ไม่อาจเลี่ยงได้
ระยะทางเดินกลับไปกลับมา ระหว่างโรงแรมและร้านขายยา ทำให้หนุ่มหล่ออย่างอาชา ต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และเมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก โดยไม่ทันดู ว่ามีใครยืนรออยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้เกิดการกระแทกกันขึ้น
“อุ๊ย!/เฮ้ย!” น้ำเสียงตกใจ ของคนทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน โดยร่างที่บอบบางกว่ากระเด็นเสียหลัก ยืนหน้าเหยเก พร้อมกับมือเรียวลูบแขนข้างที่ไปกระแทกกับขอบประตูลิฟต์ ก่อนจะตวัดสายตามองคู่กรณี อย่างตำหนิ
สายตาจับจ้อง ใจหวิวๆอยากต่อว่า แต่กลับกลายเป็นว่า เธอไม่อาจบังคับเสียง ให้ออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อใจบอกว่าคนที่ชนนั้น ...หล่อมาก มีผิวขาวจัด ปากบางอมชมพูอย่างกับผู้หญิง โดยทรงผมปัดข้างดำขลับ ถูกจัดแต่งไว้อย่างดี ขับให้ใบหน้าหล่อคม เด่นขึ้น จนเธอเกือบตาพล่าเลือน!
ชายหนุ่มเองก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่เขารีบ! ก่อนจะใช้นิ้วกดหมายเลขชั้นของลิฟต์ที่ต้องการ แล้วหันมาต่อว่า “จะรีบไปไหนกันคุณ? นัดแฟนไว้หรือไง ถึงได้ไม่ดูทางเดินเอาเสียเลย” เขาเอ่ยเหมือนฝ่ายนั้นเป็นคนผิด คนได้ฟังนิ่งอึ้งไป
คงรู้ตัวว่าตัวเองผิดล่ะซิ....เขาเดา เมื่อเห็นฝ่ายนั้นไม่แสดงอาการ
ความหล่อที่แอบชื่นชม ก็พลันหายไปในพริบตา เมื่อวาจาที่เอ่ยแบบมะนาวไม่มีน้ำและสู่รู้ดังออกมาจากปากบางอย่างผู้หญิง ของผู้ชายที่อยู่รวมลิฟต์ตัวเดียวกันในตอนนี้
“อ้าว! คุณ” ธาริณีกดอารมณ์ไว้ที่สุด “คุณเป็นคนมาชนฉัน ฉันสิ ต้องเป็นคนถามคุณว่าจะรีบไปไหน? และฉันนัดใครหรือไม่นัดใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ!มาเส่อะไรด้วย” เสียงแหลมเล็กเอ่ยออกไปอย่างเสียงดังฟังชัด ด้วยอารมณ์เดือดปะทุ
อาชาถึงกับมึนจากวาจาเผ็ดร้อนที่ได้รับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโมโหจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
ผู้หญิงก็ผู้หญิงเหอะ ปากดีนักนะ....
“ทำไม พ่อแม่เขาสอนเราให้พูดย่างนี้หรือไงฮะ!” คนไม่รู้ตัว ว่าตัวเองก็ใช่ย่อย เอ่ยถามเสียงขรม
“ไอ้บ้า! นายว่าอะไรนะ...” หญิงสาวถึงกับโกรธหน้าดำหน้าแดง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายหน้าตาดี แต่งตัวดีมีระดับ จะพูดจาน่าเกลียดได้เพียงนี้
“หูหนวกอีก” เขาย้อนให้
“ไอ้บ้า...” ธาริณีอารมณ์พุงปรี๊ด จนรู้สึกหายใจติดขัด“แล้วนายล่ะ ปากดีกับผู้หญิงเพศแม่ ไม่ละอายใจบ้างหรือไงฮะ!”
ตอนนี้เธอไม่อยากห่วงสวยอีกต่อไปแล้ว ตากลมเขม็งมอง แววตาครุกรุ่นด้วยแรงโทสะ ไม่เคยมีใครต่อว่าถึงเพียงนี้ นายเป็นใคร? ถึงมาเอ่ยถึงพ่อแม่ฉัน! ร่างบางยืนมองหน้าชายหนุ่ม อย่างกับจะหักคอชายหนุ่มเสียให้ได้
“นิ...เธอ...”
อาชาถึงกับสำหลักน้ำลายตนเอง ใบหน้าแดงก่ำ อารมณ์จี๊ดพุ่งสุดแรงพอๆ กับสาวตรงหน้า โอ๊ย! อยากจะบ้า ผู้หญิงสมัยนี้ปากคอร้ายกาจได้อีกหรือวะ...เดี๋ยวก็ไม่มีใครเอาทำพันธุ์หรอก...ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
ธาริณีเงยหน้ายิ้มเยาะ เมื่อบุรุษตรงหน้าถึงกับเอ่ยอะไรไม่ออก เจอวาจาโต้กลับออกไปของเธอไป“ทำไม ยอมรับละซิ ว่าไม่ละอายใจกับการกระทำ” ไหล่บางยกขึ้นข้างหนึ่งอย่างสะใจ
คนโดนย้อน จนหน้าเสีย ถอนหายใจ จ้องหน้าคมงามเหมือนกำลังทำใจอะไรสักอย่างก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ได้...แล้วรู้หรือไม่ ว่ามีอีกอย่างที่ฉันทำไปแล้ว และไม่เคยคิดจะละอายใจ...” เขาปรับเปลี่ยนอารมณ์ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“....”
ตากลมโต ที่ประดับด้วยขนตายาวงอน เพ่งมองใบหน้าคนที่เอ่ยนิ่ง คำพูดที่ไม่มีความหมายแน่ชัด ทำเอาสาวสวยที่เพิ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรก ถึงกับเกิดเครื่องหมายคำถามอยู่ในใจ
หมายความว่าไง?... ตากลมโตจ้องหน้าเขานิ่งเหมือนกำลังค้นหาคำตอบ
เถอะ ใบหน้าหล่อเหลากวาดสายตาจับจ้องใบหน้าเรียวงามเช่นกัน ก่อนจะหยุดอยู่ตรงฝีปากบาง ที่เขารู้ดีว่าปากภายใต้ความสวยงามที่น่าลิ้มลองนั้น แฝงไปด้วยวาจาอาบยาพิษไว้
ท่าทีที่คุกคาม ทำให้ธาริณีถึงกับเกิดอาการกลัวขึ้นมาจับใจ หัวใจเต้นรัว ท้องไส้เริ่มบิดมวน ใจเริ่มคิด ตนเองคิดผิดเสียแล้ว ที่ขึ้นลิฟต์มากับผู้ชายคนนี้
...ซ้ายก็กำแพง ขวาก็กำแพง ด้านหน้าก็มีกำแพงมนุษย์อีก แล้วอย่างนี้เธอจะหายไปจากตรงนี้ได้ยังไง?
“นายจะทำอะไร? ว้าย!”
เสียงที่ดังออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็เป็นอันถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้า ปิดปากเธอด้วยจุมพิตเถื่อน แบบสายฟ้าแลบ จนรู้สึกเจ็บแปลบ พร้อมกันนั้น มือเรียวยาวกดไหล่บาง แล้วดันร่างของเธอให้ติดกำแพงลิฟต์ และตามด้วยอกแกร่งทามทาบเข้ามา เพื่อเป็นกำแพงชั้นเลิศ ที่จะจำกัดเนื้อที่ให้เธอดิ้นน้อยลงและได้ผล เมื่อร่างนุ่มนิ่มติดแหง็กอยู่กับที่ ก่อนที่มือเขาจะเปลี่ยนมากอดเอวคอดไว้ ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกุมท้ายทอยและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น เพื่อรับจุมพิตที่หนักหน่วงได้ถนัดถนี่ ความช่ำชองและรวดเร็ว จนเธอตั้งตัวไม่ติด!
มือบางที่ยังเป็นอิสระผลักดันแผ่นอกกว้าง แม้จะไม่มีช่องว่างให้สะดวกในการปัดป้อง ก็ทำเท่าที่จะทำได้ โดยมือเรียวทุบตีหยิกข่วนพัลวัน แต่หนุ่มหล่อนิรนามกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านหรืออยากผละห่าง กลับทำให้เขายิ่งรู้สึก อยากสัมผัสหล่อนมากขึ้น...
ถึงจะจูบเงอะงะ แต่หล่อนหวานได้ใจชะมัด...อาชาผู้มากด้วยประสบการณ์กระหยิ่มในใจ
“....อื้อๆ” เสียงหวานเริ่มครางประท้วง เมื่อรู้สึกความผิดปรกติของร่างกาย กับสัมผัสที่อีกฝ่ายยัดเยียดมาให้ มีทั้งรุนแรงและนุ่มนวลสลับสับเปลี่ยน จนบางครั้งทำให้เธอรู้สึกวาบหวาม ร่างกายคล้ายกำลังลอยคว้างขึ้นกลางอากาศ จนต้องโอบรอบคอหนาเอาไว้เป็นหลักยึด โดยไม่รู้ตัวว่าเวลานี้ เธอได้เผลอตัวตอบรับสัมผัสของชายหนุ่มนิรนามไปแล้ว
ด้วยความได้ใจ ฝ่ามือเรียวที่ไม่เคยหยิบจับงานหนัก แปลเปลี่ยนมากอบกุมเคล้าคลึงสองเต้ากลม ลากไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง จนกายสาวรู้สึกหนาวสั่นสะท้าน ปวดแปลบไปทั่วกาย
ก่อนที่อะไร จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ บังเกิดความขลาดกลัวและจิตใต้สำนึกของคนรักดี เรียกสติของตัวเองกลับมา “ไม่ ปล่อยนะ!” เธออึดสู้ แล้วรีบดีดสะบัดตัวเองออกจากอ้อมกอดหนา แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ผู้ชายป่าเถื่อน เธอไม่อยากได้รับสัมผัส ที่สำคัญเธอไม่เต็มใจ ... ย้ำกับตัวเอง พร้อมกับดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างนั้น เมื่อวงแขนหนา ไม่ยอมปล่อยเธอออกมาง่ายๆ
เรื่องอะไร? ...เมื่อรู้สึกว่าความหอมหวาน ที่เขาตักตวงจากหญิงสาว ยังไม่หนำใจ และหล่อนเริ่มออกฤทธิ์ต่อต้าน บวกกับตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องออกแรงใหม่อีกครั้ง
ยากเสียละ ที่ชายหนุ่มอย่างเขาจะยอม...
“ปล่อยนะ !ปล่อยฉัน ไอ้บ้า...” ปากบางด่าทอ หลบปลายจมูกและริมฝีปากชายนิรนามพัลวัน
หากแต่คนติดใจความหอมหวาน บวกกับเป็นคนชอบเอาชนะผสมกับความเอาแต่ใจที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กๆ จนบางครั้งทำให้คนที่อยู่ใกล้ ดูว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว อาชาจึงยังหมายมั่น จ้องตาเป็นมัน ส่วนที่เผยอด่าทอเขา แต่เวลาและสถานไม่ได้เป็นใจให้! เมื่อถึงหมายเลขที่ต้องการของผู้โดยสารด้านใน ลิฟต์ก็เปิดอ้า แต่ด้วยความบ้าบิ่น เขายังไม่ขยับถอย
“ไอ้เล็ก!/คุณเล็ก!” บุรุษที่ถูกเรียกว่าเล็กชะงักค้าง ส่วนมือที่โอบร่างบางไว้ ถูกปล่อยทิ้งข้างลำตัว
“พี่ใหญ่...” น้ำเสียงแหบโหยเอ่ยเรียกพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ก่อนจะหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตาที่มองมาอย่างผิดหวัง
ให้มันได้อย่างนี้สิ! ธาดายกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเสียงดัง ป๊าบ! หน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่คิดว่า การที่เขาเดินมาส่งมนธิราเพื่อขึ้นไปยังห้องชั้นบนสุดของโรงแรม จะมาเห็นภาพน้องชายคนเดียว กำลังปลุกปล้ำผู้หญิงอยู่ในลิฟต์ และโชคดีเท่าไหร่ที่ไม่มีคนนอก ไม่อย่างนั้น โรงแรมคงเสียชื่อก็คราวนี้ ให้ตายเถอะ นายเล็ก!...
มนธิรามีอาการตกใจกับภาพที่เห็น ก่อนที่สายตานั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นเบิกกว้าง เมื่อเห็นใบหน้าคู่กรณีอาชาชัดเจน “ณี!” แล้วเธอก็ถลาเข้าไปหาร่างที่นั่งแมปอยู่บนพื้นห้องลิฟต์ ด้วยหัวใจปวดแปลบ
เพราะเธอ ธาริณีจึงต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้... มนธิรากล่าวโทษตัวเองด้วยความสำนึกผิด
เจ้าของชื่อที่บัดนี้ดวงตาแดงก่ำและพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา เงยหน้าขึ้น “บี! บี ฮือ ฮือ”
“ไม่เป็นไรนะณี...บีมาแล้ว” สิ้นคำปลอบโยน เสียงครางสะอื้นก็ดังพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ครานี้... หนุ่มทั้งสองถึงกับยืนอึ้ง!