“นี่คุณ! คุณจะไปไหน นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนะ”
เหมือนไฟกำลังลนก้น ธาริณีมองซ้ายขวา เหมือนจะนึกขึ้นได้ เมื่อรถเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่แล้ววิ่งลิ่วตรงไปเรื่อย ๆ ไม่ถามหล่อนสักคำว่าต้องเลี้ยวซอกตรอกซอยตรงไหนบ้าง
“จอด ฉันจะลง!”
เธอสั่งเสียงแปร๋น ขยับตัวเตรียมลงหากอีกฝ่ายทำตามที่เธอบอก หากแต่ได้ความเงียบเป็นคำตอบ เธอจึงตวัดสายตามองคนที่ยังเงียบทั้งวาจาและการกระทำ พร้อมคำพูดที่เต็มไปด้วยความต้องการอีกครั้ง
“ฉันบอกให้จอดเดี๋ยวนี้นะ”
หล่อนหันมองหน้าเขาแล้วก็หันมองประตูรถ แต่ความเร็วของรถก็ไม่ได้ลดลงเลย
“ถ้าไม่หยุดฉันโดดจริง ๆ นะ”
เงียบ ! ธาริณีหันไปจะเปิดประตูตามที่หล่อนพูดจริง ๆ แต่ประตูเปิดไม่ออกเพราะมันเป็นเซ็นทัลล็อค ทำให้หล่อนเริ่มสั่นและกลัวจริง ๆ แล้วว่าบุคคลผู้นี้กำลังคิดจะทำอะไรของเขา
“คุณจะพาฉันไปไหน จอด จอด”
ใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นน้ำนิ่ง ยากจะหยั่งถึง ทำให้ก้นงอนงามขยับไปมา พร้อมเสียงจิจ๊ะดังออกมาอย่างขัดใจถึงขีดสุด ดั่งถูกของร้อนที่อีกฝ่ายราดใส่ตัวเธอ ความสงบนิ่งมันน่ากลัวกว่า... หล่อนคิดแบบนั้นจริง ๆ
และตอนนี้หล่อนไม่สนใจแล้วว่าเขาจะพูดหรือไม่พูด เพราะสิ่งที่หล่อนสนใจคือประตูรถ หญิงสาวพยายามที่จะปลอดล็อคประตู
แม้จะไม่อยากถามหรืออยากคุยด้วย ด้วยกลัวว่าจะกัดกันอีกรอบมือไม้สั่นเป็นพัลวัน ความเย็นของแอร์ ไม่อาจทำให้หัวใจร้อนรุ่มเพราะความกังวลเย็นลงได้ มันยิ่งกลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรง เมื่อระยะทางยิ่งไกลออกไป มือเรียบเล็กคว้าที่ปุ่มล็อคได้แต่ช้ากว่ามือหนาใหญ่ของเขาที่ตะปบทับลงมาอีกครั้ง
“อยากตกไปตายหรือไง” เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ย
“ตอบฉันมานะ ไม่อย่างนั้นฉันกระโดดรถจริงด้วย!”
“นั่งนิ่ง ๆ หากไม่ต้องการเป็นผีเฝ้าถนน” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ทั้งที่ยังไม่มองหน้าคู่สนทนา
“พูดได้แล้วหรือ งั้นจอดรถเดี๋ยวนี้ หากไม่จอดฉันยอมเป็นผีเฝ้าถนนดีกว่า...”
สิ้นคำพูด ชายหนุ่มหันมองใบหน้าหวาน มุมปากยิ้มน้อย ๆ
“ใจเย็นน่าจะพานั่งรถกินลมเล่นสักหน่อยทำตกอกตกใจไปได้...กลัวอะไร”
“ฉันไม่อยากจะนั่งรถกินลมตอนนี้ ...ฉันจะกลับบ้าน”
“บ้านมันจะหายไปไหนได้ มันก็ตั้งอยู่ที่เดิมนั่นแหละน่า...หัดเป็นคนปล่อยอารมณ์ซะบ้าง”
“ฉันไม่ปล่อยอารมณ์อะไรทั้งนั้น จอดได้แล้ว!”
ดูถูกความกล้าอีกฝ่าย แต่ใจหนึ่งก็หวั่น ๆ หากหล่อนกล้าทำจริงขึ้นมาแล้วเขาจะทำไง แต่คนอย่างอาชาไม่ชอบให้ใครมีความคิดเหนือกว่า... ยัยนี่ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง... คิดพร้อม เท้าเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
“ไม่จอดใช่ไหม...ฉันโดดลงก็ได้”
“เอ้า กระโดดเลยผมเพิ่มความเร็วให้แล้ว กะว่ากระโดดลงไปแล้ว ศพไม่สวยแน่นอน...อะ กระโดดสิ”
สีหน้าและน้ำเสียงหน้าระรื่นเอ่ยยุยง แต่คนที่ถูกแนะนำ นั่งหน้าตึงค้อนตาโตส่งให้ แค่จะเปิดประตูรถหล่อนก็ยังทำไม่ได้
“คนบ้า!...” เสียงแหลมตวาด
“อย่าท้าฉันนะ ฉันไม่ยอมไปไหนกับคนไม่รู้จักแน่” ว่าแล้วก็แอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ ส่งสายตาอาฆาตไปให้อีกครั้ง
โดยอีกฝ่ายไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงขยับของขอบประตูด้านข้างก็ดังขึ้น
“จะบ้าหรือไง”
อาชาใจหายวาบกับความกล้าของหล่อน แต่ก็ได้แค่เสียงเปิดเพราะเขาล๊อกทางด้านคนขับไว้ตั้งแต่ก้าวเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตคูเป้คันหรูของตัวเองแล้ว เขาจึงแค่ต่อว่าออกไปอย่างอดไม่ได้
“ว่าใคร”
ธาริณีสะดุ้งวาบ พร้อมถามอย่างหงุดหงิดกลบความรู้สึกและเสียงหัวใจที่เต้นแรงกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้ การเต้นของหัวใจยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ แม้จะรู้สึกโล่งที่เขาไม่ปล่อยให้เธอเปิดประตูออกไปได้ ก้มหน้าคิดทบทวนกับความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองแล้วอดใจหายไม่ได้ เธอทำไปได้ยังไง
“ว่าคุณ... แล้วเป็นไง ฉี่ราดใส่รถผมหรือยังล่ะ” คนหน้าตาดีเอ่ยถามหน้าตาย
“...” ‘คนบ้า’
คนใจกล้าถลึงตามอง แต่ภายในร้องด่าออกไปอย่างเหลืออด ความกลัวทำให้เธอ ก็แค่เกือบ...
“เล่นกับความเร็ว ศพไม่สวย... นะ จะ บอก ให้”
เขาเอ่ยซ้ำ ย้ำให้เข้าใจ เมื่อรับรู้ว่าคนใจกล้านั่งนิ่งแล้ว โดยสายตาเขายังไม่ทิ้งเส้นทางบนท้องถนน
ธาริณีกดใจไม่อยากเถียง เรื่องจริง! แม้จะไม่เกิดอะไรขึ้น หากผู้ชายที่เธอนั่งติดรถมาไม่รอบคอบ เธอไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากที่ตัดสินใจเปิดประตูไปแล้ว
เมื่อไม่รู้จะทำอย่าไร สาวสวยอย่างธาริณี จำใจต้องนั่งเงียบ ๆ ในใจได้แต่โกรธตัวเองที่รีบจนลืมกระเป๋า ทั้งเงิน ทั้งโทรศัพท์ และคงอยู่ในรถพี่ชาย เพราะเธอไว้ในเบาะหลังหากไม่ล้วงมือเข้าไป คงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในช่องเบาะด้านหลังเพราะกระเป๋าใบเล็กและแบน ยากที่ใครจะสังเกตเห็น...หล่อนอดที่จะย้อนนึกถึงตอนมาร่วมงานนี้กับรถพี่ชายไม่ได้
“จะให้พี่มารับเวลาไหนก็โทรมาบอกนะ”
อนาธิปถามน้องสาวเมื่อจอดรถคันหรูหน้าโรงแรม โดยที่เขาให้เหตุผลน้องสาวไว้ว่า แค่แวะมาส่ง ไม่คิดขึ้นไปร่วมงานแต่งครั้งนี้เพราะใกล้ถึงเวลานัดหุ้นส่วนคนสำคัญ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ณีอาจนอนค้างกับบี สักสองสามคืน เพราะหลังจากนี้ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”
เอ่ยบอกพี่ชายน้ำเสียงหม่นลง เพราะหลังจากนี้ เธอจะตั้งใจทำงานตามที่วาดหวังไว้และอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก
“จะเป็นการรบกวนบีหรือปล่าว น่าเกลียดแย่คนเพิ่งแต่งงาน”
“บีเขาขอณีเอง แล้วณีก็เห็นด้วย ว่าแต่พี่เถอะไม่ไปร่วมงานแต่งบีจริง ๆ เหรอ”
ถามพี่ชาย คนเคยแอบรักเพื่อนน้องสาว
“ไม่หรอก...”
เพราะยังทำใจไม่ค่อยได้ ที่สำคัญข้ออ้างก็มีมากพอที่จะทำให้ตัดใจไม่ไปร่วมงาน แต่แล้วก็ผิดแผนไปหมดเมื่อมาเจอเข้ากับซาตานตนนี้ทำให้หล่อนอยากจะกลับบ้านดื้อ ๆ อยากหนีหน้าเขาไปให้พ้น ๆ เจอกันทีไรมีแต่เรื่องไม่จบไม่สิ้น ที่สำคัญเขาชอบเอาเปรียบหล่อนเป็นที่สุด และแล้วเสียงของพี่ชายที่เป็นห่วงก็ดังขึ้นมาอีก
สายตาคมเข้มเหลือบมองน้องสาวนิดหนึ่ง
“เสื้อผ้าไม่เห็นเตรียมมาเลย” พี่ชายเป็นห่วงความเรียบร้อยของน้องสาว อดถามไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง งานนี้บีเขาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
บอกตามความเป็นจริง เพื่อนเอาใจขนาดจัดเตรียมเสื้อผ้าให้เพราะไม่ต้องการให้เธอหิ้วของพะรุงพะรังมางานแต่ง...อนาธิปได้แต่ส่ายหน้ายิ้มหน่ายๆ รู้ดีว่าสองสาวรักและสนิทกันแค่ไหน แต่ธุระจัดการเรื่องของใช้ต่าง ๆ ให้เพื่อน คงไม่มีใครแปลกกว่าคู่สองสาวนี้อีกแล้ว
“เอาเป็นว่ากลับวันไหนโทร.บอกพี่นะ หากไม่ติดธุระจะมารับ แต่หากติดธุระจะให้คนรถมารับ โอเคป่ะ”
“โอเคค่ะ”
ใบหน้าได้รูป ตกแต่งไว้อย่างดียิ้มหวานรับ ขยับลงจากรถคันหรู เมื่อพนักงานโรงแรม เปิดประตูรอคอยอยู่แล้วอย่างรู้หน้าที่ โดยมีสายตาของพี่ชายอย่างอนาธิปมองร่างสมส่วนของน้องสาวในชุดราตรีสีหวานก้าวเดินไปตามเส้นทางโดยมีพนักงานเดินนำไปก่อนจนลับสายตา จึงเคลื่อนรถคู่กายออกไปทำงานของตนเอง โดยไม่รู้ว่าเบื้องหลังน้องสาวผู้อันเป็นที่รักกำลังเกิดอะไรขึ้น...
พี่ชายและคนในบ้านจะมีใครรู้บ้างไหมนะว่าหล่อนไม่ได้พักกับบี แล้วยังไม่ได้กลับที่บ้านอีกเพราะผู้ชายคนนี้ที่กำลังนำความเดือดร้อนมาให้หล่อน เขากำลังจะพาหล่อนไปแห่งหนไหนถามเท่าไหร่ก็ไม่พูด หล่อนต้องพักเอาแรงไว้ต่อสู้ต่อไป