังไม่ถึงเวลาไปยมโลก นางผู้นั้นจะเป็นแสงสว่างให้แก่มนุษย์ที่เห็นผิดเป็นถูก ความดีที่นางได้กระทำจะส่งผลให้ข้าได้พบกับแสงสว่างตลอดไป'
ตุ๊บ หนังสือตกลงกับพื้นในขณะที่ฉันช็อกไปชั่วขณะ "นี่ ยัยบ๊องเธอเป็นอะไร" ฉันจิกแขนตัวเองจนรู้สึกเจ็บไปหมด ก่อนที่มือของฉันจะถูกดึงออกจากแขนอีกข้าง "เธอทำอะไรของเธอ"
นี่ฉันเห็นความตายเพื่อมนุษย์ที่คิดจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ แล้วที่ฉันไม่สามารถไปช่วยคนที่กำลังจะตายได้เพราะมันคือชะตาชีวิตของเขา กระจ่างแล้ว ฉันเกิดมาเพราะท่านพญายมเห็นในความดีของผู้นำวิญญาณตนนั้น แถมที่ฉันเห็นความตายเพราะฉันมีดวงจิตของยมทูต
ว่าแต่ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวฉันเหมือนโดนอะไรกอดรัดอยู่ "เฮ้ย นายทำอะไร" ฉันหลุดจากภวังค์ก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนนายเจได
"ฉันเห็นเธอซึมๆก็นึกว่ากำลังเสียใจที่ฉันปล่อยให้จีจี้ทำร้ายเธอ ฉันก็แค่กอดปลอบ"
"ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันนะ"
"โอ๋ๆ อย่าเกรี้ยวกราดสิ เธอบอกมาก่อนสิ หลังจากที่เธออ่านสมุดเล่มนั้นจบเธอก็นิ่งไปแถมยังจิกแขนตัวเองซ่ะแดงเลย สรุปเป็นอะไร" หมอนี่มีต่อมความเผือกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"เรื่องของฉัน"
"งั้นถ้าฉันไม่ปล่อยก็เรื่องของฉันเหมือนกัน"
"เอ้ะ นายเหงามากเหรอถึงได้มาแกล้งฉันแบบนี้"
"เหงามาก" ฉันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาอ่อนลง
"นายเป็นอะไรหรือเปล่า" ที่ฉันรู้มาเจไดเป็นพี่ชายเฮียไวน์พี่รหัสฉัน แต่ทั้งสองไม่ถูกกันเพราะว่าเจไดไม่พอใจเรื่องที่พ่อของเขามีผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งเฮียไวน์ก็เป็นลูกชายของภรรยาคนปัจจุบันของพ่อเขา
"เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร" ฉันตัดสินใจกอดเขาพร้อมกับลูบแผ่นหลังเบาๆ เห็นปะ ฉันมักจะเป็นคนแบบนี้แหละเห็นคนกำลังมีทุกข์ไม่ได้ ฉันมักจะใจอ่อนทุกที
"ขออยู่แบบนี้แปปหนึ่งนะ" ฉันลูบแผ่นหลังเขาเบาๆเชิงปลอบ ก่อนที่จะรับรู้ถึงแรงกอดรัดแน่นขึ้น
"นายโอเคไหม"
เจไดพละกอดออกแล้วมองหน้าฉัน "อืม"
ฉันเม้มปากแน่นยื่นมือไปกุมแก้มของเขา "นี่ นายลองยิ้มดูสิ บางทีรอยยิ้มของนายอาจจะช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้นก็ได้"
ฉันเลิกคิ้วก่อนจะรู้สึกตัวถึงมือหนายกขึ้นมาท่าบบนมือฉันที่กุมแก้มเขาอยู่ ฉันพยายามชักมือตัวเองกลับแต่กลับถูกมือหนากุมไว้แน่น
"เธอนี่ใจดีกับทุกคนเลยนะ"
"ฉันเนี่ยนะใจดี" ฉันชักมือตัวเองมากุมก่อนจะขยับออกห่างจากเจได
"นายไม่รู้อะไร วันนี้ฉันเกือบตบผู้หญิงของนายแล้ว"
"แล้วทำไมเธอถึงเปลี่ยนใจล่ะ"
ฉันยิ้มกว้างก่อนจะหันหน้าไปมองร่างสูงแล้วชี้มาที่หน้าตัวเองพร้อมกับกัดฟันพูด "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
"หึ"
"อะไร" ฉันมองมือตัวเองที่ถูกจับก่อนจะพาเดินไปที่ห้องนอน แต่ฉันยื้อไว้ทัน
"ไปนอนไง"
"นายจะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงจะนอนกับผู้ชายได้ไง"
"เธอแน่ใจว่าไม่เคยนอนกับผู้ชาย"
"กะ.. ก็เคยนอนกับอินดี้ แต่ฉันนอนเตียงส่วนหมอนั่นนอนพื้น"
"โอเค งั้นฉันเสียสละนอนพื้นส่วนเธอนอนเตียง" เจไดในโหมดสุภาพบุรุษเหรอเนี่ย
"นายเป็นเจ้าของห้องจะนอนพื้นได้ไง ฉันว่า..."
"ถ้าเธอจะนอนโซฟาเลิกคิดเลยนะ" แรกๆก็คิดแต่โซฟามันมีความกว้างนิดเดียว ฉันนอนไม่ได้แน่ๆ ห้องซ่ะหรูซื้อโซฟาอย่างกับกลัวได้นั่งงั้นแหละ
"งั้นฉันนอนพื้นก็ได้"
"แล้วแต่เธอ แต่ถ้าหนาวก็มานอนบนเตียงกับฉันก็ได้นะ" ฝันไปเถอะ