ฟีนด์ยิ้มกว้างก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องนอนทันที เธอมีเรื่องจะถามเขาเยอะมากแต่ว่ามันไม่มีเวลาเลยนี่สิ อยู่ดีๆเขาก็โผล่ไปรับที่โรงพยาบาลเล่นเอาหัวใจแทบวายอยู่ตรงนั้นเพราะเราไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้ว แถมติดต่อเขาไม่ได้เลยอีกเป็นเดือน เธอไม่เคยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขารู้แต่ว่าสุดท้ายเขาก็รู้อยู่ดี ทีแรกตั้งใจจะถามในตอนกินข้าว แต่ว่าเรายังไม่ทันได้คุยกันให้เข้าใจก็ถูกตามทำร้ายตลอดทั้งวัน
ก็อกๆๆ
“เข้ามาแล้วล็อกประตูด้วย”
“มีอะไร?”
“ใครเป็นคนตามพี่มากันแน่?” เธอลุกขึ้นยืนบนเตียงเพราะว่าจะได้ตัวสูงกว่าเขาสักที เธออยากมีความรู้สึกได้มองต่ำแบบนี้บ้างแต่ว่าส่วนสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรไม่ค่อยเอื้ออำนวยสักเท่าไร สถานะของเราสองคนนับเป็นความลับมาตลอดเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งตอนนี้ที่เธออายุยี่สิบสี่ปีและเขาอายุยี่สิบเจ็ดปี เราคบกันมาได้สี่ปีแล้วยังไม่มีใครรู้เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย
“ซ่อนกิ๊กไว้เหรอผัวจะมาหาถึงห้ามดีจัง!”
“กิ๊กบ้านพี่ดิ!”
“ก็ดีที่ไม่มี พี่ยังไม่อยากฆ่าใครเพิ่มตอนนี้”
เธอวางมือลงที่บ่าใหญ่พร้อมกับมองหน้าคนดุดันที่ไม่รู้ว่าไปเอารอยแผลที่คิ้วมาเพิ่มตอนไหนอีก รอยสีปากเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน แถมให้ลบรอยแผลเป็นออกก็ไม่ยอมอีก รู้ไหมว่าแบบนี้ทำให้เขาดูเป็นคนดุดันมากกว่าเดิมและหาความเป็นมิตรไม่ได้เลยสักเสี้ยวเดียว เราสบตากันเพียงไม่กี่วินาทีเธอก็ถอดเสื้อของตัวเองโยนทิ้งทันที คนทำหน้าดุดันยิ้มกว้างแล้วถอดเสื้อตามเช่นกัน
“กินนมไหม?”
“จะดูดให้หนำใจเลย”
เรามันคนคุ้นเคยกันดีเรื่องแบบนี้ไม่ต้องอะไรมากก็รู้ว่าจะทำแบบไหนให้ถึงอกถึงใจและมีความสุขจนแทบสำลัก ช่วงสองปีแรกเราอยู่ด้วยกันแต่เก็บทุกอย่างเป็นความลับ พอเธอกลับมาช่วยงานที่ครอบครัวก็มักจะแวะไปหาเขาทุกครั้งที่ไปเมืองนอก หรือบางครั้งแค่คิดถึงก็ไปหาแล้ว แต่เธอห้ามเขามาหาที่นี่เพราะหวั่นใจว่าจะเกิดอันตรายขึ้นเอาได้ แม้ว่าความจริงแล้วตัวสร้างอันตรายมันคือเขานั่นแหละไม่ใช่คนอื่นหรอก
ผัวทั้งคนใครจะไม่เป็นห่วงเล่า
คบกันมาตั้งสี่ปีจะไม่รักก็คงไม่ใช่หรอก
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำที่งานเลี้ยงตามนัดเพื่อจะพูดคุยธุรกิจสำคัญ ฟีนด์นั่งฟังพ่อแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจหลายคนและพูดคุยเรื่องทั่วไปเพื่อความสัมพันธ์อันดีในอนาคต จากนั้นพ่อก็จับมือเธอเดินไปนั่งกับเจ้าของเหมืองเพราะว่าเราจะเจรจากันเกี่ยวกับงานอย่างไม่เป็นทางการให้เขาเก็บเอาไปพิจารณา แล้วหลังจากนั้นจะนัดเจอกันอีกครั้งหลังจากเขากลับมาจากพักผ่อนแล้ว
เรื่องงานไม่ได้น่าเครียดอย่างที่คิด
ตอนนี้เครียดเรื่องผัวมากกว่า
เธอแอบมองพี่บลูมที่กำลังพูดคุยกับผู้หญิงสองคนอย่างเป็นมิตร เขาทำเหมือนว่าไม่มีเมียงั้นแหละ แล้วยัยผู้หญิงสองคนนั้นดันทำท่าทางเหมือนอยากจะลากเขาขึ้นห้องให้ได้เลย นี่ขนาดอยู่ในงานเลี้ยงยังทำท่าทางระริกระรี้เหมือนลืมสถานะว่าตัวเองก็ลูกคุณหนูคนหนึ่งที่ควรจะเก็บอาการบ้าง ความคันช่องคลอดเวลาเห็นผู้ชายหล่อเร้าใจมันก็ไม่แปลก แต่นี่จะเอาแบบไม่เลือกสักหน่อยเหรอ
นั่นผู้ชายของเธอนะ
อยากไปกระชากยัยสองคนนั้นออกจริงๆ
“มึงว่าคุณหนูจ้องพี่บลูมปะ?” แฮมกระซิบถามพี่ชายเบาๆด้วยความสงสัยมาก
“ตอนบ่ายทะเลาะอะไรกันรึเปล่าวะ?” เกรย์ถามกลับด้วยความสงสัยเช่นกัน
“คุณหนูเล่นเรียกไปคุยส่วนตัวในห้องเป็นชั่วโมงแบบนั้นใครจะรู้วะ!”
“กูว่านะต้องโดนด่าชัวร์เลย คุณหนูท่าทางเหวี้ยงเก่งขนาดนี้ แถมพี่บลูมก็หน้าโหดฉิบหาย”
“คิดแล้วสงสารพี่บลูมเลยวะ”
ฟีนด์พยายามรักษาสีหน้าให้มากที่สุดทั้งที่ในใจร้อนเป็นไฟแล้ว ผู้ชายในงานเลี้ยงนี้มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงไม่สนใจกันนะ ทำไมต้องสนใจคนที่ทำหน้าดุดันตลอดเวลาแบบนั้นด้วย ผู้หญิงสองคนนั้นทำท่าเหมือนอยากจะได้บอดี้การ์ดของเธอไปจริงๆนะนั่นถึงได้วนเวียนใกล้ตัวตลอดเวลาแบบนี้
สองคนนั้นตั้งใจรุมกินผัวเธอให้ได้เลยใช่ไหม
ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดมากแต่ต้องเก็บอาการ
“เป็นอะไรรึเปล่าฟีนด์ถึงทำหน้าแบบนี้”
“รองเท้ากัดค่ะพ่อ ขยับแล้วมันเจ็บมาก”
“มีคู่สำรองไหม?”
“อยู่ที่รถค่ะ งั้นฟีนด์ขอตัวไปเปลี่ยนก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมา”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
ฟีนด์ยิ้มกว้างให้กับพ่อที่เป็นห่วงความปลอดภัย แล้วรีบเดินไปจับแขนคนตัวใหญ่กระชากออกจากงานทันที พอพ้นสายตาคนเธอปล่อยมือออกแล้วกอดอกเดินไปที่รถด้วยความหงุดหงิดมาก เขาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดได้ดีเยี่ยมตั้งแต่วันแรกแถมไม่มีพิรุธอะไรแสดงออกมาให้ใครเห็นถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนว่าแนบชิดกันมากขนาดไหน พอเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้วปิดประตูรถเธอดึงเขามาจูบทันทีเผื่อว่าจะทำให้ใจเย็นมากขึ้น พอผละมาอีกทีเขาก็อุ้มนั่งตักแล้ว
เธอไม่อยากจะงี่เง่าแบบนี้เลย
“เป็นอะไรอีก?”
“สองคนนั้นมันชอบพี่นี่!”
“หึงผัว?”
“ไม่!”
“ลากพี่มาจูบขนาดนี้ถ้าไม่หึงก็น่าจะหิวไส้กรอกแน่เลย”
“กินตอนบ่ายจนอิ่มแล้ว”
“แน่ใจเหรอ?”
“ก็…กินอีกก็ได้ แต่เร็วๆหน่อยนะ”
“ยัยเด็กหื่น!”
กว่าเราจะกลับเข้างานเลี้ยงกันอีกครั้งก็เล่นเอาแทบหมดแรงจนขยับตัวไม่ไหว บลูมช่วยจัดแจงเสื้อผ้าให้เมียใหม่อีกครั้งเพื่อความเรียบร้อยและขัดใจนิดหน่อยตรงที่มันโชว์หน้าอกมากเกินไป จากนั้นหยิบรองเท้าหนังมาใส่ให้แทนส้นสูงเผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้วิ่งหนีทัน ส่วนเมียกำลังทาลิปสติกใหม่และจัดผมให้เข้าทรง ก่อนจะหยิบน้ำหอมขวดเล็กมาฉีดอีกครั้งทั้งที่ตัวก็ยังหอมอยู่ เขาหยิบปืนของเธอมาเช็คให้แน่ใจก่อนจะเก็บเข้าไว้ที่เดิม
อีกครึ่งชั่วโมงเราจะกลับกันแล้ว
มีคนตามมาฆ่าเมียแน่
“อย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่ามีคนมาจีบพี่อีกอะ!”
“ไหนว่าไม่หวงไง แล้วทำไมขู่ดีจัง”
“อยากโดนอีกรึไง!?”
“ทั้งคืนก็ไหว”
“หุบปากไปเลย!”
เธอตัวเล็กเท่ามดแต่มาชี้นิ้วขู่เขาที่ตัวเท่ายักษ์นี่นะ นับถือว่ากล้าและความปากแจ๋วจริงๆเลย ยัยคุณหนูฟีนด์ขี้หึงยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แถมเราเจอกันอีกครั้งในรอบหลายเดือนเธอดูหิวมากนะ ตอนบ่ายจับเขากินจนหมดแรงจะขย่มต่อถึงยอมลงให้เขาคุมเกมไปจนเสร็จ ตกดึกเข้าหน่อยก็ลากออกจากงานเลี้ยงมาขย่มจนรถโยก ดีหน่อยที่เขายังห้ามตัวเองไหวไม่งั้นได้มีรอยแดงตามตัวเธอแน่นอน
พ่อตาไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่
แต่พ่อเขารู้จักกับพ่อตาเพราะเป็นหุ้นส่วน