เพราะพี่สาวของเธอยกเลิกงานแต่งกับเขาอย่างไร้เยื่อใย
คนเป็นน้องสาวอย่างเธอถูกครอบครัวกดดัน
ให้เอาค่าสินสอดไปคืนฝ่ายชาย
ทว่ามารดาของเธอดันเอาส่วนหนึ่งของค่าสินสอด
ไปโปะหนี้บ้านจนหมด
งานเลยงอกสิคราวนี้
จารวีค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า สายลมเอื่อย ๆ กับคลื่นทะเลเบา ๆ ทำให้เธอหลับสนิทลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเม็ดฝนก็ตกใส่หน้าจนเจ็บ หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าท้องฟ้ามืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว ลมพายุฝนรุนแรงจนน่ากลัว ต้องรีบวิ่งกลับไปหาทัพพ์ที่บ้านอย่างร้อนใจ
“คุณทัพพ์อยู่ไหมคะ ! คุณทัพพ์ ! คุณทัพพ์ !” จารวียืนอยู่หน้าบ้านพักแล้วตะโกนเรียก แต่เหมือนเขาจะไม่ได้ยินเพราะเสียงลมค่อนข้างแรง จึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปเคาะประตูห้องของเขาแทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณทัพพ์นี่ฉันเองนะคะ”
เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาเขายังอยู่ในชุดเดิม มองเธอด้วยสายตากึ่งเยาะหยันเล็กน้อย เหมือนรู้ว่าอย่างไรเสียเธอก็ไปไหนไม่พ้น
“เข้ามาสิ” เขาเปิดประตูออกกว้างเพื่อเชื้อเชิญคนตรงหน้า
จารวีมองเขาเหมือนคนไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ยอมก้าวขาตามเข้าไปในบ้านแต่โดยดี
“ไม่มีเรือเลย ฉันกลับบ้านไม่ได้” เดินเข้ามาภายในบ้านพักของเขาแล้ว จารวีก็บอกเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไรนัก
“ก็ผมบอกแล้วไม่เชื่อเอง นั่งก่อนสิ”
ภายในบ้านพักแบ่งเป็นห้องนั่งเล่นห้องนอนและห้องครัว จารวีมองไม่เห็นห้องน้ำ คงจะอยู่ข้างในห้องนอนอีกที
“บ่ายสองเองทำไมมันมืด ๆ แบบนี้ล่ะ” หญิงสาวเปรยเบา ๆ ระหว่างยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู
“พายุเข้าท้องฟ้าปิดก็แบบนี้แหละ” อีกคนพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติของที่นี่
“คุณทัพพ์ฉันอยากกลับฝั่ง”
“ตลกแล้วคุณ ฟ้ามืดมัวฝนแบบนี้ใครเอาเรือออกก็โง่แล้ว อีกอย่างเรือที่เกาะก็ไม่มี ช่วงนี้เอาเรือไปเข้าอู่ตรวจสอบสภาพกันยกทีม จะมาอีกทีสองสามวันโน่น”
“สองสามวัน นี่คุณบ้าหรือเปล่า ไม่มีเรือแล้วยังจะให้ฉันเอาสินสอดมาคืนที่นี่อีก” หญิงสาวกัดฟันกรอดอย่างโมโห นี่มันจงใจกลั่นแกล้งกันชัด ๆ
เปรี้ยง !
“ว้าย !” เสียงฟ้าผ่าอยู่ใกล้ ๆ ทำจารวีสะดุ้งสุดตัว ส่วนเจ้าของบ้านพักนั้นได้แค่ปรายตามองนิ่ง ๆ
“ยังไงวันนี้คุณก็ต้องนอนนี่”
“นอนนี่ ! คุณจะบ้าเหรอ ให้ฉันมานอนกับคุณได้ยังไง เอ่อ อย่างน้อยถ้ากลับไม่ได้จริง ๆ คุณก็เปิดห้องพักให้ฉันสักหลังสิ” จารวีพยายามนึกหาทางออกให้ตนเองอยู่
“บ้านพักลูกค้าถูกตัดไฟฟ้าหมดแล้ว เพราะอยู่ในช่วงซ่อมแซม เลยตัดกระแสไฟหมดทุกหลัง อยากไปนอนก็ได้นะเดี๋ยวผมหาตะเกียงให้อันหนึ่ง”
“ตะเกียงหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าทั้งเกาะนี่มีแค่บ้านพักหลังน้อยของผมนี่แหละที่มีไฟฟ้าใช้แค่หลังเดียว เข้าใจอะไรยากเหลือเกินนะแม่คุณ”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันต้องมาติดอยู่บนเกาะนี่”
“ช่วยไม่ได้” ทัพพ์แบมือยักไหล่ให้หญิงสาว
“แล้วฝนมันจะตกแบบนี้นานไหม” จารวีเอ่ยเบา ๆ เหมือนถามตัวเองมากกว่า เพราะรู้สภาพอากาศบนฝั่งอยู่แล้ว
“มันก็ตกแบบนี้ทั้งวันไม่ต่างจากฝั่งหรอก ยิ่งช่วงสองสามวันนี้ด้วยท่าจะยาวถึงเย็น”
จารวีได้ยินแล้วก็ถอนหายใจยาว ๆ ออกมา หญิงสาวมองคนตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่
“คุณทัพพ์เรามาคุยกันด้วยเหตุผลดี ๆ กันเถอะ” เมื่อเห็นว่าทั้งเกาะมีแค่เธอกับเขา และพายุฝนที่ไม่มีทีท่าจะหยุดตกง่าย ๆ จารวีเริ่มตระหนักว่าเธอกับเขาไม่ควรหาเรื่องทะเลาะกันจะดีกว่า
“ผมก็คุยดี ๆ อยู่นี่ไงไม่เห็นรึ” เขาพูดพร้อมเอียงหน้าใส่เธอ
“มือถือฉันไม่มีสัญญาณเลยตั้งแต่มาถึงที่เกาะ”
“ไม่มีสัญญาณเลย ?” ทัพพ์ทำหน้าแปลกใจอีกรอบ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ใช่ค่ะ ฉันติดต่อกับแม่ไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ว่าตัวเองอยู่นี่ แล้วคุณล่ะ คุณติดต่อกับคนบนฝั่งยังไง” คนถามมองไปรอบ ๆ บริเวณบ้าน เหมือนต้องการหาเครื่องมือสื่อสารของเขา
“ก็มือถือนี่แหละ แต่คุณบอกไม่มีสัญญาณก็คงไม่มีมั้ง ฝนฟ้าแบบนี้สัญญาณมันอาจหาย” เขาพูดแล้วเสไปมองทางอื่น
“แต่ตอนฉันมาถึงที่นี่ฝนมันยังไม่ตกเลยนะ”
“แล้วผมจะไปรู้ไหมล่ะ มือถือก็มือถือคุณใช่ของผมที่ไหน”
“นี่คุณ ! เอ่อ ทางบ้านฉันต้องเป็นห่วงฉันแน่ที่หายตัวมาแบบนี้ แม่ฉันอาจจะแจ้งความก็ได้” โกรธก็โกรธแต่จารวีต้องพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้
“แล้วไง” ดูเขาไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลย
“ก็แม่ฉันรู้ไงว่าฉันเอาสินสอดมาคืนคุณ” จารวีอยากให้เขารับรู้ว่ามีคนรู้ว่าเธอเดินทางไปไหนมาไหน
“แม่ฉันอาจโทรศัทพ์ไปถามแม่คุณก็ได้” หญิงสาวยกเหตุความเป็นได้มาอ้าง
“อืม”
“นี่คุณทัพพ์คุณช่วยพูดอะไรมากกว่านี้ได้ไหม สรุปว่าวันนี้ฉันกลับฝั่งไม่ได้ คุณจะให้ฉันทำยังไง”
“คุณนี่ก็แปลก กลับไม่ได้ก็นอนนี่สิ จะมาโวยวายใส่ผมทำไม”
“ก็คุณบอกไฟฟ้าที่บ้านพักลูกค้าไม่มีใช้ แล้วคุณจะให้ฉันนอนที่ไหน” หญิงสาวเริ่มจะทนไม่ไหวกับความเฉยชาของเขา
“ก็นอนบ้านของผมนี่ไง” ชายหนุ่มบอกพร้อมผายมือออกทั้งสองข้าง
“นอนนี่ ! คุณจะบ้าเหรอ จะให้ฉันมานอนกับคุณได้ยังไง”
“งั้นก็บ้านพักลูกค้าโน่น ไปสิ ไปเลย เดี๋ยวไปหยิบกุญแจให้เดี๋ยวนี้เลย” เขาชี้นิ้วไปทางบ้านพักลูกค้าเป็นเชิงไล่
จารวีมองเขาตาปริบ ๆ ฝนตกหนัก ไฟฟ้าไม่มีใช้ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มแบบนี้ จะให้เธอไปอยู่บ้านพักที่ไม่มีแสงสว่าง ไร้ซึ่งผู้คนเพียงลำพังอย่างนั้นเหรอ อยู่กับเขาหรืออยู่คนเดียวอันไหนน่ากลัวกว่ากัน
เปรี้ยง !
“อ๊าย !” หญิงสาวกรีดเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อพายุฝนกระหน่ำหนักกว่าเดิม ตามด้วยเสียงฟ้าผ่าลงมาเป็นระยะ
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
“โอ๊ย ! เอาเป็นว่าฉันนอนนี่ก็ได้ แต่ว่า คุณห้ามไปบอกใครนะว่าฉันนอนนี่กับคุณ” จารวีตั้งข้อแม้กับเขา
“เฮ้อ เรื่องมากจริงแม่คุณ” ทัพพ์มองอีกคนแล้วส่ายหน้าไปมา เขามีหลายเรื่องอยู่ในหัวตอนนี้ โดยเฉพาะเรื่องแม่สาวน้อยคนสวยตรงหน้า ทำไมมารดาของเขาถึงไม่มีคนนี้อยู่ในตัวเลือกตั้งแต่แรก