หลังจากที่เห็นเลือดไหลออกจากจมูกเจ้านาย ไออุ่นก็รีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความตกใจจนลืมไปเลยว่าตนเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ทำให้เต้าอวบ ๆ ทั้งสองลูกกับจุดสงวนปรากฏแก่สายตาของภาคินชัดเจนกว่าเดิม
“ท่านประธานเลือดออก”
“เลือดออก? เฮ้ย เลือด!”
“ทำยังไงดีคะ เลือดออกไม่หยุดเลย”
“ไปใส่เสื้อ”
“อะไรคะ ไปใส่เสื้อ?”
“คุณนั่นแหละไปใส่เสื้อก่อน”
“ใส่เสื้อ? ใครต้องใส่เสื้อ”
“คุณน่ะสิ จะใครอีกกกกก”
ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วชี้ไปที่ตัวของหญิงสาว ไออุ่นก้มลงมองตามที่ภาคินชี้จึงเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าตามที่เขาบอกจริง ๆ เธอร้องเสียงหลง ก่อนจะวิ่งไปคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวด้วยความเขินอาย ส่วนเจ้านายหนุ่มก็เดินออกไปนั่งบนโซฟาแล้วเริ่มปฐมพยาบาลตนเอง
“เป็นยังไงบ้างคะ เลือดหยุดไหลหรือยัง”
หญิงสาวรีบก้าวเท้าไปหาชายหนุ่มอย่างเร็วหลังจากที่ห่อหุ้มร่างกายเรียบร้อยเพราะเป็นห่วงเขา โดยไม่ได้สนใจเลยว่าตนเองกำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว
“หยุดแล้ว อ้าว ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าดี ๆ เฮ้อ ผู้หญิงอะไรเนี่ย ไม่ระวังตัวเลยสักนิด”
“ก็ดิฉันเป็นห่วงท่านประธานนี่คะ เลยรีบไปหน่อย”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก แค่นี้เอง เป็นห่วงตัวเองเถอะ”
“ทำไมคะ ดิฉันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ทำไมต้องเป็นห่วง”
เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ
“การที่คุณอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว มันปลอดภัยตรงไหนไม่ทราบ” เขาพยายามระงับอารมณ์โกรธที่เริ่มปะทุเพราะคนข้างกายทำหน้าไร้เดียงสาราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ดิฉันไม่กลัวหรอก เพราะท่านประธานบอกว่าดิฉันไม่ใช่สเปค แล้วจะกลัวทำไม”
“ผู้หญิงบ้า ตอนนั้นกับตอนนี้มันเหมือนกันที่ไหนเล่า”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่อยากให้เธอได้ยิน
“ท่านประธานพูดอะไรนะคะ ดิฉันไม่ค่อยได้ยินค่ะ” ไออุ่นเห็นภาคินพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่เธอไม่ได้ยินจึงถามเขา
“ไปใส่เสื้อผ้า ลืมเรื่องบ้านของคุณแล้วเหรอ”
“ใช่ ลืมเลย”
คิดได้แบบนั้น หญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน โดยมีสายตาของภาคินมองตามด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ถ้าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ ป่านนี้ไออุ่นโดนจับกดไปนานแล้ว หญิงสาวหน้าตาไม่ได้แย่ หุ่นก็ใช้ได้ อวบอัดไปทุกสัดส่วน ปากก็หวานอย่าบอกใคร มีหรือผู้ชายคนอื่นจะปล่อยให้เธอรอด
ไออุ่นเดินเข้าไปในห้องนอนได้ไม่กี่นาทีก็วิ่งออกมาพร้อมกับผ้าอุ่น ๆ เพื่อเอามาให้เขาเช็ดบริเวณจมูกที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่นิดหน่อย
“ท่านประธานคะ เอาผ้านี้เช็ดจมูกค่ะ”
“นี่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีกเหรอ”
“เช็ดจมูกก่อนแล้วดิฉันจะไปใส่เสื้อผ้า มาค่ะ ดิฉันทำให้เอง”
“เฮ้ยยยย ไม่ต้อง ผมทำเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันอยากช่วย”
ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่บนโซฟา หน้าห้องพักของภาคินก็มีเหล่าพี่น้องและพ่อแม่ยืนออกันอยู่พร้อมกับแผนการเซอร์ไพรส์ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดของลูกชายคนโต
“เอาเลยไหมคะคุณพ่อคุณแม่ หนูดาวอยากเห็นหน้าพี่คินตอนที่เห็นพวกเรามาเซอร์ไพรส์แล้ว”
“เอาเลยนะครับคุณพ่อคุณแม่ ผมก็อยากเห็นหน้าพี่คินเหมือนกัน”
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงคะทุกคน หนูเดือนว่าเราเคาะประตูเรียกดีไหม”
“ผมมีคีย์การ์ดครับ พร้อมไหมทุกคน”
“พร้อม”
สี่คนพ่อแม่ลูกประสานเสียงกัน จากนั้นภาวินก็เสียบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที กลิ่นดาว กลิ่นเดือน คิมหันต์ และกลิ่นจันทร์เดินตามลูกคนเล็กเข้ามาในห้องของภาคินพร้อมกับพูดว่า แฮปปี้เบิร์ธเดย์
“ว้ายยยยย/เฮ้ยยยยยย”
สองหนุ่มสาวที่กำลังอยู่ในท่าล่อแหลมร้องด้วยความตกใจก่อนเด้งตัวออกจากกันอัตโนมัติ แต่คนที่มีสติมากกว่าคือภาคิน เขาดึงตัวไออุ่นเข้ามาหลบข้างหลังเพื่อไม่ให้พ่อกับน้องชายเห็นรูปร่างของเธอเพราะยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด
“ทำอะไรกัน!” กลิ่นจันทร์ถามลูกชายเสียงเครียด
“ผมขอเวลาสักครู่แล้วจะออกมาอธิบายนะครับคุณแม่”
จากนั้นภาคินก็หันหลังรีบอุ้มไออุ่นขึ้นมาแนบอกแล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของพ่อแม่ น้องชาย และน้องสาวมองตามไปด้วยความสงสัย
เมื่อเข้ามาในห้องนอนเรียบร้อย ภาคินก็ปล่อยไออุ่นให้ยืนเองจากนั้นก็สั่งให้เธอรีบไปแต่งตัวเพราะต้องออกไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจโดยเร็ว
“ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เร็ว ๆ ด้วย”
“ค่ะ แต่ทำไมท่านประธานต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น เอ่อ...แล้วพวกเขาเป็นใครกันเหรอคะ”
“ไม่ต้องมาถาม สั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะ”
“ก็ดิฉันอยากรู้นี่”
“คนที่อยู่ข้างนอกนั้นคือครอบครัวของผม แล้วที่ผมทำหน้าเครียดเพราะคุณแม่เคยบอกว่าถ้าท่านเห็นผมกับผู้หญิงคนไหนสองต่อสอง ท่านจะบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แล้วตอนนี้ผมก็อยู่กับคุณ”
“แต่เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ท่านคงไม่ทำตามที่พูดหรอกมั้งคะ”
“คุณยังไม่รู้จักแม่ผม เอาเป็นว่าไปแต่งตัวซะ แล้วค่อยออกไปคุยกับพวกเขาพร้อมกันกับผม เฮ้อ เป็นเรื่องจนได้”
ไออุ่นเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของภาคินก็ไม่อยากขัดใจจึงยอมเดินไปแต่งตัวตามที่เขาบอก โดยเลือกเสื้อและกางเกงของชายหนุ่มมาใส่เพราะเสื้อของเธอที่ใส่มาเมื่อวานมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่สามารถใส่ซ้ำได้จริง ๆ
พอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินกลับมาหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเดิม จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไปข้างนอกทันที เพราะไม่อยากให้คนที่นั่งรออยู่บนโซฟาในห้องรับแขกเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“แม่ต้องการคำอธิบาย”
ผู้เป็นมารดาพูดเสียงเครียดพลางจ้องลูกชายเขม็ง ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน จ้องหน้าพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้เป็นตาเดียว ไออุ่นเห็นบรรยากาศอึมครึมจึงขยับเข้าไปใกล้ภาคินมากขึ้นเพื่อรับความอบอุ่นจากตัวเขา
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...”
เขาเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ให้ทุกคนฟังโดยละเอียด แต่ข้ามเรื่องตอนเช้าที่เขาเห็นเธอเปลือยทั้งตัวไปเพราะกลัวพวกเขาจะตกใจมากกว่าเดิม
“จะให้แม่เชื่อคินเหรอ แม่บอกเลยว่าแม่เชื่อไม่ลง”
“อ้าว แต่คุณแม่ครับ เราสองคนไม่มีอะไรจริง ๆ นะครับ”
“ไม่รู้ล่ะ การที่ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองในห้องมันจะคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง แล้วภาพที่แม่เห็นเมื่อกี้ก็เป็นคำตอบอย่างดีว่าลูกทำอะไร”
“เอ่อ... คุณท่านคะ คือดิฉันกับท่านประธาน เราไม่มีอะไรกันจริง ๆ นะคะ”
“หนูไม่ต้องแก้ตัวแทนลูกชายแม่หรอกจ้ะ แม่กับพ่อผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีจนกลายเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะพ่อเขาที่ตามใจลูกเกินไป”กลิ่นจันทร์มองค้อนสามีไปหนึ่งที แถมยังแทนตัวเองว่าแม่
“อ้าว โกรธลูกแล้วมาลงที่พี่ทำไมครับที่รัก”
“ไม่รู้ล่ะ ลูกชายพี่ก่อเรื่องขนาดนี้ พี่ต้องจัดการให้กลิ่น ไม่อย่างนั้นกลิ่นจะงอน จะไม่ทำกับข้าว ไม่ยอมให้นอนกอด คอยดูสิ เชอะ” คุณแม่ยังสวยสะบัดหน้าหนี
“โธ่ กลิ่นจ๋า อย่าพูดแบบนั้นสิ”
“...”
กลิ่นจันทร์ยังทำหน้าบึ้ง งอนสามีกับลูก ทำให้คิมหันต์ผู้รักเมียมากนั่งไม่ติด ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ภรรยาแสนสวยหายโกรธและไม่ลงโทษตนเองตามที่บอก
“พ่อขอสั่งให้ลูกรับผิดชอบหนูไออุ่นด้วยการแต่งงาน”
“แต่งงาน!/แต่งงาน!”
ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคิมหันต์จะตัดสินใจให้แต่งงาน ต่างจากกลิ่นจันทร์ เมื่อได้ยินวิธีแก้ปัญหาของสามีก็ยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เพราะมันเป็นวิธีที่จะทำให้เธอมีหลานเร็ว ๆอีกอย่าง ลูกชายตัวดีของเธอจะได้เลิกทำตัวเป็นพ่อปลาไหลควงคนนั้นคนนี้ไปทั่วเสียที