“อย่ามัวชักช้า… เจ้ารีบไปเตรียมน้ำเกลือกับใบบัวบกให้ข้าที… เดี๋ยวข้าจะทำความสะอาดแล้วเย็บบาดแผลให้สามีเจ้า จากนั้นดามแขนที่หัก อีกสักครู่ข้าคิดว่าทั้งสองคนน่าจะฟื้น… ”
นอกจากจะเชี่ยวชาญในการป่ายปีนหน้าผาเสาะหารังนกและสมุนไพรมาปรุงยา ผู้เฒ่าเถิงชิวคนนี้ยังมีความรู้ทางการแพทย์จนหลายคนขนานนามเขาว่าซินแสเถิงชิวหรือพ่อหมอเทวดา
อีกเจ็ดเดือนต่อมา
แม้ว่าจางหมิงจะรักษาตัวจนหายจากอาการบาดเจ็บ ขาและแขนข้างที่หักก็เข้าเฝือกไว้จนเกือบหายสนิท แต่อาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นภายหลังอย่างไม่มีใครคาดคิดนั้นหนักกว่า
เป็นเพราะว่าศีรษะที่ฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างแรง ส่งผลให้ดวงตาของจางหมิงค่อยๆ พร่ามัวลงอย่างช้าๆ และบอดสนิทไปในที่สุด
ตอนแรกที่ต้องกลายเป็นคนตาบอด สูญเสียการมองเห็น จางหมิงเกิดอาการท้อแท้ สิ้นหวังในชีวิต หมดหวังกับทุกสิ่งจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย
แต่ด้วยความรักและกำลังใจจากกุ้ยเหลียนที่เฝ้าดูแลเอาใจใส่มิได้ห่าง ทำให้จางหมิงค่อยๆ ปรับตัวทำใจยอมรับสภาพของตัวเองได้ในที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไป…
การที่กุ้ยเหลียนต้องเลี้ยงดูลูกและสามีพิการเพียงลำพังนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
ไม่เพียงแค่ดวงตามืดบอดที่ทำให้จางหมิงออกไปทำมาหากินไม่ได้ อีกสาเหตุสำคัญคือความพิการ จางหมิงไม่อาจใช้ร่างกายได้เหมือนก่อน
“ข้าสงสารเจ้าเหลือเกิน… ”
จางหมิงกล่าวเสียงเศร้า…
แม้ว่าดวงตาจะมองไม่เห็น แต่เสียงดังของถ้วยชามกระทบกันอยู่ในครัวที่ได้ยินจนชิน ทำให้จางหมิงรู้ว่ากุ้ยเหลียนกลับมาถึงบ้านแล้ว หลังจากนางออกไปรับจ้างเก็บใบชาตั้งแต่เช้ามืดเหมือนอย่างที่เคยทำอยู่เป็นประจำทุกวัน
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง แม้ว่าตาของท่านพี่จะมองไม่เห็น แต่ข้ายังทำงานได้ พรุ่งนี้ข้าจะออกไปรับจ้างเก็บผักที่หมู่บ้านข้างๆ… ”
กุ้ยเหลียนกล่าวขณะกำลังทำอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัว นางเป็นคนเดียวที่เข้าครับหุงข้าว จึงรู้ดีว่าข้าวสารที่เหลืออยู่นั้นคงกินได้อีกไม่เกินห้าวัน เหตุนี้นางจึงต้องออกไปทำงานหาเงินเพื่อซื้อข้าวสารสำรองไว้สำหรับวันต่อๆ ไป
แม้ว่าจางหยวนพ่อสามีของนางยังออกล่าสัตว์ได้ตามเดิมเพราะร่างกายไม่ได้พิการจากอุบัติเหตุร้ายแรงในครั้งนั้น
แต่การล่าสัตว์ก็ไม่ง่าย นับวันยิ่งยากเย็นขึ้น ไม่เหมือนกับการออกล่าในวันที่มีลูกชายเคียงข้าง นานๆ ครั้งจางหยวนจึงจะได้เนื้อมาแร่ขายพอได้เงินมาซื้อข้าวปลาอาหารเจือจุนครอบครัว
ภายหลังเสร็จจากกินอาหารมื้อเช้าร่วมกัน กุ้ยเหลียนเดินออกไปทางหลังบ้านเพื่อไปรับลูกชายที่ฝากป้าจื่อเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อตอนเช้ามืด
“ป้าจื่อ… จางซือตื่นหรือยัง”
กุ้ยเหลียนร้องถามหญิงวัยกลางคนที่กำลังเอาผักออกจากตะกร้าที่นางเพิ่งเก็บมา ‘จางซือ’ คือชื่อของลูกชาย นามนี้จางหมิงสามีของนางเป็นคนตั้งให้
“ลูกของเจ้ายังหลับอยู่เลย… ”
ป้าจื่อตอบพลางเดินเข้าไปอุ้มเด็กชายในวัยขวบกว่าที่กำลังจ้ำม่ำออกมาให้ผู้เป็นแม่
“ลูกแม่… ”
กุ้ยเหลียนรับร่างน้อยมาแนบอกด้วยความรัก เดินกลับมาบ้านโดยไม่ลืมขอบคุณป้าจื่อที่ช่วยเลี้ยงลูกให้ทุกครั้ง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน วันนี้กุ้ยเหลียนสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างว่าในระหว่างที่นางกำลังนั่งป้อนนมลูกชายอยู่หน้าบ้าน มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองนางไม่วางตา
“ท่านพ่อ… ทำไมท่านมองข้านานจัง”
กุ้ยเหลียนถามตรงๆ…
ทำเอาคนที่กำลังแอบมองเต้านมอวบคัดของสะใภ้แม่ลูกอ่อนสะดุ้ง
“มองเพราะข้าสงสารเจ้า… ”
วันนี้จางหยวนตอบไม่อ้อม ยอมรับว่าแอบมองสะใภ้คนงามมาหลายวัน
“ท่านพ่อสงสารข้าเรื่องอะไร… ”
กุ้ยเหลียนถามพลางเอี้ยวกายซ่อนเต้านมอวบคัดจากสายตาหื่นกระหายของพ่อสามี
วันนี้จางหยวนมีท่าทางแปลกๆ ในแววตาที่มองมาดูกระหายหื่นจนนางรู้สึกได้
“ก็ข้าสงสารเจ้าที่ยังสาวยังสวย… แต่ต้องทนอยู่กับลูกชายของข้าที่ตอนนี้พิการจนให้ความสุขกับเจ้าไม่ได้… ”
จางหยวนกล่าว…
ตายังจ้องเต้านมอวบคัด ใหญ่และขาวมากจนเห็นเส้นเลือดสีเขียวกระจายเป็นสายรางๆ อยู่ภายใต้ผิวเนียนขาวอวบคัด
จางหยวนเดินเข้ามาใกล้จนเห็นปลายหัวนมขยับเข้าออกอยู่ในอุ้งปากน้อยๆ ของลูกชายที่กำลังดูดกินอย่างน่าอิจฉา
กุ้ยเหลียนรู้ว่า ‘ความสุข’ ที่พ่อสามีเอ่ยถึงนั้นคือเรื่องบนเตียงของสามีภรรยา
ซึ่งก็จริงอย่างที่จางหยวนว่า เพราะว่าตั้งแต่จางหมิงได้รับอุบัติเหตุเมื่อคราวนั้น ช่วงล่างของเขาก็ไร้ความรู้สึกจนไม่อาจร่วมเพศได้เหมือนเมื่อก่อน
“ถ้าเจ้าจะทิ้งจางหมิงไปมีสามีใหม่ที่เลี้ยงดูเจ้าได้โดยที่เจ้าไม่ต้องทำงานให้ลำบาก… ข้าก็ไม่ว่าอะไร… ข้าจะดูแลลูกชายข้าเอง… ”
จางหยวนไม่ได้กล่าวออกมาจากใจจริง เพราะกำลังแอบมองหาลู่ทางที่จะได้ทำหน้าที่แทนลูกชาย
“ในเรื่องนั้นท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงข้า… ไม่ว่าจะยังไงข้าสาบานว่าจะไม่ทิ้งสามีข้า… ”
ในเวลาต่อมา
ตอนค่ำ ภายในบ้านหลังเล็ก กุ้ยเหลียนกล่อมลูกชายจนหลับ หลังจากให้นมอีกรอบ
จากนั้นจึงอุ้มลงนอนในเปล ใกล้กับเตียงไม้ที่จางหมิงผู้เป็นสามีนอนอยู่
“นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน… ”
จางหมิงร้องถามหญิงสาว ฟังเอาจากเสียงหยิบจับโน่นนี่ก็รู้ว่ากุ้ยเหลียนกำลังจะออกไปข้างนอก
“ข้าอยากไปอาบน้ำ… วันนี้อากาศร้อนมาก”
นางตอบสามี
“อาบน้ำที่ไหน… ”
หัวคิ้วของจางหมิงชิดเข้าหากัน
“ลำธารข้างป่าไผ่หลังบ้าน”
“แต่นี่มันค่ำแล้วนะ… ”