หลังจากเปิดตัวโรงแรมในฐานะผู้บริหารใหม่เรียบร้อย สองหนุ่มสุดหล่อขวัญใจสาว ๆ ก็เดินลงมาจากเวทีแล้วเข้าไปทักทายแขกที่มางาน รวมทั้งบรรดานักข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ ที่ถูกเชิญมาอย่างเป็นกันเอง
“แกดูสิ ท่านประธานกับน้องชายหล่อมากเลย หล่อยิ่งกว่าพระเอกบางคนอีก”
ส้มโอเขย่าแขนไออุ่นเพื่อให้มองไปยังภาคินและภาวิน คืนนี้พวกเขาแต่งตัวเนี้ยบมาก ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เห็นแล้วแก อย่าทำตื่นเต้นไปสิ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอาได้”
“อืม ๆ ฉันจะพยายาม”
สองสาวคุยกันเพียงครู่เดียวก็ถูกหัวหน้างานสั่งให้ไปทำหน้าที่ของตนเอง ไออุ่นและส้มโอจึงนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟตามโต๊ะต่าง ๆ จนมาถึงโต๊ะของท่านประธานสุดหล่อที่นั่งคุยกับผู้หญิงสวยคนหนึ่งอย่างสนิทสนม ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย
ไออุ่นเห็นแบบนั้นก็เกิดอาการจี๊ดในใจ อิจฉาผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ขอบใจ” ภาคินหันมาบอกไออุ่นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับแล้วเดินไปเสิร์ฟน้ำที่โต๊ะอื่น แต่เธอยังก้าวขาไปไม่ถึงไหนก็ได้ยินประโยคน่าหมั่นไส้ของผู้หญิงคนนั้น
“คุณคินขา คืนนี้ริต้าว่างนะคะ ถ้าคุณคินอยาก… ริต้าพร้อม”
“ผมไม่ว่าง คืนนี้ผมมีธุระ”
คำตอบของเขาทำเอาไออุ่นยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก ตอนแรกเธอคิดว่าชายหนุ่มต้องตอบรับคำชวนของผู้หญิงคนนี้แน่แต่เขาไม่ทำ กลับปฏิเสธเสียนี่ ถ้าเธอไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป แสดงว่าเขาไม่ลืมนัดที่ให้ไว้ใช่ไหม หญิงสาวคิด
จากนั้นเธอก็เดินไปทำหน้าที่ของตนอย่างมีความสุข โดยมีสายตาของท่านประธานหนุ่มมองอยู่ตลอดเวลา เขาเห็นเธอตั้งแต่เริ่มงานและยังแอบมองเป็นระยะ ๆ เมื่อไออุ่นเอาน้ำมาเสิร์ฟก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่ลับหลังเธอชายหนุ่มกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม
ภาคินไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมตั้งแต่ที่เจอหน้ากัน เขาถึงละสายตาจากพนักงานคนนี้ไม่ได้เสียที
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา ต่างคนก็ต่างแยกย้าย ภาคินกลับเข้ามาในห้องพักของตนเอง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของไออุ่นดังจึงเดินเข้าไปดู เห็นเบอร์นี้โทรมาหลายสาย จึงถือวิสาสะกดรับเพราะกลัวว่าคนที่โทรมาจะเป็นครอบครัวของหญิงสาว
“นังอุ่น นังบ้า กว่าจะรับโทรศัพท์ได้ หน็อย ไม่ยอมรับสายกูทั้งวันเลยนะมึง กูต้องการเงิน ถ้ามึงไม่โอนให้กูตอนนี้ กูจะเอาบ้านกับที่ดินไปขาย อีอุ่น ได้ยินกูไหม”
เสียงด่าทอของวาสนา แม่เลี้ยงของไออุ่นดังไม่หยุด หลังจากที่กระหน่ำโทรมาหาลูกเลี้ยงเพราะต้องการเงินไปเข้าบ่อน แต่หญิงสาวกลับไม่รับสายจึงโมโหแบบนี้
“ได้ยินครับ”
“มึงเป็นใคร มารับโทรศัพท์นังอุ่นมันได้ยังไง อ้อ ผัวมันสินะถึงว่า ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นหัว คงจะนอนกกผัวอยู่ล่ะสิ แหม อีนังนี่ร้ายจริง ๆ เห็นเงียบ ๆ แรดใช่ย่อย”
“คุณ คือผม...” ภาคินพยายามจะอธิบาย แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนแทรกขึ้นมาก่อน
“ฝากบอกมันด้วยนะ กูชื่อวาสนา เป็นแม่เลี้ยงมัน ต้องการเงินด่วนที่สุด ถ้ามันไม่โอนมาภายในคืนนี้ รับรองบ้านกับที่ดินได้ตกไปเป็นของคนอื่นแน่” วาสนาพูดจบก็วางสายใส่ภาคินทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ในขณะที่ชายหนุ่มยืนงงอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะ
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน ดิฉันมาเอาโทรศัพท์”
“เข้ามาในห้องก่อนสิ”
“แต่ เอ่อ... คือ กะ... ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธไม่ลงเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของท่านประธาน จึงได้แต่เดินตัวลีบเข้าไปในห้องของเขาซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะต้องเข้ามาทำความสะอาดเป็นประจำ
จากนั้นเจ้าของห้องก็เชิญหญิงสาวไปนั่งบนโซฟาแล้วเริ่มพูดในสิ่งที่ตนเองได้ยินพร้อมกับคืนโทรศัพท์ให้เธอ
“ขอบคุณท่านประธานมาก ๆ เลยค่ะที่เก็บโทรศัพท์ให้ ถ้าหายดิฉันแย่แน่”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้สบายมาก แล้วนี่คุณจะกลับยังไง”
“ดิฉันเดินกลับค่ะ บ้านดิฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่”
“งั้นผมไปส่งคุณก็แล้วกัน”
“มะ... ไม่ต้องค่ะ คือ ดิฉันเดินกลับเองได้จริง ๆ สบายมาก”
“ไม่ได้ คุณดูสิ ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะกลับคนเดียวได้ยังไง อันตราย” ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเถียง เสียงมือถือของไออุ่นก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เธอเห็นเบอร์โทรแล้วก็ถอนใจหายด้วยความเบื่อหน่าย แทนที่จะรับสายกลับกดตัดสาย ทำให้อีกฝั่งเดือดจัด
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“ผมไปส่ง อย่าขัดคำสั่ง” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินไปเปิดประตูห้องแล้วดันไออุ่นออกไป จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน ซึ่งในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ไม่มีใครพูดอะไรสักคำเพราะหญิงสาวกำลังคิดเรื่องที่บ้านไม่ตก ส่วนภาคินก็งงกับตนเองว่าทำไมต้องมาส่งเธอด้วย เขาพยายามหาเหตุผล แต่ก็ไม่มีคำตอบ
ทั้งสองคนเดินมาถึงบ้านของหญิงสาวโดยใช้เวลาไม่นานเพราะบ้านของไออุ่นอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก แต่ทางก็ค่อนข้างเปลี่ยวเหมือนกัน ภาคินจึงรู้สึกว่าตนเองคิดถูกแล้วที่มาส่งเธอ
“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง ท่านประธานเดินกลับถูกแน่นะคะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นมาไหว้เจ้านายหนุ่มพร้อมกับถามด้วยความห่วงใย กลัวเขาจะจำทางกลับโรงแรมไม่ถูก
“ได้สิ ไม่เห็นจะยากเลย”
เขาพูดแต่ไม่มองหน้าเธอ กลับมองเข้าไปในตัวบ้านแทน อยู่ ๆประตูบ้านก็เปิดออก ตามมาด้วยผู้หญิงสองคนที่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ พวกเธอก้าวเท้าฉับ ๆ เข้ามากระชากผมของไออุ่นอย่างแรงจนเธอเซล้มลง ชายหนุ่มจึงตกใจไม่น้อย เขาคิดจะเดินเข้าไปช่วย แต่ไออุ่นห้ามไว้ก่อน
“โอ๊ย น้าวาส มาทำฉันทำไมเนี่ย”
“ยังมีหน้าจะพูดอีกนะ กูให้มึงโอนเงินมาตั้งนานแล้วแต่มึงกลับไม่ทำ เพราะมัวแต่จู๋จี๋กับผัวใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะน้าวาส คือ...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ถ้ามึงไม่เอาเงินมาให้กูตอนนี้ กูจะเอาบ้านของพ่อมึงไปขาย”
“อย่านะน้าวาส บ้านหลังนี้เป็นของแม่ น้าไม่มีสิทธิ์”
“ทำไมกูจะไม่มี ในเมื่อพ่อมึงยกให้กู จริงไหมลูกแวว” วาสนาหันไปถามลูกสาวของตนเอง
“จริงจ้ะแม่ พ่อยกให้แม่ ไม่ได้ยกให้แก เพราะฉะนั้นพวกเราจะทำอะไรกับบ้านและที่ดินตรงนี้ก็ได้” แวววันจีบปากจีบคอตอบมารดาของตนอย่างน่าหมั่นไส้
สองแม่ลูกเห็นสีหน้าของไออุ่นก็ยิ้มด้วยความสะใจ วาสนาแต่งงานกับพ่อของไออุ่นหลังจากที่แม่ของเธอตายได้ไม่นาน
ในตอนนั้นบ้านของหญิงสาวยังพอมีเงินทอง แต่เมื่อพ่อตายไปกะทันหัน ทรัพย์สมบัติจึงตกไปเป็นของแม่เลี้ยงที่คอยแต่จะล้างผลาญ เอาไปเล่นพนันไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายเงินหมด เหลือแต่บ้านหลังนี้เท่านั้นเพราะไออุ่นขอเอาไว้
“ฉันไม่มีให้หรอกน้าวาส ฉันเอาไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านหมดแล้ว”
หญิงสาวลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วตอบกลับแม่เลี้ยงตามความเป็นจริง เธอได้เงินเดือนแค่ไม่กี่บาท ลำพังแค่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆภายในบ้านก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ไหนจะต้องให้สองแม่ลูกนี่อีก
“ได้ งั้นพรุ่งนี้มึงหาที่อยู่ใหม่ได้เลย กูจะขายบ้านหลังนี้”
“น้าวาส!” หญิงสาวเรียกแม่เลี้ยงด้วยความเจ็บใจ มองสองแม่ลูกเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วล็อกประตูโดยที่เธอยังไม่ได้เข้าไป
ภาคินยืนมองเหตุการณ์ต่าง ๆ เงียบ ๆ ด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะเดินเข้าไปจับมือของไออุ่น
“ท่านประธานจะทำอะไร จะพาดิฉันไปไหน”
“กลับโรงแรมน่ะสิ ถามได้ จะนอนตรงนี้หรือไง ยุงหามตายพอดี”
“แต่บ้านของดิฉัน...”
“เรื่องนั้นเอาไว้คิดอีกที เอาเรื่องนี้ก่อน ไป กลับ”
ภาคินรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นไออุ่นโดนรังแกแต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไง รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องพาเธอกลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นหญิงสาวต้องเป็นอันตรายแน่ จึงดึงมือของไออุ่นกลับไปตามทางเดิมที่เพิ่งเดินผ่านมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืนใด ๆ เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องเจอ