ความจริงบนเกาะโขดมีสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึงแล้ว แต่เสาสัญญาณที่ติดตั้งไว้บนเกาะเป็นคนละเครือข่ายกับที่จารวีใช้งาน จึงทำให้หญิงสาวไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ แต่สัญญาณจะขาดหายทุกเครือข่ายช่วงมีพายุฝนรุนแรง ฉะนั้นตอนนี้ก็ไม่สามารถมีใครติดต่อทั้งคู่ได้
ด้านของนางสมรนั้นเกิดความร้อนใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถติดต่อลูกสาวคนเล็กได้ตลอดทั้งวัน หญิงสูงวัยตัดสินใจโทรศัพท์ไปหานางนวพรในช่วงเย็นของวัน
“คุณพรคะ นี่สมรเองนะคะ”
“ค่ะคุณสมรมีธุระอะไรกับฉันคะ” นางนวพรทำเสียงแข็งใส่ปลายสาย เพราะยังคงเคืองเรื่องของจันทร์ดาวอยู่
“เอ่อ คุณพรเห็นยัยวีบ้างไหมคะ วันนี้แกจะไปคืนสินสอดแทนสมร แต่นี่ก็ค่ำแล้วยังติดต่อแกไม่ได้เลยค่ะ”
“ติดต่อไม่ได้เลยเหรอคะคุณสมร” นางนวพรนึกเอะใจขึ้นมาเพราะนี่ก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว
“ค่ะ โทรไปก็ไม่ติดไม่รู้ว่าคืนสินสอดเรียบร้อยดีไหม นี่ก็ฝนตกตลอดทั้งวันเลย ไม่รู้ไปติดอยู่ตรงไหนหรือเปล่าถึงไม่ได้กลับบ้าน”
“ขอฉันเช็กดูก่อนนะคะคุณสมร” นางนวพรยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง จึงไม่กล้าบอกความจริงเรื่องจารวีนำสินสอดไปคืนลูกชายตนเองที่เกาะโขด
“ได้ค่ะ ได้เรื่องยังไงรบกวนคุณพรโทรบอกสมรด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะคุณสมร” มารดาของทัพพ์คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาลูกชายของตน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
‘พายุเข้า สงสัยหนูวีติดอยู่บนเกาะแน่ ๆ’
พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วนวพรก็เอะใจขึ้นมา พายุเข้าแทบทุกวันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนต้องรู้สิ เพราะเช็กสภาพดินฟ้าอากาศเป็นประจำ แล้วทำไมยังให้จารวีไปหาที่เกาะอีก
‘หาเรื่องให้แม่แล้วนะทัพพ์’
นางนวพรตัดสินใจปิดโทรศัพท์มือถือของตน เพื่อเลี่ยงที่จะติดต่อกับนางสมร เพราะถ้าเป็นอย่างที่ตนคิดจริง ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายอย่างไรเหมือนกัน
บนเกาะโขดจารวีกำลังทำกับข้าวอย่างง่าย ๆ สำหรับมื้อค่ำ ฝนหยุดตกแล้วท้องฟ้ากลับมืดมิด ได้ยินเสียงแค่เสียงคลื่นลมทะเลด้านนอก ทัพพ์ใช้ไฟฉายอันหนึ่งออกไปสำรวจดูความเรียบร้อยด้านนอก สักพักใหญ่ ๆ เขาก็กลับขึ้นบ้านมาในสภาพเหงื่อท่วมตัว
“กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกเขาหลังตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว
“ผมขออาบน้ำก่อนเหนียวตัวไปหมด” เขาบอกแล้วเดินเข้าห้องนอนไป นั่นทำให้จารวีรู้ว่าห้องอาบน้ำอยู่ในห้องนอนจริง ๆ หญิงสาวมองหาจุดที่เธอสามารถนอนในบ้านของเขาได้ ด้านนอกนี่แทบไม่มีตรงไหนให้เธอนอนได้ ขืนนอนยุงได้รุมหามเธอทั้งคืนแน่ หญิงสาวปรายตามองห้องนอนของเขาอย่างหนักใจ
ใช้เวลาไม่นานนักทัพพ์ก็ออกมาในชุดนอนที่มีแค่กางเกงตัวเดียว ด้านบนเปลือยอกเหมือนเดิม จารวีลอบถอนหายใจเบา ๆ ขนาดมีเธออยู่ด้วยเขายังไม่ยอมใส่เสื้อ
“นี่มันชีวิตปกติของผมนะคุณ ผมใส่ของผมแบบนี้ทุกวันอยู่แล้ว” เหมือนเขาจะล่วงรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่
“ก็วันนี้ฉันอยู่ด้วยนี่คะ ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อให้เรียบร้อย” จารวีค้อนเขาเล็กน้อย
“ร้อนจะตาย”
“ไม่มีแอร์เหรอคะในห้องนอน” จารวีนึกสงสัยขึ้นมา
“ไม่มีหรอกที่นี่บริการแบบธรรมชาติ ตอนนี้มีแค่พัดลมกับมุ้งกันยุงเท่านั้น เราต้องประหยัดไฟฟ้าไว้ใช้ในส่วนที่จำเป็นจริง ๆ ว่าแต่กับข้าวคุณทำกินได้ไหมเนี่ย” คนพูดเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว กวาดตามองกับข้าวอย่างสองอย่างบนโต๊ะอย่างสนใจ
“คุณมีแค่ไข่ไก่กับของแห้งนิดหน่อย ฉันเลยทำได้แค่นี้แหละค่ะ” จารวีเลือกไข่ไก่มาเจียวกับทอดปลาแห้งที่เขามีอยู่ในครัว
“ก็โอเค” เขาเอ่ยขึ้นหลังตักข้าวใส่ปากคำแรก รู้สึกพอใจกับรสชาติกลาง ๆ ที่หญิงสาวทำ
“ทำไมตู้เย็นของคุณถึงมีแค่น้ำกับไข่ละคะ” จารวีนึกสงสัยถึงได้ถามออกไป
“ปกติผมสั่งอาหารจากครัวกินอยู่แล้ว”
“อ้อ” จารวีเข้าใจในทันที
“ผมสงสัยอยู่อย่างนะคุณ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ทำไมพี่สาวคุณถึงเลือกไอ้ชยินแทนผม” ความรู้สึกค้างคาในใจทำให้ทัพพ์อยากถามตรง ๆ แต่คนได้ยินกลับทำหน้าเหวอส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขา
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงละคะ คุณก็ไปถามพี่สาวฉันเองสิ”
“อย่ามายอกย้อนผมนะ คุณเป็นน้องสาวคุณต้องรู้เห็นเป็นใจกันอยู่แล้ว มันต้องมีเหตุผลสิว่าทำไมถึงทิ้งผมไปเอาไอ้ชยินมัน” ยิ่งพูดถึงทัพพ์ก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจ
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอกค่ะ” จารวีก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวต่ออย่างเงียบ ๆ
“หึ ปิดบังกันเข้าไป คงเป็นกันทั้งบ้าน” ทัพพ์พูดแบะปากใส่หญิงสาว
“เป็นอะไรไม่ทราบ” จารวีเลิกขึ้นสูงมองเขาอย่างข้องใจ แต่คนตรงหน้ากลับยักไหล่ขึ้นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้
“หรือว่าไอ้ชยินมันรวยกว่าเลยกล้าหักหน้าผม” เขาพาลนึกไปถึงเรื่องนี้ หากเปรียบเทียบด้านทรัพย์สินกันแล้ว ต้องยอมรับว่าชยินมีมากกว่าเขาแน่นอน
“เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่ดาวจะชอบคุณชยินมากกว่าคุณ ฉันว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ”
“แล้วมารับปากเรื่องแต่งงานกับผมทำไม อ้อ ไม่พ้นเรื่องเงิน” พูดแล้วก็จ้องคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ แต่จารวีกลับส่ายหน้าเหมือนไม่อยากคุยต่อ
“ทำไมไม่เถียงละ เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม เรื่องเงินเรื่องทองทั้งนั้นแหละ ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกับผมแม่คุณยังกล้าเอาเงินสินสอดไปใช้”
“ฉันอิ่มแล้ว” จารวีโพล่งขึ้นอย่างเหลืออด หญิงสาวยกจานข้าวที่เพิ่งกินไปได้แค่ครึ่งเข้าไปล้างในครัว ขณะที่ทัพพ์กินต่อไปจนหมดจานถึงเอาเข้าไปล้างบ้าง เป็นอันยุติบทสนทนาอันแสนอึดอัดใจนี้ลง