ร้ายชนร้าย

1826 คำ
อาการเสแสร้งของชายตรงหน้า ทำเอาใบหน้าหวานร้อนผ่าว จากที่แดงเรื่ออยู่แล้ว เพิ่มสีเลือดขึ้นเป็นเท่าตัว  ทั้งโกรธทั้งอายผสมเข้ากัน ธาริณีกัดริมฝีปากจนแน่นสนิท ฝ่ามือเรียวกำแน่นทั้งสองข้างกดอารมณ์ที่พุ่งขึ้นอย่างสุดทน ยิ่งเห็นว่าสายตานั้นจับจ้องส่วนใดของร่างกายเธอไปเมื่อครู่และไม่ได้ละสายตาไปไหน ไม่รู้ก็บ้า ว่าชายหนุ่มกำลังเอ่ยถึงมันหมายความว่าสิ่งใด แค่คำพูดมันแน่ชัดอยู่แล้วไม่ต้องย้ำด้วยสายตา...! เธอก่นด่าในใจพร้อมกับความรู้สึกถูกส่งไป เพื่อตอบแทนผู้ชายไร้มารยาท เพี๊ยะ! ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรให้มากความ ฝ่ามือเรียวก็ถูกปล่อยออกไป เกิดเป็นเสียงดังได้ยินชัดเจนในความเงียบของพื้นที่ ที่ไม่มีสิ่งใดย่างกลายเข้ามา นั้นคือคำตอบที่เขาควรได้รับกับการกระทำที่ฉวยโอกาสของคนเอาแต่ได้ ... “กล้าดีนิ ที่ตบหน้าฉัน...!” อาชากัดฟันกรอด สายตาจ้องตอบเหมือนจะกลืนกินคนตรงหน้า การกระทำของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ช่วยให้เขาสำนึก แต่กลับทำให้อาชาอารมณ์ขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ตั้งแต่โตมาไม่เคยมีสักครั้งที่จะโดนสาวๆ ตบหน้า แม้กระทั่งคนเป็นแม่และพี่ชาย!...แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เขายอมให้หล่อนไม่ได้ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่  “แน่ใจว่าทำแบบนี้แล้วจะรอด...”  คิ้วกระตุกระงับอารมณ์โทสะที่ก่อตัวขึ้น เปล่งเสียงลอดไรฟันพร้อมปลายลิ้นกระทุ้งแก้มด้านที่โดนสมนาคุณจนแดงเป็นแถบ “ไม่ใช่แค่นี้หรอก... ผมจะทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการ และผมก็จะทำในสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง” คนโดนขู่ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงโดยง่าย เป็นจังหวะที่ลิฟต์ลงมาจอดถึงที่พอดี ธาริณีเห็นประตูเปิดออกหล่อนรีบจะออกไปให้พ้น ๆ แต่ก็ช้ากว่ามือหนาของเขาที่คว้าข้อมือเล็กของธาริณีแล้วกระชากกลับมาด้วยความไวและแรงจนหล่อนต้องกริ้ดออกมา  “กรี๊ดด... ปล่อยฉัน นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้    คนบ้า!” เขาไม่สนใจเสียงของหล่อนเขาลากร่างบางเดินตามมาติด ๆ ผ่านผู้คนไปบ้างที่มองดูภาพนี้อย่างงง ๆ “ฉันบอกให้ปล่อย....” “คะ คะ คุณมันบ้า ทำแบบนี้ ไม่ดีกับชื่อเสียงของคุณเลยนะ” หล่อนไม่รู้จะพูดอย่างไรได้เพราะอายก็อายคนมองมาเมื่อผ่านคนแม้ว่าจะดึกแล้วแต่ก็ยังมีผู้คนเข้า ๆ ออก ๆ โรงแรมนี้อยู่ ใครเห็นก็ต่างมองแบบไม่วางตา “รีบเดินเถอะน่า...ผมปล่อยคุณก็หนีสิ” พอถึงที่จอดรถล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบกุญแจกดเปิดประตู เขาผลักธาริณีเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ “อย่าลงเชียวนะ ไม่งั้นคุณจะถูกลงโทษหนักกว่าเดิม” เขาเดินอ้อมมาทางด้านคนขับธาริณี กำลังคำนวณถ้าลงรถตอนนี้เขาจะต้องวิ่งคว้าหล่อนเอาไว้แต่ทำอะไรที่ขายหน้าผู้คนที่พบเห็นอีกแน่ ๆ เพราะคนอย่างเขาสนใจที่ไหนกัน คนที่เสียคือตัวหล่อนเอง กำลังคิดยังไม่ตกผลึกดีด้วยซ้ำเขาก็เข้ามานั่งประจำที่คนขับ แล้วเอนตัวเอามือพาดผ่านลำตัวหล่อนมาจับเข็มขัดนิรภัยทำให้ธาริณีตกใจ “อุ้ย! คุณจะทำอะไร” เขาไม่ตอบดึงเบลล์ออกมาแล้วเสียบเข้ากับล็อคของมันเรียบร้อยจึงผละกลับมานั่งในท่าเดิม “ขี้ตกใจจังนะ” เขาว่าเสียงนุ่ม “ขวัญนะ มีบ้างหรือเปล่า ชอบโวยวาย”  เขาต่อว่าเสียงเข้ม   ทั้งที่จริงรู้ตัวดีว่าตนเองทำอะไรลงไป “ขวัญ?”  เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ จะมาถามหาขวัญเอาอะไรตอนนี้     ก็มันหายไปตั้งแต่เจอนายแล้ว ตาบ้า!... ธาริณีก่นด่าผ่านสายตาออกไป “ใช่ ขวัญ มีกับเขาบ้างหรือเปล่าละ กรี๊ดกร๊าดโวยวาย แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาละแม่คุณ” เขาขยับรถออกจากที่จอด พร้อมเสียงดัง กริก! เขากดล็อคประตูและกระจกเรียบร้อย หล่อนหมดสิทธิ์ที่จะลงจากรถแล้วตอนนี้ เพียงแต่เอ่ยปากบอกเขาเบา ๆ ว่าบ้านหล่อนอยู่ตรงไหน เขาไม่เอ่ยอะไรนอกจากครางในลำคอ ขยับสูทตัวแพงเพื่อรับลมเย็นจากแอร์ เขาถอดสูทออกแล้วโยนแหมะมาที่ตักของหญิงสาวทันทีเล่นเอาธาริณีที่หันมองข้างนอกตกใจที่มีอะไรหล่นมาที่ตัก “อะ อุ้ย... นี่มันอะไรของคุณ” “ช่วยถือให้ไง....เผื่อคุณหนาวก็ใช้คลุมไหล่เปลือย ๆ นั้นได้” เขาว่าเสียงปกติ ตาคมแฝงไปด้วยความขี้เล่น หลิ่วตามอง แต่เขาไม่ใส่ใจกับอาการผะอืดผะอมของหล่อน กลับตอบไปหน้าตาเฉย “ฝากหน่อย” “ฉันไม่หนาว...”  ธาริณีขยับตัว พร้อมสองนิ้วคีบเสื้อสูทตัวหรูบนตักของตัวเอง โยนไปเบาะหลังที่ว่างอยู่ทันที เธอไม่รับฝากตามคำขอของอีกคน ใช่เรื่อง! “แค่นี้ทำเป็นรังเกียจ ระวังเถอะ... จะทำคืนมั่ง”  เขาคาดโทษไว้ เอี้ยวร่างหนามองตามเสื้อตัวแพงที่ถูกเหวี่ยงไปอย่างไม่ใยดี “ใครสน!”  หล่อนตอบน้ำเสียงสะบัดพร้อมตะหวัดสายตาจ้องมอง “หึหึ  ให้มันจริงเถอะ...”  อาชาเถียงเหมือนมั่นใจ ว่าหล่อน ไม่สามมารถขัดใจเขาได้อีก พร้อมใช้สายตาพิจารณาคนข้าง ๆ ใหม่อีกครั้ง จับจ้องใบหน้าหวานนวลเนียน ภายใต้ขนตางอนงาม ยามเธอกระพริบนัยน์ตาคู่งามสว่างไสว ใบหน้าเรียวได้รูป หน้าผากนูนสวยเด่นรับกับจมูกโด่งรั้น แก้มสองข้างสุกปลั่งแต่งแต้มไว้อย่างลงตัว ปากทรงกระจับอีกนั้น แต้มด้วยสีหวานเป็นประกายมุขเพิ่มความอวบอิ่ม ยั่วสายตา อีกทั้งท่าทางอวดดี เล่นยาก ที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้น่ามอง และนั่นมันยิ่งทำให้เขาอยากเข้าถึงจิตใจและเนื้อแท้ น่าจับกดสั่งสอนนัก... อาชาคิด อย่างคึกคะนอง อาชา รัตรังสรรค์ หรือเล็กรูปหล่อ  เพอร์เฟค ฐานะการเงินที่สาว ๆ เห็นจะต้องสิโรราบ วิ่งแจ้นเปลื้องผ้ามาแต่ไกล แค่เขากระดิกนิ้วเรียก! หากแต่ผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะไม่สนใจเขา กลับใช้วาจา ที่ฟังเหมือนผู้ชายอย่างเขา ไม่มีค่าในสายตา แล้วอย่างนี้ ปล่อยให้หล่อนหลุดมือ โดยไม่ได้รับสั่งสอนนั้น ไม่มีทาง เมื่อเขามีวิธีการแก้เผ็ดหล่อนอยู่ในหัวแล้วตอนนี้ “หึ!” เมื่อคิดอย่างพอใจแล้ว อาชาหันมาถลกแขนเสื้อเชิ้ตลวก ๆ แล้วรวบไว้ที่ข้อศอกทั้งสองข้าง พร้อมกับปลดกระดุมออกจากรางเกือบหมดเหลือไว้สองเม็ดสุดท้ายที่อยู่ล่างสุด ธาริณีมองดูการกระทำของเขาเงียบ ๆ  ลมหายใจขาดหายเมื่อจังหวะสายตาเห็นแผ่นอกกว้างมองเห็นขนอ่อน ๆ รำไรผ่านร่องเสื้อ  หากมองผ่านเลยไปมันคงไม่ทำให้เธอใจเต้นระส่ำ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น สิ่งที่เห็นกับติดอยู่นัยน์ตาแม้พยายามกระพริบให้หายไป แต่มันเหมือนสิ่งที่หลอกหลอนติดตาไม่อาจลบล้างออกได้  เมื่อสายตาไม่รักดีทำการสำรวจร่างกายที่กำลังดึงดูดความรู้สึกที่มีอยู่ ไปจากเธอเต็ม ๆ โดยไม่มีคำอธิบายกับสิ่งที่เห็น เพราะเธอกลืนกินสิ่งที่เห็นเป็นคำตอบที่ประจักษ์ต่อสายตาลงท้องไปหมดแล้ว   “คิด ๆ ดูแล้วน่าเสียดายช่อกุหลาบนะ คุณทำลายมันแล้ว...คู่คงเตลิดเปิดเปิงไปไหนแล้วไม่รู้”  “ฉันไม่สนใจเลยสักนิด....ฉันกลับนึกดีใจที่มันเป็นประโยชน์แก่ฉันบ้าง” ชายหนุ่มยกมือคลำป้อย ๆ ที่ปลายคางของตนซึ่งมีปาสเตอร์แปะเอาไว้ “ไม่ใช่อะไรหรอกเห็นทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าช่อกุหลาบถถึงกลับลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นก็ยอม เลยนึกสงสาร” “ไม่ต้องมาสงสารอะไรฉัน” หล่อนพูดลอดไรฟัน “ไม่ใช่เพราะคุณหรอกหรือ...ฉันถึงเป็นแบบนั้น” “ผมทำอะไรให้” เขาตอบกลับมาหน้าตาเฉยหล่อนเอาอีกฝ่ายแทบเต้น ได้แต่บอกตัวเองว่าข่มไว้ ข่มไว้ ๆ ธาริณี ใบหน้าแต่งแต้มไว้อย่างลงตัว ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกใจหายวาบ หายใจหอบถี่ ๆ อย่างอดกลั้นอารมณ์ด้วยความเสียดาย ผู้ชายคนนี้กวนโทสะได้โล่! อีกฝ่ายกลับหัวเราะลั่นรถ ใบหน้าหวานได้แต่มองอาการขำ น่าหมั่นไส้ของคนตัวโตกว่า คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน มันน่าขำนักหรือไง... “มันน่าขำตรงไหน คนโรคจิต...” “ขำที่คุณยังคงห่วงช่อกุหลาบอยู่ อยากได้สามีหรือไง” “คนบ้า” “เอ้า ผมเป็นห่วงนี่ อย่าเพิ่งจิตตกไปสะก่อนล่ะ”  อาชาเอ่ยข้อข้องใจให้สาวสวย พร้อมหัวเราะต่ออย่างกับเจอตลกมาเล่นสด ๆ ตรงหน้า ขณะที่อีกฝ่ายโดนกล่าวหาว่าจิตตก กัดเม้มริมฝีปากล่างจนเกิดรอยช้ำ  “ ...เพราะเจอคนบ้าอย่างคุณไง จิตฉันเลยตก” ธาริณีตอกกลับอย่างแค้นเคือง แต่อีกฝ่ายกับหัวเราะร่า  ไม่สนใจคำด่าแม้แต่น้อย   “อย่าไปคิดมากเลยน่า...กะอีแค่ช่อกุหลาบในร้านเยอะแยะไปจะเอากี่ช่อ” “ฉันไม่อยากคุยกับคุณ เปล่าประโยชน์” “เอาน่า..เดี๋ยวผมซื้อช่อใหญ่กว่านั้นอีกชดเชยให้” “ฉันไม่รับ!” หล่อนตอบทันควัน “คนไม่มีความรู้สึกอย่างคุณ จะเข้าใจอะไรกับประเพณีเขา มันมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่ามันต่างกัน พูดไปคนไร้ความรู้สึกอย่างคุณก็คงไม่รู้เรื่องหรอก”  “อยากมีผัวกันก็เท่านั้น ส่วนมากก็มีแต่พวกเพ้อฝันเท่านั้นแหละ ที่สร้างมันให้มีคุณค่าทางใจก็แค่ดอกไม้แต่งงาน” “คนบ้า ไม่ต้องมาดูถูกคนอื่นเลย คนเถื่อนอย่างคุณปากร้ายไม่เลือกหน้า สำหรับฉันจะร้ายก็ต่อเมื่อใครร้ายมาก่อนเท่านั้น และจำไว้เลยคำว่าผัวน่ะ... หาเท่าไหร่เมื่อไหร่ คนอย่างธาริณีหาได้สบาย หากแต่ไม่คิดจะหา เพราะดูแล้วบนโลกใบนี้มีแต่ผู้ชายหน้าหม้อ ปากปีจอที่หล่อเหลือรับประทานทั้งนั้น!” คำด่าแสบ ๆ ถูกพ่นออกมาเพื่ออยากให้อีกคนได้รู้สึกตัว “จุ๊ จุ๊ ปากนะปาก...จริง ๆ เล้ย” อาชาไหวไหล่ไม่สนใจคำกล่าวหาเพราะเขาไม่ได้ร้ายกับใครมาก่อน นอกจากอยากสนุกกับสาวสวยคนนี้คนเดียว ปากแบบนี้หล่อนมีให้เขาคนเดียวด้วยหรือเปล่านะ!              
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม