สองทุ่มแล้วจารวียังนั่งเล่นอยู่ด้านนอก ขณะที่เจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้เธอนั่งเคว้งอยู่ตามลำพัง สักพักใหญ่ ๆ หญิงสาวรู้สึกไม่สบายตัวจากไอทะเล จึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนของเขา
“เข้ามาสิ” คนข้างในส่งเสียงตอบกลับมา
จารวีลองหมุนลูกบิดผลักเข้าไปเบา ๆ เห็นเขากำลังนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่ง
“ฉันอยากอาบน้ำ” หญิงสาวบอกเขา
“ก็อาบไปสิ ห้องน้ำก็มีอยู่โน่น” เขาผินหน้าไปทางห้องน้ำ
จารวีเดินไปเปิดประตูห้องน้ำออก ถึงกับตาโตกับสภาพห้องน้ำแบบเปิดโล่งของเขา มีเพียงโซนชักโครกที่มีหลังคาปิด จุดอาบน้ำนั้นเปิดหลังคาท้าลมฝนไว้อย่างนั้น หญิงสาวยืนทำใจกับสภาพของห้องน้ำเขาพักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปหาเขาอีกรอบ
“คุณมีผ้าถุงไหม”
“คุณผมผู้ชายทั้งแท่งนะคุณ จะให้เอาผ้าถุงมาทำสากกะเบืออะไร โน่นผ้าขนหนูอยู่ในตู้” เขาชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าตรงมุมห้อง
จารวีเดินตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเขา พบผ้าขนหนูผืนสะอาดพับเอาไว้สามผืน เธอจึงเลือกหยิบมาสองผืน
“เอาเสื้อผมไปใส่นอนก่อนก็ได้ ชุดคุณคงเน่าแล้วมั้งนั่น”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันใส่ซ้ำได้”
“ใส่ไปเถอะผมไม่ถือหรอก” เขาบอกแบบรำคาญใจ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ” จารวีไม่กล้าสวมเสื้อผ้าของเขา รีบเดินหอบผ้าขนหนูเข้าห้องอาบน้ำไป
ปิดประตูห้องน้ำได้จารวีก็รีบลงกลอนให้หนาแน่น ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าอาบน้ำในสถานที่เปิดโล่งแบบนี้ได้ และใช้เวลาในห้องน้ำให้เร็วที่สุด
“ผมนึกว่าวิ่งผ่านน้ำออกมานะคุณ” คนบนเตียงถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ เพราะจารวีใช้เวลาในห้องน้ำน้อยมาก เหมือนคนไม่ได้อาบเลยก็ว่าได้
“ฉันไม่ชอบห้องน้ำคุณนี่ น่ากลัวพิลึก”
ตึ๊ง ! จู่ ๆ เสียงไลน์ในโทรศัพท์มือถือของทัพพ์ก็ดังขึ้น
“ไหนว่าไม่มีสัญญาณมือถือไง” จารวีทำตาเขียวใส่เขา
“ผมเคยบอกเหรอ คุณพูดเองเออเองทั้งนั้น” ทัพพ์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความไลน์ พบว่ามาจากมารดาของเขาเอง และข้อความที่ส่งมานั้นล้วนเกี่ยวกับจารวีล้วน ๆ
‘คุณสมรตามหาลูกสาวใหญ่เลย ทัพพ์ทำอะไรหนูวีหรือเปล่าลูก ทำไมเขาถึงยังไม่กลับบ้าน’
‘ฝนตกหนักครับแม่เรือออกจากเกาะไม่ได้ เลยต้องค้างที่เกาะคืนหนึ่งเดี๋ยวพรุ่งนี้พากลับครับ’
ทัพพ์พิมพ์ตอบกลับมารดาไป แล้วหันมามองคนที่ยืนจ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในมือก็ถือโทรศัพท์ของตัวเองอยู่
“แล้วทำไมมือถือฉันไม่มีสัญญาณเลยล่ะ”
“อ้าว ผมจะไปรู้ด้วยไหม คุณใช้เครือข่ายอะไรล่ะ ที่นี่ใช้ได้แค่เครือข่ายเดียว และใช้ไม่ได้เลยสักเครือข่ายตอนฝนตก”
“แปลว่าคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วทำไมไม่บอกฉัน อย่างน้อยฉันก็อาจโทรให้คนที่ฝั่งมารับได้”
“คุณบอกว่ามือถือคุณไม่สัญญาณ มาโทษผมได้ยังไง”
“คุณนี่มัน...” จารวีกัดปากตัวเองจนเจ็บ อย่างน้อยก่อนฝนตกโทรศัพท์ของเขาก็ต้องโทรออกได้ ให้เรือมารับเธอกลับก็ยังได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลย
“อะไรพูดให้มันดี ๆ นะคุณ อย่าลืมล่ะว่ากำลังติดเกาะอยู่กับผมแค่สองต่อสอง เกิดผมโมโหขึ้นมาฆ่าหมกเกาะไม่มีคนรู้ด้วยนะ” เขาขู่หญิงสาวโดยใช้สายตามองกราดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“อย่าคิดบ้า ๆ กับฉันนะ” คนพูดยกมือขึ้นกอดอกในทันที
“ผมคิดอะไรคุณรู้ด้วย เก่งจัง” สายตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้จารวีก้าวถอยหลังออกห่าง
“ฉันขอยืมมือถือคุณโทรบอกแม่ได้ไหม ป่านนี้แม่คงเป็นห่วง” หญิงสาวพยายามพูดดี ๆ กับเขา
“ได้สิแต่ว่าก่อนจะบอกอะไรแม่คุณ คิดดี ๆ ก่อนนะคุณจารวี คิดว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ในสถานการณ์ตอนนี้มีแต่คุณนะที่เสียหายไม่ใช่ผม ส่วนเรื่องให้เรือมารับกลับตอนนี้เลิกคิดได้เลย ไม่มีใครเอาเรือออกตอนคลื่นทะเลรุนแรงแบบนี้หรอก ฝนหยุดแล้วก็จริงแต่สภาพอากาศยังคงอันตรายต่อการเดินเรือในตอนกลางคืนอยู่” ทัพพ์บอกก่อนยื่นโทรศัพท์มือถือให้หญิงสาว
จารวีรีบกดหมายเลขโทรศัพท์หามารดาในทันที น้ำเสียงของนางสมรฟังดูตกใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ยินเสียงลูกสาวในสายเรียกเข้าที่เป็นชื่อของทัพพ์
“ทำไมใช้มือถือของคุณทัพพ์เขาโทรมาล่ะยัยวี”
“แม่รู้ได้ไงคะว่ามือถือของคุณทัพพ์” คนเป็นลูกตกใจจนต้องหันไปมองหน้าคนบนเตียง
“ก็แม่มีเบอร์คุณทัพพ์อยู่แล้วน่ะสิ บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมถึงใช้มือถือคุณทัพพ์โทรมา”
“แม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะไม่ต้องเป็นห่วงวี คือว่าตอนนี้วีติดเกาะอยู่ค่ะ ฝนตกพายุเข้าเรือออกไปส่งที่ฝั่งไม่ได้”
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกแม่ล่ะ แม่เป็นห่วงรู้ไหม คุณพรเองก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย นี่กะว่าจะไปแจ้งความอยู่แล้วถ้านานกว่านี้อีกสักหน่อย”
“ไม่ต้องไปนะคะแม่วีสบายดีปลอดภัยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับแล้วค่ะ” จารวีรีบห้ามเกรงว่าเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โตเกินไป
“เดี๋ยวนะทำไมเราไปติดเกาะได้ล่ะ ก็เอาสินสอดไปคืนคุณป้าพรเขาที่บ้านไม่ใช่เหรอยัยวี” คนเป็นแม่เพิ่งนึกได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติ
“คือคุณป้าพรไม่อยู่บ้านค่ะ วีเลยต้องเอามาคืนคุณทัพพ์ที่เกาะโขด แต่ไม่คิดว่าพายุจะเข้าจนกลับไม่ได้ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะคุณทัพพ์เปิดบ้านพักให้วีนอนค้างที่นี่ค่ะ มีอาหารการกินพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงวีนะคะ” หญิงสาวย้ำมารดาเรื่องความเป็นอยู่ของตนเองหลายรอบ จนคนบนเตียงหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำให้คนคุยสายอยู่ขึงตามองเขาเชิงดุ ๆ เพราะไม่อยากให้มารดาได้ยินไปด้วย