ปากไม่ตรงกับใจ

1601 คำ
อาชาเหลือบมองคนที่นั่งทำตัวนิ่งเงียบตลอดเส้นทาง แม้จะไม่ไว้ใจหล่อนมากนัก แต่ก็แอบมองดูท่าที ว่าแม่เสือจะออกฤทธิ์เมื่อไหร่เขาเองก็พร้อมรับมือเมื่อนั้น “มองอะไร” เสียงแหลมเอ่ยถาม เมื่อจังหวะหันมาเห็นอีกคนมองเธออยู่ก่อนแล้ว อาชาหันกลับไปมองท้องถนนทันทีเช่นกัน “มองแม่ม้าพันธุ์ดี” คำตอบของอาชา ทำเอาอีกคนตาโต คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “ว่าอะไรนะ!” เธอแวดถาม อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “อะไรกัน... บอกว่ามองแม่ม้าพันธุ์ดี มันยากหรือไงที่จะเอาไปตีความหมายนะ”  เสียงทุ้มเอ่ยแสร้งทำน้ำเสียงหงุดหงิด “ไอ้คนบ้า หาว่าฉันเป็นแม่ม้าพันธุ์ดี คนเถื่อนไอ้...ไอ้...” “อย่าเอ่ยคำหยาบเชียวนะ...บทลงโทษผมมี” เขาขู่อย่างเอาจริงทำให้หล่อนจำได้ “...หน้าตาของตัวเองหล่อตายละ หัดส่องกระจกดูซะบ้างนะ หน้าจะเหมือนกระรอกอยู่แล้วนะ” เสียงแหลมผรุสวาทเกรี้ยวกราดตวาดลั่นรถ แม้จะพยายามกดอารมณ์ถึงขีดสุดแต่อีกฝ่ายก็ไม่วายทำให้เธอวีนแตกเพราะประโยคประชดประชันเปรียบเปรยที่สรรหามากวนใจตลอดเวลา ...คนที่ถูกเปรียบเทียบว่าหน้าเหมือนกระรอก ถึงกับอึ้งอ้าปากหวอ แต่พอหายอึ้งชายหนุ่มก็ไม่ยอมน้อยหน้า               “อ้าว รึไม่จริง ที่ผมเปรียบคุณเป็นม้าพันธุ์ดีเพราะเห็นว่ารูปร่างสูงยาวเข่าดี หน้าอกหน้าใจ... ก็อืมนะ...”               ธาริณีรู้สึกหน้าเห่อร้อน รีบยกแขนทั้งมากอดอกตามสัญชาตญาณทันที “...ส่วนเอว ทรงสะโพกไม่ต้องพูดถึง อือหึ... ชักอยากจะเห็นมันซะแล้ว...” “บ้าไปใหญ่แล้ว อย่ามีหื่นกับฉันนะ ฉันไม่ปล่อยไว้แน่” หล่อนขู่ แววตาและสีหน้าแสดงความหื่นเด่นชัด พร้อมรถสปอร์ตคูเป้คันหรู ก็เบนเข้าไหล่ทาง เบรคลากล้อเสียดสีกับท้องถนนจนเกิดเสียง คนที่ไม่ทันระวังตัว หัวคะมำไปด้านหน้าแม้จะมีเบลล์คาดอยู่ก็ตามยังต้องใช้แขนดันตัวเองไว้เพื่อกันร่างกระแทกไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นมันก็ทำให้คนไม่ทันระวังตัวหน้าเสีย ด้วยความตกใจ “... คิดจะทำอะไร” เครื่องยนต์ดับสนิทลง แต่เสียงหัวใจของสาวสวยยังเต้นไม่ปรกติ รถหยุด! นั้นคือสิ่งที่หล่อนบอกตัวเองอย่างลิงโลดแม้ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนแต่ก็ต้องลงจากรถให้ได้ หล่อนหันไปหาประตูรถเพื่อที่จะเปิดมันออก แต่แล้วเอวคอดของหล่อนก็ถูกดึงด้วยความตั้งใจทำให้หล่อนหวีดร้องด้วยความตกใจ “โห...เล่นเอาหูแทบแตก” เขาบ่นพึมพำแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวเล็กนั้น “ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย” หล่อนเริ่มขัดขืนดิ้นรนปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยทั้งที่มีแขนและมือเขาเหนี่ยวรั้งเอวเอาไว้หล่อนก็ไม่ได้สน “คนบ้าอะไร หน้าตาก็งั้น ๆ เสียงดังยังกะประทัด จะให้หูหนวกหรือไงห่ะ!” เขาว่าเสียงดัง “หยุดดิ้นได้แล้ว....จะให้หยิบเสื้อที่เบาะหลังมาคลุมไหล่ซะอากาศเริ่มเย็นลงแล้ว” น้ำเสียงเขาต่ำลง “จะพาฉันไปไหน ปล่อยนะฉันจะแจ้งตำรวจ” “เหรอ...จะแจ้งว่ายังไงล่ะ” “นะ..นาย ..เอ่อ...คุณรังแกฉัน” หล่อนหยุดลังเล กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ  “เมื่อไหร่ ที่ไหน เขาทำอะไรคุณมั่ง....” เขาทำท่าซักพยานยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดปุด ๆ “ฉันจะเอาให้หนักกว่านี้อีกคอยดู” ขู่ไปแต่ใจปอดๆ กลัวอีกฝ่ายจะไม่เชื่อสิ่งที่เธอเอ่ยบอก “เธอคิดว่าฉันจะกลัวเธอหรือไง แม่ม้า!” เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ คนอย่างอาชาใช่จะกลัว... หลิ่วตาเจ้าเล่ห์ เอื้อมมือหนาพ้นหน้าตักกว้างของหญิงสาว มือเรียวที่วางอยู่บนหน้าตักรีบดึงออกยกขึ้นสูงเหนือลำตัวคนโน้มลงมา พร้อมกำเข้าหากัน หากมีอะไรจะใช้กำปั้นนี้ประเคนให้ ... คิดในใจอย่างเตรียมพร้อม หากแต่ต้องหยุดความคิดเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ “นั่งนิ่ง ๆ หากไม่อยากเป็นแม่พันธุ์ตอนนี้” คนได้ที เอ่ยขู่อีก ทั้งที่การกระทำขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพราะเขาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดให้!... หัวใจสั่นไหวเมื่อรับรู้แรงสัมผัสบางทีมันไม่อาจเป็นความตั้งใจของชายหนุ่ม แต่ธาริณีกลับรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่เขาสนใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอไม่ทันได้คิด จากนั้นเขาหันไปคว้าเสื้อจากทางด้านหลังมาโยนใส่ตักของหล่อนอีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวไม่กล้าปฏิเสธอะไรตอนนี้เพราะชุดที่ใส่มันก็ช่างหล่อมแหลมเหลือเกินเพราะเป็นเปิดไหล่เกาะอกไว้เท่านั้น หล่อนลืมคิดไปเลยว่ามันเป็นจุดดึงสายตาของเขาได้ เมื่อเห็นเสื้อสูทตัวหรูอยู่ที่ตักทางที่ดีหล่อนนำมันขึ้นมาสวมทับชุดของหล่อนเอาไว้จะดีที่สุด ซึ่งการกระทำทั้งหมดไม่ได้ลอดพ้นจากสายตาคมกล้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย “เอาล่ะทีนี้ก็นั่งนิ่ง ๆ ห้ามคิดหนีหรือดิ้นรนอะไรอีก” รถคันหรูทำหน้าที่ตามความต้องการของเจ้าของ ความเร็วยังอยู่คงที่ บนถนนสายหลัก... นัยน์ตากลมใส บัดนี้มีแต่ความหม่นหมอง เจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความหดหู่ภายในใจคงแสดงออกมาให้อีกคนได้เห็นบ้าง หากแต่คนคนนั้นไม่คิดจะใส่ใจว่าการกระทำของตัวเองมันบั่นทอนจิตใจเธอแค่ไหน แม้ไม่กล้าสรุปกับการกระทำของชายหนุ่ม ที่ตั้งแต่เจอหน้าคราวก่อน มาครั้งนี้ เจอหน้าก็มีแต่เรื่องกันอีก เขาต้องการอะไรจากหล่อนกันแน่... ธาริณีพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ละสายตาจากชายหนุ่ม เก็บความคิดหมกมุ่นทิ้งไป ตอนนี้เธอรู้สึกเมื่อยตัวอย่างหนัก รู้สึกเบื่อกับการเดินทางที่เร่งรีบกึ่งบังคับ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังเช่นงานแต่งงานของเพื่อนรัก  ที่เธอรู้เรื่องก็เกือบมาไม่ทันงาน ถึงจะทันเจอเจ้าสาวแต่ไม่ได้พูดคุยสักคำก็เหมือนไม่ได้เจออยู่ดี และก็ซวยซ้ำเมื่อโดนผู้ชายเถื่อนหาเรื่องจับตัวออกมาจากงานเสียอย่างนั้น แถมหาเรื่องให้เธอขายขี้หน้าอีก เฮ้อ! “เป็นอะไร ลมพิศวาสจุกอกหรือไง” ร่างบางสะดุ้งพรวด มองคนเอ่ยถามแบบไม่อยากจะเชื่อ มีตาทิพย์หรือไงก็เห็นว่าเขามองท้องถนนตลอดเวลานี่นะ... ธาริณีได้แต่กรอกตาไปมา แหงนมองหลังคารถอย่างอ่อนใจ หล่อนกำลังเจอคนบ้าแต่หน้าตาหล่อเหลือร้ายเข้าให้แล้ว “ลมพิศวาสอะไรของคุณมิทราบ” ธาริณีพยายามเปล่งเสียงให้เป็นปกติ “ผมถามคุณ คุณตอบ ไม่ใช่ให้ย้อนมาถามผม” ชายหนุ่มเหลือบมองเสี้ยวหน้าเนียน ที่กำลังหน้าตึงเครียดขึ้น เขม้นมองมาทางเขา “ฉันไม่มีอะไรจะตอบ...” เสียงของหล่อนห้วน เขามองร่างในชุดเสื้อสูทของเขาแล้วก็อดที่ยิ้มกับตัวเองไม่ได้ดูหล่อนยิ่งตัวเล็กลงอีก “... เพราะอารมณ์พิศวาสที่คุณว่า มันไม่มีอยู่ในหัว ที่สำคัญคนคนนั้นไม่ใช่คนที่กำลังกวนประสาทอยู่ตอนนี้แน่” เธอจิกตาตอบกลับ น้ำเสียงหนักแน่น เกลียดการกระทำของคนไร้ศีลธรรม “อื้อ เสียดาย ไม่คิดว่าสาวสวยอย่างคุณจะตายด้านซะแล้ว...”  เสียงทุ้มเอ่ย  หยุดมองอย่างเหมือนพ่อค้ากำลังประเมินสินค้าใหม่  “แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณ คงไม่มีใครคบแน่เลย... ผมดูไม่ผิดเชื่อสิ”  เอ่ยพลางใช้สายตากวาดมองเรือนร่างสมส่วน ชวนให้เลือดลมในกายตื่นเพริด ผิวขาวนวลเนียนชวนล่อตาให้ยื่นมือไปสัมผัส สองเต้างามถูกปั้นแต่งไว้อย่างล้นใจ ยามขยับท้าท้ายสายตาน่าหลงใหล แม้อยากตีตราจอง ดอมดมให้ทั่วเรือนร่างงาม เหมือนผู้หญิงนางอื่นที่ผ่านมา หากแต่ผู้หญิงคนนี้เหมือนมีอะไรมาดึงรั้งตัวตนเขาไว้ จนไม่กล้าอาจหาญทำอย่างใจต้องการ หรือเพราะมันยังไม่ใช่สิทธิ์ของเขาตอนนี้... “... แล้วไง คบไม่คบมันหนักส่วนไหนของคุณ”  เชิดหน้าเอ่ยเถียง     กัดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงด้วยความขุ่นเคือง เขาสบประมาทเธออีกแล้ว...แต่หล่อนก็ไม่ลืมที่จะดึงสาบเสื้อสูทเข้ามาปิดเนินอกไว้อย่างมิดชิดเพราะชายตาของเขาทำให้หล่อนรู้ว่าเขาต้องคิดอะไรเกี่ยวกับตัวหล่อนแน่นอน อาชาเหลือบมองหน้าคนเอ่ยนิดหนึ่ง “ก็แล้วไงหรือ... ก็คุณไม่เคยมีแฟน หรือแม้แต่เพื่อนชายที่สนิทสักคนก็ไม่มี แล้วอย่างนี้ไม่คิดว่าของคุณตายด้าน แล้วให้คิดว่าอะไรละ...คุณธาริณี” “คุณพูด อย่างกับรู้จักฉันดี” “แล้วคุณลืมไปแล้วหรือไงว่าผมเป็นใคร” “เป็นใคร”  เสียงหวานถามกลับ คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น ก่อนจะตาเบิกกว้างอย่างคนนึกขึ้นได้ แล้วกรีดร้องในใจอยู่คนเดียว ...น้องคุณใหญ่ สามีเพื่อนรักของเธอ อ้ายย หวังว่ายัยบีไม่เล่าเรื่องของฉันให้ตาบ้านี่ฟังหรอกนะ… ธาริณีรู้สึกขนหัวพอง เหมือนโดนถ้ำมองอย่างไรอย่างนั้น เขารู้เรื่องเธอดีแค่ไหน…  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม