เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านจากนั้นก็เปิดตู้ลับที่ใช้เก็บซ่อนอาวุธ คืนนี้ในตอนกลับพวกเราต้องถูกเล่นงานอย่างแน่นอนและไม่รู้ว่าจะจบลงตอนไหนด้วย เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งประธานบริษัทของพ่อเธอที่พึ่งจะรับช่วงต่อมาได้ไม่นาน หลังจากนั้นมีการเปิดโปงเรื่องยักยอกทรัพย์ของหลายคนที่ถือหุ้นส่วนและทำงานอยู่ หลายคนหนีออกนอกประเทศทันและบางคนถูกสั่งเก็บทันที มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ติดคุก แต่นั่นมันไม่จบเพราะมีการล้างแค้นทันทีและต้องการทวงคืนทุกอย่างที่เสียไป
คุณหนูฟีนด์คือเป้าหมายในครั้งนี้
ฆ่าเพื่อล้างแค้น
“นี่ทำอะไรอะ?”
“ชักว่าว”
“อี๋! น่าเกลียดที่สุด”
“ก็เห็นอยู่ว่าเช็คปืนแล้วจะถามทำไม?”
“เผื่อมีอะไรให้ช่วยไง”
“ช่วยอย่าเป็นปัญหาก็พอ”
“ปากเหรอห่ะ! ฉันไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็เกลียดพี่”
“แล้วไง?”
ฟีนด์นั่งลงที่เก้าอี้แล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูแก้เบื่อระหว่างรอคนอื่นมา คืนนี้เธอต้องไปออกงานกับพ่อเพราะจะมีการพูดคุยเรื่องงานกับเจ้าของเหมืองขนาดใหญ่ที่นั่งเครื่องบินข้ามประเทศมาถึงที่นี่
เธออายุยี่สิบสี่แล้วยังต้องเรียนรู้อีกเยอะกว่าจะเก่งมาก ไหนจะต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ให้หนักขึ้นกว่าเดิมเพราะหนทางข้างหน้าไม่ใช่เรื่องงานเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว อาวุธก็ใช้เป็นแค่ปืนสั้นธรรมดาและยิงไม่แม่นเท่าไรนัก แต่เธอพยายามมากจริงๆเพื่อจะขึ้นเป็นที่หนึ่งและจะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าตัดตอนง่ายๆด้วย
พี่บลูมถูกเรียกตัวมาจากเมืองนอกกะทันหัน
หน้าที่เขาคือดูแลความปลอดภัย
“ยืนขึ้นหน่อยสิคุณหนู”
“อะไรอีก”
“ลองดูว่าถ้าซ่อนปืนแล้วจะเดินปรกติไหวไหม”
“ฉันทำเองก็ได้”
“อย่าดื้อน่า”
“หาเรื่องลวมลามก็พูดมาเถอะฉันไม่ถือสาหรอก”
บลูมส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าคุณหนูตัวเล็กที่ปากจ้อได้ตลอดเวลา เรียวขาของเธอนุ่มมากและมีรอยช้ำจากการโดนทำร้ายเมื่อไม่กี่วันก่อน ปืนขนาดเล็กใส่ปลอกติดไว้ที่เรียวขาเล็กจากนั้นก็ให้ลองเดินอย่างเป็นธรรมชาติ เขาหยิบปืนมาเปลี่ยนใหม่ให้พอดีมากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ให้เดินดูอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เธอทำต่างจากครั้งแรกจนน่าขำไม่ไหวจริงๆนะ
เดินเหมือนนางแบบที่หมุนฟูลเทิร์น
“เป็นไง?”
“อืม”
“ตอบแค่นี้เหรอ!?”
“จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ?”
“ก็…ฉันเหมาะกับปืนนี้ไง”
“เหมาะก็ได้ พี่ใส่กระสุนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ปืนกระบอกนี้ใช้ตอนจำเป็นนะ”
“เป็นพ่อเหรอถึงสั่งดีจัง!”
“ก็พ่อเธอไหมล่ะที่สั่งพี่มาแบบนี้”
“พ่อนะพ่อไม่รู้ว่าใช้อะไรเลือกพี่มาดูแลฉัน ความจริงบอดี้การ์ดทีมอื่นก็มีคนพร้อมเหมือนกัน พี่ต่อรักษาตัวไม่นานเดี๋ยวก็หายแล้ว ฉันว่านะพ่อต้องเลือกพี่ตอนเมาแน่เลยถึงไม่ใช้สมองแบบนี้”
“เชื่อพี่เถอะว่าพ่อฉลาดกว่าลูกแน่”
“พี่ว่าฉันโง่เหรอ!?”
“แล้วมีคำไหนที่ชมไหมล่ะ?”
บลูมหันมาสนใจปืนต่อเพราะต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น จากนั้นก็หยิบมีดเล็กมาซ่อนไว้ในรองเท้า เขาหยิบโทรศัพท์มาโทรเช็คเซฟเฮ้าส์ที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงเผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นอีก ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆจนกว่าจะตายกันไปข้างหรอก อีกฝั่งหนึ่งสูญสิ้นทุกอย่างจากความไม่ซื่อของตัวเองเลยแค้นมาก ส่วนพ่อของคุณหนูต้องทำหน้าที่ตรวจสอบทันทีที่เป็นประธานบริษัทเพราะจำนวนเงินที่หายไปมีมูลค่าเกือบสองร้อยล้าน นั่นคือความเสียหายที่ต้องหาที่มาที่ไปและจบปัญหาให้ได้โดยเร็ว
ฟีนด์คือคนหาหลักฐานแทบทุกอย่างมา
เธอคือหนึ่งในเหตุของความแค้น
ผ่านไปไม่นานเสียงรถดังเข้ามาจอดภายในบ้าน บลูมคว้าตัวคุณหนูฟีนด์เข้าไปซ่อนตัวในห้องครัวขณะที่แอบมองว่ามันเป็นใคร ปืนในมือพร้อมจะลั่นไกทุกเมื่อเพื่อฆ่าทุกคนที่จะทำร้ายเธอ ผ่านไปห้านาทีถึงได้เดินออกมาจากที่ซ่อนเพราะคนที่มาคือลูกน้องไม่ใช่คนอื่น
เกรย์กับแฮมคือบอดี้การ์ดคนใหม่เช่นกัน
เขาคือหัวหน้าพวกมัน
“หิวรึยังครับผมแวะซื้อของมาให้ด้วย” แฮมถามด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วแอบมองหัวหน้าของตัวเองคนใหม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เขากับเกรย์ถูกส่งตัวมาด่วนเพื่อดูแลคุณหนูฟีนด์โดยเฉพาะและพี่บลูมคือคนที่มาเป็นหัวหน้าพวกเขาทั้งที่เราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่รู้สิว่าควรจะพูดยังไงในความรู้สึกคล้ายว่าเคยเห็นหัวหน้ามาก่อนทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิด ตามรายงานที่ได้รับก่อนจะมาถึงที่นี่คือพี่บลูมทำงานอยู่เมืองนอกมานานมาก พี่บลูมไม่เคยไปฐานที่พวกเขาอยู่เลยสักครั้ง
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” บลูมถาม
“ตึงเครียดทุกฝ่ายเลยบลูม แล้วก็เรายังหาที่ซ่อนตัวของมันไม่เจอด้วย แต่คิดว่าอีกไม่นานจะต้องเจอแน่นอน อีกข้อที่พึ่งจะรู้คือมันน่าจะร่วมมือกับคนอื่นเพื่อยักยอกเงินและคนนั้นนั่นแหละช่วยมันหนีไปต่างประเทศได้ทันก่อนเราจะเข้าไปจับ คนที่ช่วยมันไม่ใช่คนธรรมดา” เกรย์รายงานตามที่สายข่าวส่งข้อมูลมา แล้วอีกข้อที่ได้รู้คือเซฟเฮ้าส์หลังนี้อยู่นอกแผน เขามองน้องชายที่กำลังเตรียมอาหารกลางวันกินในตอนบ่าย มองคุณหนูฟีนด์ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไรเลย แล้วมองหัวหน้าที่ไม่เคยร่วมงานด้วยเลยสักครั้งด้วยความสงสัย
ออร่าอันตรายขนาดนี้คงทำงานโหดมาเยอะ
ประวัติแทบทั้งหมดคือความลับ
“จับเป็นมันได้ไหม?”
“ไม่ครับ มันถูกเก็บทันที”
“เหี้ยเอ้ย!!”
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน ส่วนวันพรุ่งนี้รอให้คนตรวจสอบบ้านของคุณหนูก่อนว่าปลอดภัยแล้วรึยังถึงค่อยกลับกัน”
“ครับ ว่าแต่ทำไมเราถึงมาที่นี่แทนที่จะเป็นโรงแรมล่ะ แล้ว…อาวุธพวกนั้น?”
“นี่คือเซฟเฮ้าส์ลับที่มีแค่ไม่กี่คนรู้ ถ้ามันจะมีอาวุธซ่อนก็ไม่แปลกเลยนี่ ไปพักผ่อนเอาแรงเถอะ คืนนี้ไม่น่าจะได้พักง่ายๆหรอก”
“สองคนนั้นน่ะอย่าพึ่งคุยเรื่องงาน มากินข้าวก่อน” แฮมเรียกเสียงสดใสแล้วยิ้มกว้างให้กับอาหารกลางวันที่จะกินแล้วก็นอนพักเอาแรง เขาเทน้ำอัดลมดื่ม ส่วนคนอื่นดื่มน้ำเปล่ากันและคุณหนูฟีนด์เลือกจะดื่มน้ำผลไม้ ในตู้เย็นมีเบียร์แช่เอาไว้อยู่เผื่อว่าต้องการเพราะเราจะอยู่ที่นี่จนกว่าที่บ้านจะปลอดภัยมากกว่าที่ผ่านมา
บ้านของคุณหนูฟีนด์ถูกวางระเบิดแต่เก็บกู้ทัน
คอนโดก็ถูกวางกับดักฆ่าแต่โชคดีที่ไหวตัวทัน
ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัย
แฮมแอบมองหัวหน้าที่หน้าตึงตลอดเวลาด้วยความสงสัยหลายอย่างแต่ยังไม่ถึงเวลาถามออกไปเพราะยังไม่สนิทกันมากพอ เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเป็นหัวหน้าทีมเมื่อวานนี้ แต่อีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ใครมาช่วยงานบ้าง
คนที่เป็นหัวหน้านี่น่ากลัวทุกคนเลยเนอะ
พี่บลูมจะเก่งขนาดไหนนะ
ใบหน้าดุดันต่อให้ยิ้มยังไงก็ไม่เป็นมิตร เขาคิดว่าดูเจ้าเล่ห์น่ากลัวว่าเดิมด้วยซ้ำ หรือต่อให้ทำแววตาอ่อนโยนยังทำให้น่ากลัวได้อยู่ดี รอยแผลเป็นที่ริมฝีปากไม่ได้ชัดมากแต่ที่หางคิ้วลากยาวไปถึงกลางหน้าผากนั้นชัดเจน มือใหญ่มีเส้นเลือดปูดนูนขึ้นเด่นชัดและมีรอยแผลเป็นนูนขึ้นด้วย มีรอยสักรูปงูเต็มทั้งแขนขวา สีผิวไม่ได้ขาวแต่ก็ไม่ได้คล้ำ จะว่าเป็นสีแทนก็ไม่น่าใช่สักเท่าไร ดูทรงแล้วน่าจะออกแดดบ่อยมากพอสมควรแถมยังออกกำลังกายหนักถึงปั้มกล้ามได้ใหญ่บึกบึนขนาดนี้
หัวหน้าคนนี้คือใครกันแน่นะ
ดูจากฝีมือแล้วไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“ฉันจะไปนอนพักนะ”
“เชิญครับคุณหนู ส่วนพวกแกสองคนอยู่คุยเรื่องงานก่อน”
“พี่บลูมตามขึ้นมาด้วยล่ะ ฉันมีเรื่องจะคุย”
“สำคัญไหม?”
“บอกให้มาก็มาเถอะน่าจะถามอะไรนักหนา ฉันไม่ฆ่าพี่ตายตอนนี้หรอก!”
“เดี๋ยวตามขึ้นไป”