เขา ‘รักสนุก’ แต่เธอกลับคิด ‘ผูกพัน’ กว่าจะรู้ว่าสำหรับนายแพทย์ภวินท์แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นเพียงเรื่องสนุกชั่วครั้งชั่วคราว ก็ในวันที่เธอพึ่งรู้ตัวว่า ‘ท้อง’
*****
“ถ้าหนูมีลูกกับพี่จริงๆ พี่เคยคิดบ้างไหมว่าเวลาที่พี่กำลังนอนกอดอยู่กับภรรยา กำลังมีความสุขกับชีวิตแต่งงาน หนูต้องเจอกับอะไรบ้าง” ภวินท์ก้มหน้าหลุบตาต่ำ เขาไม่กล้าแม้กระทั่งสบตาเธอ “ฮึ! ไม่เคยคิดสินะ ในสมองพี่ก็คงคิดแค่ว่าพี่ทำหนูท้อง พี่ต้องรับผิดชอบ ทำหน้าที่พ่อของลูก แต่พี่เคยคิดบ้างไหมว่าลูกต้องการพ่อแบบพี่หรือเปล่า พ่อที่เห็นแม่ของเขาเป็นเพียงของเล่นชั่วครั้งชั่วคราว พ่อที่ทำกับแม่ของเขาราวกับหนูไม่มีหัวใจ”
ดวงตาคู่หวานไม่มีหยาดน้ำตาให้เห็นสักหยด ปรากฏเพียงความชิงชังที่มีต่อคนที่เจ้าหล่อนกำลังจ้องมอง
“เรื่องของเรา พี่ยอมรับว่าพี่ผิด แต่พี่ขอโอกาสได้ไหมพราว ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อเถอะนะ อย่างน้อยก็ขอแค่ได้ช่วยบ้างก็ยังดี ถึงยังไงลูกก็เป็นลูกของพี่ จะให้พี่ไม่ดูดำดูดีได้ยังไง”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พี่ไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าหนูต้องการ หนูคงบอกเรื่องลูกกับพี่ตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว”
กว่าจะผ่านแต่ละคืนวันไปได้ พราวจันทร์เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ไม่เคยมีสักเสี้ยววินาทีที่เจ้าหล่อนคิดอยากให้พ่อของลูกยื่นมือเข้ามาช่วย หากว่าวันนี้ภวินท์ไม่มาที่นี่ เธอคงลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อของลูก
“ครั้งหนึ่งหนูเคยมอบหัวใจให้พี่ แต่สุดท้ายพี่ก็ทำลายมันจนไม่เหลือชิ้นดี แต่จะโทษพี่ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้หรอก เพราะหนูมันโง่ หนูโง่เองที่คิดว่าผู้ชายอย่างพี่จะมาจริงจังกับคนอย่างหนู”
“พราวจะให้พี่ชดใช้ยังไง พราวบอกมาได้เลย พี่ยินดีทำทุกอย่าง” เขาไม่เคยคิดปฏิเสธความผิดของตัวเอง และยินดีทำทุกอย่างที่พราวจันทร์ต้องการ กระนั้นทุกอย่างที่ทำไป เขาก็ต้องได้รับสิ่งที่ตัวเองต้องการกลับมาเช่นเดียวกัน เพราะที่เขาหวนกลับมาหาผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้งก็มีประเด็นสำคัญคือเรื่องลูก
คำขอโทษที่ไร้ซึ่งความจริงใจ สำหรับพราวจันทร์แล้วไม่ต่างจากลมปากเน่าๆ ที่พ้นออกมาทำให้เธอระคายจมูกสักนิด
“กลับไปซะ หนูไม่ต้องการให้พี่มาทำอะไรให้ หนูขอแค่ให้พี่ไสหัวออกไปจากชีวิตหนูก็พอ และอย่ากลับมาให้หนูเห็นหน้าอีก”
ภวินท์ขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กแล้วมองสบตากับเจ้าหล่อน “ความต้องการของพราวคือไม่ให้พี่มายุ่งกับลูก แต่พี่ให้ไม่ได้ เพราะลูกเป็นลูกของพี่ อย่าบังคับให้พี่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเลยนะพราว” ในเมื่อคุยกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง เขาก็จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งกับพราวจันทร์ ลำพังตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าจะเลี้ยงรอดหรือเปล่า แล้วยังคิดจะพาลูกไปลำบากด้วยอีก ไม่มีทางที่เขาจะยอม
ดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “พี่จะทำอะไร!” เธอโกรธจนตัวสั่น มือทั้งสองข้างกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
“ทำในสิ่งที่ต้องทำ เรื่องพราวพี่ยอมรับว่าพี่ผิด แต่เรื่องลูก ถ้าตอนนั้นพี่รู้ แน่นอนว่าพี่ไม่มีทางปัดความรับผิดชอบ ถ้าพราวเลี้ยงลูกคนเดียวได้โดยที่ลูกไม่ลำบาก พี่จะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่นี่..” เขาใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ “บ้านจะพังทับหัวตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วดูสภาพพราวสิ ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะดูถูกนะ แต่พูดเรื่องจริง การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตไปอย่างมีคุณภาพมันต้องใช้เงิน หรือพราวอยากให้ลูกโตขึ้นมาแบบอดๆ อยากๆ โตตามมีตามเกิดงั้นเหรอ”
หญิงสาวโกรธจนแทบอยากจะวิ่งไปเอาปังตอในครัวมาสับหัวพ่อของลูก “ถึงหนูจะไม่ได้แต่งตัวดูดี ถึงบ้านหลังนี้จะเก่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหนูไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก ถึงยังไงหนูก็ไม่ยอมให้พี่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตลูกเด็ดขาด จริงอยู่ที่พี่มีเงิน แต่พี่ขาดอีคิว หนูไม่อยากให้ลูกโตไปแล้วเป็นแบบพี่ที่อะไรก็เงินๆๆๆ อีโก้สูง แต่จิตใจต่ำ ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี!”
“พราว!” ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาเช่นนี้มาก่อน แล้วพราวจันทร์เป็นใครกัน ถึงได้มายืนด่าเขาฉอดๆ
“พี่เป็นหมอ พี่รวย พี่เก่ง แต่เรื่องสามัญสำนึก หมาจรจัดหน้าบ้านหนูยังมีเยอะกว่า พี่มาทางไหน พี่เชิญกลับไปทางนั้นเลย ไป!” เธอไล่ตะเพิดเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น