ตอนที่ 1
กุ้ยเหลียน
สะใภ้หัวใจเพชร
นวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ผู้เขียน
เฉ่าฟ่าน
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว
กุ้ยเหลียน
สะใภ้หัวใจเพชร
ตอนเช้ามืด
หมู่บ้านเจ้อจิ๋ง เมืองหางโจ่ว ขณะดวงตะวันสีแดงฉานเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ‘กุ้ยเหลียน’ หญิงสาววัยยี่สิบปีผู้มีใบหน้าสวยหวาน ดวงตาคม ผิวพรรณเนียนขาวราวกับหยวกกล้วย ทรวดทรงองค์เอวของนางดูเย้ายวนตา ทรวงอกอวบใหญ่อะร้าอร่าม สะดุดตาชายทุกคนที่ได้พบเห็น กำลังสะพายกระบุงเก็บใบชา เดินกลับมาตามทางเดินเล็กๆ ทอดผ่านไร่ใบชาเขียวขจี โอบล้อมไว้ด้วยขุนเขาสลับสล้างเป็นฉากหลัง
กุ้ยเหลียนเป็นสะใภ้ตระกูลจาง ด้วยความที่นางเป็นคนขยันขันแข็ง จึงมักจะออกไปรับจ้างเก็บใบชาตั้งแต่เช้ามืด เช่นเดียวกับทุกวันที่ผ่านมา
กระทั่งแสงทองของดวงอาทิตย์สาดประกายจับขอบฟ้าเบื้องทิศตะวันออก นางจะรีบกลับมาบ้าน เพื่อหุงหาข้าวปลาอาหารไว้รอท่าสามีและพ่อสามีของนางที่กลับจากล่าสัตว์ เข้ามาถึงหมู่บ้านในตอนสาย
และในขณะที่กุ้ยเหลียนกำลังเดินทอดอารมณ์อย่างสำราญอุรา จู่ๆ ในหูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้า ควบเข้ามาใกล้ด้วยความเร็ว
พร้อมกับบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำผู้นั่งอยู่บนหลังม้า นางจดจำใบหน้าเขาได้ดี ว่าชายผู้นี้คือสหายของสามีที่มักจะออกไปล่าสัตว์ด้วยกันเป็นประจำ
“กุ้ยเหลียน… ตอนนี้จางหมิงสามีของเจ้าแย่แล้ว… ”
‘ต้าเหว่ย’ พรานหนุ่มผู้เป็นเพื่อนกับ ‘จางหมิง’ ร้องบอกหญิงสาวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อม้าตัวใหญ่วิ่งเข้ามาเกือบถึงตัวนาง
“อะไรนะต้าเหว่ย… สามีข้าเป็นอะไร… ”
กุ้ยเหลียนยกมือขึ้นทาบอก…
นางตกใจแทบช็อก ละล่ำละลักถามพรานหนุ่มผู้มาส่งข่าวร้าย ทำเอาใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับกระดาษที่ปราศจากตัวอักษร
“จางหมิงสามีของเจ้าพลัดตกหน้าผาขณะล่าสัตว์… ”
ต้าเหว่ยรีบบอก
“อะไรนะ… ขะ.. เขาเป็นยังไงบ้าง… ”
กุ้ยเหลียนละล่ำละลักถามเป็นห่วงสามี ความกังวลปรากฏชัดบนใบหน้าของนาง
“ตอนนี้เป็นตายเท่ากัน… หน้าผาลึกมาก ไม่มีใครกล้าลงไป… ข้ากำลังจะตามคนไปช่วย”
ต้าเหว่ยบอกถึงสาเหตุที่เขาต้องควบม้ากลับเข้ามาในหมู่บ้าน
“ตายจริง… แล้วพ่อสามีข้าล่ะ… ”
กุ้ยเหลียนถามถึง ‘จางหยวน’ ซึ่งเป็นบิดาของจางหมิง ทุกๆ วันสองพ่อลูกคู่นี้จะออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน
“จางหยวนพยายามลงไปช่วยดึงมือลูกชาย… สุดท้ายพลัดตกไปด้วยกัน… ”
ต้าเหว่ยกล่าวเสียงเครียด…
“ขะ… ข้าขอตามไปด้วยได้ไหม ข้าเป็นห่วงพวกเขาเหลือเกิน… ”
กุ้ยเหลียนกะโกนตามหลังม้าที่กำลังจะควบออกไป
“เจ้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ข้าว่าเจ้ารีบกลับบ้านไปดูแลลูกของเจ้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะพาคนไปช่วยเอง”
ต้าเหว่ยเหลียวหลังกลับมาตะโกนบอก…
ก่อนจะควบม้าวิ่งตรงเข้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ จุดหมายคือบ้านของ ‘เถิงชิว’ ชายผู้นี้เป็นทั้งพรานเฒ่าผู้ชำนาญการไต่ปีนหน้าผาและหมอยา เพื่อลงไปค้นหาร่างของสองพ่อลูกที่ตอนนี้เป็นหรือตายเท่ากัน
กุ้ยเหลียนยืนมองผ่านม่านน้ำตา จนต้าเหว่ยกับม้าตัวใหญ่วิ่งลับไปจากสายตา เหลือแต่ฝุ่นสีแดงตลบอบอวลทิ้งไว้ข้างหลัง
“ขอให้สามีข้าปลอดภัยด้วยเถอะ… ”
กุ้ยเหลียนหลับตาลงช้าๆ…
มือสองข้างยกขึ้นกุมแนบอก อธิษฐานในใจขอให้สองพ่อลูกปลอดภัยแล้วรีบเดินกลับบ้านเพื่อไปดูลูกชายวัยสามเดือนที่ยังนอนอยู่ในเปล
ทุกครั้งที่นางต้องออกมารับจ้างเก็บใบชา กุ้ยเหลียนมักจะฝากลูกชายไว้กับ ‘เสียวจื่อ’ แม่ม่ายวัยสี่สิบปีที่กุ้ยเหลียนรู้จักดี
กุ้ยเหลียนเรียกนางว่าท่านป้า หรือ ‘ป้าจื่อ’ จนติดปาก เสียวจื่อเป็นแม่ม่ายสามีตาย นางอาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังเล็ก ปลูกผักขายเลี้ยงชีพ บ้านของนางอยู่ติดกับบ้านของกุ้ยเหลียน จึงไม่แปลกที่ทั้งสองรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี
ในเวลาต่อมา
ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ต้าเหว่ยและเถิงชิวพรานชราผู้ชำนาญการปีนป่ายหน้าจึงค้นเจอร่างของสองพ่อลูกและหาหนทางพากลับขึ้นมาได้อย่างทุลักทะเล
“ท่านพี่… ฮือออ… ท่านพ่อ… ”
เมื่อเห็นภาพของคนเจ็บ กุ้ยเหลียนถึงกับร้องไห้โฮ ใบหน้าสวยชุ่มไปด้วยน้ำตา นางก้มลงมองร่างไร้สติทั้งสามีและพ่อสามีที่เถิงชิวและต้าเหว่ยช่วยพากลับมาบ้าน
“นี่เขาจะฟื้นไหม… ”
กุ้ยเหลียนห่วงชายทั้งสองที่ยังหมดสติ
“ข้าคิดว่าน่าจะแค่สลบ โชคยังดีที่พ่อสามีของเจ้าร่างค้างอยู่กับคบไม้ แต่สามีเจ้าโชคร้ายกว่า ตกลงมาหัวฟาดโคนไม้เป็นเหตุให้แขนและขาข้างหนึ่งก็หัก”
เถิงชิวยังไม่ลืมภาพตอนที่ใช้เชือกโรยตัวลงไปตามหน้าผาเพื่อช่วยเหลือ
เมื่อเข้าไปใกล้… จึงได้เห็นว่าจางหมิงหัวแตก โลหิตสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปกับโคนไม้ที่เกาะอยู่กับโขดหิน สภาพจึงน่าเป็นห่วงกว่าจางหยวนผู้เป็นพ่อที่ร่างค้างอยู่กับคบไม้ ไม่ตกลงมากระแทกพื้นเหมือนลูกชาย