“ไม่! ผมไม่แต่ง”
ภาคินค้านหัวชนฝาไม่ยอมทำตามคำสั่งของบิดา เขากับเธอไม่ได้มีอะไรกันเลย จะให้แต่งงานได้ยังไง อีกอย่าง เขายังไม่อยากมีครอบครัว ยังอยากใช้ชีวิตแบบโสด ๆ ไม่ต้องมีพันธะใด ๆ จะไปไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้
“ไม่ได้! ยังไงก็ต้องแต่ง” คุณพ่อสุดหล่อได้ยินแบบนั้นก็เครียดขึ้นมาทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงได้ปฏิเสธเสียงแข็งทั้ง ๆ ที่ตนเองทำผิด
“คุณพ่อครับ ผมไม่อยากได้เมียหน้าตาแบบนี้”
“ท่านประธาน” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย มองคนปากเสียด้วยสายตาผิดหวัง ถึงเธอจะมีหน้าไม่สะสวย หุ่นไม่ได้บอบบางเหมือนคู่ควงของเขาแต่ภาคินก็ไม่ควรพูดจาดูถูกเธอแบบนี้
“ภาคิน!” กลิ่นจันทร์เรียกชื่อลูกชายเสียงดังด้วยความไม่พอใจเธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินประโยคดูถูกผู้หญิงแบบนี้จากปากของภาคิน
“ทำไมพี่คินพูดแบบนี้คะ หนูเดือนไม่เห็นว่าน้องอุ่นจะหน้าตาแย่ตรงไหน ออกจะสวยด้วยซ้ำ ดูสิ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวพรรณก็ดี จริงไหมหนูดาว”
“จริง! พี่คินพูดแบบนี้เท่ากับดูถูกนะคะ” สองแฝดไม่พอใจคำพูดของพี่ชายเอามาก ๆ ที่กล้ามาว่าไออุ่น
ทางด้านภาคินเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังไม่พอใจกับคำพูดของเขาก็ตวัดสายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งหน้าบึ้งข้าง ๆ มารดาด้วยความขุ่นเคือง เพราะเธอเป็นต้นเหตุทำให้เขาถูกคนในครอบครัวตำหนิ
“ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณแม่!”
“ขอโทษน้อง เดี๋ยวนี้”
“เอ่อ... คุณท่านคะ ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เล็กน้อย”
“ไม่ได้หรอกจ้ะหนูอุ่น สุภาพบุรุษเขาไม่พูดดูถูกผู้หญิงหรอก อ้อแล้วไม่ต้องเรียกแม่ว่าคุณท่านด้วย เรียกแม่เถอะจ้ะ”
กลิ่นจันทร์สงสารว่าที่ลูกสะใภ้จับใจ จึงจับมือของไออุ่นมากุมเพื่อให้เธอรู้ว่าตนเองไม่ได้เข้าข้างลูกชาย ทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเพราะขาดแม่มานาน พอได้รับความอบอุ่นจากกลิ่นจันทร์น้ำตาก็ซึมอย่างไม่รู้ตัว
“ขอบคุณมากค่ะคุณแม่ที่เมตตาอุ่น”
“ไม่ต้องร้องไห้ลูก ยังไงเรื่องนี้แม่เข้าข้างหนูอุ่น”
“แต่คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ทำไมต้องแต่งงานด้วย”
“ฮึก ๆ พี่คิมดูลูกชายคนโตของพี่สิ กลิ่นเสียใจ”
คนเจ้าน้ำตาเมื่อเห็นว่าลูกชายตัวดีไม่ยอมง่าย ๆ จึงเริ่มแผนการเรียกร้องความสนใจจากสามีและลูก ๆ เธอรู้ดีว่าถ้าใช้วิธีนี้ ทั้งลูกและสามีต้องยอมทำตามความต้องการของเธอทุกอย่างแน่ ยังไงลูกสะใภ้คนโตของตระกูลกุลกานนต์ต้องเป็นไออุ่นเท่านั้น
“ไม่ต้องร้องครับที่รัก เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง เจ้าคิน ขอโทษน้องซะ แล้วก็ตกลงแต่งงานด้วย ถ้าไม่อยากให้แม่แกเสียใจไปมากกว่านี้”
“คุณแม่ไม่ต้องร้องนะครับ ถ้าพี่คินไม่ยอมแต่งงานเดี๋ยวผมแต่งเอง ผมยังโสด”
ภาวินเห็นมารดาขยิบตาให้ตนเองจึงเดินไปนั่งบนพื้นแล้วจับมือของคุณแม่ขึ้นมาซบที่แก้มแสร้งเล่นละครตาม เขาทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จราวกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ เมื่อแอบมองปฏิกิริยาของพี่ชายแล้วเห็นภาคินเริ่มทำหน้าไม่ถูกก็สะกิดตัวพี่สาวสองคนเบา ๆ ให้ช่วยด้วย
“เราสองคนเห็นด้วยกับเจ้าวินค่ะ ยังไงก็ต้องรับผิดชอบ ฝ่ายหญิงจะเสียหายแค่ไหนถ้ามีคนรู้ จริงไหมหนูเดือน”
“ใช่ พี่ต้องขอโทษน้องอุ่นด้วยนะจ๊ะที่มีพี่ชายนิสัยแย่ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“ทุกคนคะ คือ... อุ่นขอขอบคุณทุกคนมากที่ไม่รังเกียจอุ่น แต่อุ่นกับท่านประธานไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานหรอกค่ะ อุ่นเป็นคนไม่มีชื่อเสียง ไม่จำเป็นต้องแคร์ ใครจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา อุ่นรับได้ค่ะ”
“แต่แม่รับไม่ได้ ฮือ ๆ แม่ผิดเองที่เลี้ยงเขาไม่ได้เรื่อง เลี้ยงแบบตามใจ ทำให้เขาเป็นผู้ชายนิสัยเสีย ปากร้าย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”
“คุณแม่อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ อุ่นเข้าใจ คนสันดานแย่ไม่ได้อยู่ที่พ่อแม่หรอกค่ะ มันอยู่ที่ตัวบุคคล”
“โธ่ หนูอุ่น ๆใจหนูประเสริฐมากลูก”
กลิ่นจันทร์เอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้มาก จึงดึงตัวไออุ่นเข้ามากอดแล้วร้องไห้เสียงดังเพื่อกดดันลูกชาย เธอเชื่อว่าภาคินต้องตอบตกลงแต่งงานเพราะเขารักพ่อแม่มาก ไม่มีวันทำให้พ่อกับแม่เสียใจแน่นอน ดูจากสีหน้าและแววตาก็รู้ว่าเขากำลังสับสน
ทางด้านภาคิน เขายืนมองภาพตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจเมื่อโดนบิดา มารดา น้องชาย น้องสาว และไออุ่นมองว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ เขาถอนหายใจไปหลายรอบ พยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เห็นหนทาง ยิ่งมารดาต้องมาเสียน้ำตาให้กับคำพูดและการกระทำของตนเองก็ยิ่งรู้สึกแย่ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เพราะสงสารมารดาของชายหนุ่ม ไออุ่นจึงไม่ปฏิเสธเรื่องแต่งงานอีก เธอเป็นคนไม่มีครอบครัว ถ้าได้แต่งงานกับภาคินก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยพ่อแม่พี่น้องของเขาก็เป็นคนดี เธอจะได้มีครอบครัวเหมือนกับคนอื่นเขาบ้างความคิดด้านลบเด้งเข้ามาในหัวของไออุ่นในระหว่างที่กำลังกอดกับกลิ่นจันทร์หญิงสาวเริ่มสับสน ใจหนึ่งก็อยากแต่งงาน อีกใจก็ไม่อยากแต่งงาน
“เฮ้อ พ่อก็ต้องขอโทษหนูอุ่นเหมือนกันนะลูก”
“พวกเราด้วยครับ/ค่ะ”
“พอแล้วทุกคน ผมยอมแพ้”
ภาคินเห็นพ่อแม่พี่น้องเข้าไปกอดปลอบหญิงสาวแล้วพูดขอโทษแทนเขาทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ผิดก็ยอมยกธงขาว บอกตรง ๆ ว่าเขาทนไม่ได้จริง ๆ ที่เห็นคนในครอบครัวต้องมาเสียใจเพราะการกระทำของตน ดังนั้นจึงยอมที่จะทำตามความต้องการของมารดา
“ลูกหมายความว่ายังไงจ๊ะคิน”
“ผมขอคุยกับไออุ่นสองคนก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินเข้าไปหาไออุ่น จากนั้นก็ดึงแขนเธออย่างไม่เบานัก แล้วลากเข้าไปในห้องนอนเพื่อตกลงอะไรบางอย่างท่ามกลางความสงสัยของคนในครอบครัว เหตุใดภาคินจึงต้องการคุยกับไออุ่นแค่สองคน หรือว่าเขามีแผนอะไร
เมื่อประตูห้องนอนปิดลง ภาคินก็ดึงมือของตนออกจากแขนของเธอแล้วก้าวเท้าฉับ ๆ มายืนอยู่กลางห้อง มองคนที่กำลังเดินตามหลังมาช้า ๆด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาดัง ๆ
“นั่งลง ผมมีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“ค่ะ ท่านประธาน”
“เอาล่ะ ฟังดี ๆ ข้อแรก ผมจะแต่งงานกับคุณ แต่... เราจะไม่จัดงานแต่งงาน”
“หมายความว่ายังไง ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“ก็หมายความว่าผมจะยอมจดทะเบียนสมรสกับคุณ แต่จะไม่ยอมจัดงานแต่งประกาศให้โลกรู้แน่นอน”
“อืม เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจก็ดี ข้อสอง ภรรยาของผมต้องไม่ทำตัวให้เสียชื่อเสียง ข้อสาม ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม ข้อสี่ คุณต้องย้ายไปอยู่กับผมที่คอนโดในกรุงเทพ อืมมมม ยังมีอีกหลายข้อนะ แต่วันนี้เอาแค่นี้ก่อน”
ข้อตกลงที่ชายหนุ่มพูดมาไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญเกินกว่าจะทำตามเพราะเธอทำได้อยู่แล้ว แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ข้องใจคือ ถ้าแต่งงานแล้วต้องย้ายไปอยู่กับเขาที่คอนโดในกรุงเทพ แสดงว่าเธอจะต้องจากบ้านจากเพื่อนน่ะสิ
ถ้าเป็นแบบนั้นเธอควรตกลงแต่งงานกับเขาไหม แต่พอคิดถึงใบหน้าพ่อแม่พี่น้องของภาคิน เธอกลับปฏิเสธการแต่งงานไม่ลง สุดท้ายความเห็นแก่ตัวก็นำพาให้เธอตอบตกลงชายหนุ่ม
“โอเคค่ะ ดิฉันจะทำตามข้อตกลงของท่านประธาน แต่ท่านประธานต้องไม่ห้ามดิฉันกลับมาเยี่ยมคนที่นี่ ดิฉันจะมาตอนไหนก็ได้ และห้ามออกคำสั่งโดยไร้เหตุผล แล้วก็เอ่อ... แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร พูดมาสิ”
“เอ่อ... ห้ามมีอะไรกับดิฉัน”
“หึ ๆ ข้อนี้ผมทำไม่ได้ คนเป็นผัวเมียกัน เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องปกติ ผมเป็นผู้ชายมีความต้องการ หรือคุณจะให้ผมไปนอนกับคนอื่น”
“เฮ้อ ไม่มีทางเลือกสินะ” เธอคิดตามเขาแล้วรู้สึกว่าตนคงรับไม่ได้แน่ถ้าสามีไปนอนกับผู้หญิงอื่น
“ใช่ เตรียมตัวเตรียมใจก็แล้วกัน ผมเอาคุณแน่ ไปเถอะ ทุกคนรอฟังคำตอบอยู่ ส่วนเรื่องหน้าตาของคุณที่ผมพูดก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้ตั้งใจ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะ”
เขาพูดแบบเขิน ๆ ทำให้คนฟังหัวใจพองโต พยักหน้ารับคำขอโทษของชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ จากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปหาคนที่รออยู่เพื่อแจ้งพวกเขา
“พวกเราสองคนตกลงจะแต่งงานกันครับ”
“จริงเหรอคิน จริงเหรอหนูอุ่น”
“ครับ/ค่ะ คุณแม่”
“ว้าว แม่ดีใจมากเลยลูก เราจะจัดงานแต่งกันวันไหนดี”
“เราสองคนจะไม่จัดงานแต่งครับ แค่จดทะเบียนก็พอ”
“ทำไมล่ะ ตาคิน หนูอุ่น”
“คือเราสองคนไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องนี้ค่ะ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ แล้วต้องหย่าจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
“ถ้าลูกสองคนตัดสินใจแบบนี้แม่ก็ตามใจลูกจ้ะ” กลิ่นจันทร์ยิ้มหน้าบาน ยอมทำตามที่ลูกชายและลูกสะใภ้ต้องการ แค่พวกเขาสองคนตกลงจะแต่งงานกันเธอก็ดีใจมากแล้ว เธอไม่อยากจะบังคับไปกว่านี้ เดี๋ยวเจ้าลูกชายตัวแสบจะเปลี่ยนใจ ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอเชื่อว่าต้องเกิดขึ้นแน่ แต่อาจจะเกิดตอนที่มีหลานมาให้อุ้มแล้วสักสองสามคน
“หมดเรื่องแล้วใช่ไหม พ่อว่าเราไปกินข้าวที่ร้านประจำดีกว่าฉลองวันเกิดเจ้าคินและฉลองต้อนรับลูกสะใภ้ด้วย ทุกคนว่าไง”
“ไปครับ/ไปค่ะ”
“ไม่ไปค่ะ คือ... อุ่นไม่มีชุดใส่”
“โธ่ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรื่องแต่งตัว แต่งหน้า ทำผมไว้ใจพวกเราเถอะจ้ะ น้องอุ่น” กลิ่นเดือนยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์พลางขยิบตาให้มารดาเป็นเชิงรู้กัน
“งั้นคุณพ่อ คุณแม่ พี่คินกับตาวินไปรอที่ร้านได้เลยนะคะ เดี๋ยวเราสองคนขอแปลงโฉมพี่สะใภ้แป๊บเดียว แล้วจะรีบตามไป” กลิ่นดาวเอ่ย
หลังจากนั้นสองแฝดก็พาตัวพี่สะใภ้ที่มีอายุน้อยกว่าตนเองไปที่ห้องพักเพื่อแปลงโฉมหญิงสาว เปลี่ยนจากนางซินก้นครัวกลายเป็นเจ้าหญิงแสนสวยเพื่อให้พี่ชายตกตะลึง พวกเธอเชื่อว่าไออุ่นเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง แต่งนิดแต่งหน่อยต้องออกมาสวยไม่แพ้ใครแน่