“แน่ใจนะว่าโอเค นอนที่นั่นคนเดียวได้ใช่ไหมยัยวี”
“โอเคค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้วีก็ต้องกลับแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว แล้วทำไมต้องให้ไปคืนถึงเกาะโขดด้วยแปลกคนจริง ๆ” นางสมรนึกพาลคนที่ทำให้ลูกสาวตนเองต้องติดเกาะ
“ช่างเถอะแม่วีเองก็อยากคืนให้มันจบ ๆ ด้วยแหละ เกาะโขดก็อยู่แค่นี้เอง แต่ไม่คิดว่าจะเจอพายุฝนจนกลับไม่ได้”
“เอา ๆ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”
“ค่ะแม่” จารวีวางสายจากมารดา แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้คนที่อยู่บนเตียง
“พรุ่งนี้คุณต้องโทรให้คนเอาเรือมารับฉันแต่เช้าเลยนะ ฉันบอกแม่ไว้แล้ว” หญิงสาวเชิดหน้าเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่า
“ถ้าโทรติดนะ”
“มันก็ต้องโทรติดอยู่แล้ว ไม่ต้องมาโกหกฉันเลย”
“โอเค กลับก็กลับ แต่คืนนี้ผมจะนอนแล้ว คุณก็ด้วยนอนได้แล้ว” เขาหันไปตบหมอนปุ ๆ ตลบมุ้งลงกางแล้วทิ้งตัวลงนอน
จารวียืนเคว้งอยู่กลางห้อง แล้วเธอจะนอนตรงไหน มีแค่พื้นไม้กับเตียงนอนของ แถมมียุงบินไปมาอีกด้วย
“คุณทัพพ์แล้วฉันละ”
“ก็นอนบนเตียงนี่แหละ จะยืนให้ยุงมันหามหรือยังไง ขึ้นมาได้แล้ว” เขาบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ฉันจะนอนกับคุณบนเตียงไม่ได้”
“ไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน” เขาตัดบทอย่างรำคาญใจ
“ปิดไฟด้วย” แถมสั่งต่ออย่างหงุดหงิด
จารวียืนถอนหายใจออกมาดัง ๆ ก่อนเดินไปปิดไฟตามที่เขาบอก เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องกันระงมทั่วป่าเขาด้านหลัง ยิ่งต้นไม้ข้างบ้านพักของทัพพ์ยิ่งดังเป็นพิเศษ หญิงสาวเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สักพักใหญ่ ๆ ก็ทนพวกยุงกับแมลงไม่ไหว ตัดสินใจตลบมุ้งขึ้นและก้าวขึ้นไปบนเตียงนอนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“คุณทัพพ์ คุณอย่าทำอะไรฉันนะ ฉันแจ้งความจริง ๆ ด้วยนะ ฉันไม่กลัวคุณหรอก”
“นอน !”
“โอเค ๆ !”
ภายในห้องนอนของทัพพ์ยังมีแสงสลัว ๆ จากดวงจันทร์ลอดผ่านเข้ามา จารวีเลือกนอนหันหลังให้เขา แม้อากาศค่ำคืนนี้จะร้อนอบอ้าว แต่เธอดันเป็นคนติดหมอนข้างกับผ้าห่ม อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรมาคลุมลำตัวเอาไว้ พยายามควานมือหาผ้าห่มแต่กลับเจอท่อนแขนของเขาแทน
“ขอโทษค่ะ ฉันอยากได้ผ้าห่มคุณมีอีกผืนไหม”
“มีแค่ผืนเดียวนี่แหละ ห่มด้วยกัน”
“เอ่อ งั้นไม่เป็นไรค่ะ อ๊ะ” หญิงสาวหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อเขาตวัดผ้าห่มมาคลุมตัวให้ซึ่งผืนก็ใหญ่พอจะห่มสองคนได้พอดี
จารวียอมนอนนิ่ง ๆ เพราะเขาไม่ได้จะทำอะไรเธอ นอกจากจะห่มผ้าห่มให้เท่านั้น แต่กระนั้นหญิงสาวก็ใช่จะนอนหลับได้ง่าย ๆ ไม่ต่างไปจากทัพพ์ซึ่งนอนลืมตาโพลงในความมืด มีเพียงเสียงธรรมชาติที่ดังเซ็งแซ่ให้ได้ยิน
“คุณนอนไม่หลับล่ะสิ” สักพักใหญ่ ๆ เขาเอ่ยถามขึ้น เพราะได้ยินแต่เสียงถอนหายใจดัง ๆ จากคนที่นอนอยู่ด้านข้าง
“ก็มันแปลกที่แปลกทางนี่คะ แต่คุณควรจะนอนหลับนะ บ้านคุณเองแท้ ๆ” จารวีต้องการให้เขาหลับก่อนเธอถึงจะวางใจได้ ทว่าเขาเองกลับหลับไม่หลงเหมือนกันเสียได้
“มีผู้หญิงมานอนข้าง ๆ แบบนี้ คุณว่าผู้ชายที่ไหนจะนอนเฉย ๆ ได้บ้าง”
“นี่คุณทัพพ์คุณอย่าคิดอะไรบ้า ๆ นะ” จารวีรีบดึงผ้าห่มขึ้นปิดถึงลำคอ
“ผมแค่พูดเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะทำสักหน่อย คุณก็อย่าเวอร์น่า”
“ก็คุณเพิ่งพูดว่านอนเฉย ๆ ไม่ได้”
“ผมก็แปลกที่แปลกทางเหมือนกันนะคุณ มีคนอื่นมานอนบนเตียงแบบนี้ ปกติเคยนอนเฉย ๆ ที่ไหน”
“พอแล้ว ๆ ฉันไม่อยากฟัง งั้นฉันไปหาที่นอนใหม่ก็ได้ นอนพื้นก็ได้นะแต่คุณไปหายากันยุงให้ฉันหน่อยสิ”
“ที่นี่ไม่มีหรอกอยู่ในจุดบริการส่วนกลางโน่น ไม่ไปเอาให้หรอกนะมืดแล้วผมกลัว”
“ก็ทำไมไม่หามาไว้ตั้งแต่แรกล่ะ รู้ว่าฉันต้องค้างที่นี่ คุณนี่นะ”
“อ้าว ผมก็ลืมเป็นนะคุณ คนอื่นเขามานอนไม่เห็นเรื่องมากอย่างคุณเลย นอน ๆ ได้แล้วคราวนี้ผมจะหลับจริง ๆ คุณห้ามชวนคุยอีกล่ะ”
“ฉันไปชวนคุณคุยตอนไหนเนี่ย” จารวีบ่นแล้วก็ส่ายหน้าไปมา แค่รู้ว่าเคยมีผู้หญิงมานอนบนเตียงนี้กับเขา เธอก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจพิกล ยิ่งรู้ว่าพวกเขาไม่ได้นอนเฉย ๆ ก็ยิ่งกระร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อึ๋ย” คิดแล้วก็ขนลุกซู่ขึ้นมา
“นอนได้แล้วคุณมาอึ๋ยอะไร นี่คุณคิดอะไรอยู่กันแน่” ทัพพ์เอ็ดเบา ๆ
“ปะเปล่า คุณนอนต่อเถอะ ฉันกำลังจะหลับตาอยู่นี่แล้ว” หญิงสาวรีบบอกก่อนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในตอนนี้
สักพักใหญ่ ๆ จารวีก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หญิงสาวค่อย ๆ หันหน้าไปมองเขา เมื่อเห็นว่าเขานอนหลับสนิทไปแล้วจริง ๆ เธอถึงกล้าหลับตาตามเขาไป ไม่ช้าก็นอนหลับสนิทลงไปจริง ๆ
ตอนเช้าด้านนอกบ้านพักของทัพพ์ ได้มีเรือแล่นเข้ามารับตัวของจารวี ทว่าไม่ได้มาแค่คนขับเพียงคนเดียวกลับมีนางสมรติดเรือมาด้วย
“ทำไมเกาะโขดไม่มีคนเลยล่ะ แล้วลูกสาวฉันจะอยู่ยังไงเนี่ย” หลังจากนางสมรนอนคิดทบทวนดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่เต็มไปหมด เลยตัดสินใจมาที่ท่าเรือเกาะโขดในตอนเช้า และได้พบกับนายขวัญคนขับเรือของที่เกาะ คาดคั้นอยู่นานอีกฝ่ายถึงยอมบอกว่าเป็นคนพาจารวีไปเกาะโขดเอง นางสมรเลยบังคับให้นายขวัญขับเรือมาส่งที่นี่ เพื่อจะรับจารวีกลับบ้านด้วยตัวเอง
“แล้วไหนบ้านพักลูกสาวฉันอยู่ไหน”
“เอ่อ อยู่” นายขวัญหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เพราะถูกขู่ว่าจะแจ้งความจับฐานลักพาตัว เลยต้องให้นางสมรขึ้นเรือมาด้วย แต่ตนก็ได้ส่งข้อความไลน์ไปหาทัพพ์แล้ว ทว่ายังไม่มีการเปิดอ่านแต่อย่างใด
“ฉันถามว่าลูกสาวฉันอยู่ไหน ตอบมานายขวัญ !”
“หลังโน้นครับ” นายขวัญชี้ไปที่บ้านพักของทัพพ์ แล้วเดินหนีไปอีกทาง
“อ้าวแล้วจะไปไหน ไม่พาฉันไปเหรอ”
“คุณสมรไปเองเลยครับ ผมจะรออยู่แถว ๆ นี้แหละครับ” นายขวัญรู้ว่างานนี้ตนเองทำพลาดเข้าแล้ว เพราะดูยังไงจารวีน่าจะพักบ้านหลังเดียวกับเจ้านายตนแน่นอน
“ไปเองก็ได้ แค่นี้เอง” คนห่วงลูกถอดรองเท้าแล้วก้าวฉับ ๆ ไปบนพื้นทราย ตรงไปหาลูกสาวที่บ้านพักหลังดังกล่าว
“ยัยวีอยู่ไหม ยัยวี ! นี่แม่เองนะ !”