เป็นครั้งแรกที่อาชาเรียกชื่อหญิงสาว อย่างเป็นทางการ ให้เจ้าตัวฟังเป็นครั้งแรก
“เพราะทันที ที่คุณทำให้ผมโกรธและไม่พอใจ ผมจะจัดการกับคุณขั้นเด็ดขาดทันที ไม่เชื่อก็ลองดูว่าคนเถื่อนอย่างผมทำได้มากกว่าที่คิด”
น้ำเสียงเด็ดขาด ตัดขั้วหัวใจคนฟัง ให้นิ่งอึ้งเป็นครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อรวบรวมสติได้
“นี่คุณ! คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”
เธอเปรยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ใจหนึ่งอยากตะกายหน้าคนบ้าอำนาจกับความคิดของตัวเอง ครั้นคิดได้ว่า ‘เด็ดขาด’ ของเขาคือแบบไหน ธาริณีรู้สึกชาไปทั้งร่าง
หากเขาต้องข่มเหงเธอ อย่าง ‘เด็ดขาด’ ขึ้นมาจริง ๆ แล้วเธอจะทำอย่างไร
“ท่าทางของผมบ้ามากนักหรือไงณี”
เสียงเหี้ยมสีหน้าจริงจังถามซ้ำอีกครั้ง เมื่อดูจากสีหน้าของอีกฝ่ายไม่อยากเชื่อคำพูดเขานัก แต่เขาเรียกชื่อเล่นของหล่อนอย่างกับคนที่คุ้นเคยกันมานานแสนนานอดที่จะคิดว่ามันฟังแปลก ๆ ไม่ได้
“บ้าไม่บ้าไม่รู้ แต่ใครอนุญาติให้เรียกชื่อฉันไม่ทราบคะ”
คำต่อว่า รวมถึงคำถาม ทำเอาอาชาหน้าถอดสี อยากขำที่หล่อนกล้าต่อว่าเขา แต่ก็ขำไม่ออก
“ผมบ้ากว่านี้อีกนะ ไม่เชื่อจะลองดูไหมล่ะ”
บอกเสร็จ อาชาขยับโน้มตัวข้ามมายังเบาะที่มีคนปากกล้านั่งอยู่ ธาริณีเอียงตัวหลบ มือเรียวขยับเปิดประตู แต่ติดที่ประตูมันล็อค จึงได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ หน้าถอดสี หล่อนเจอเรื่องยิ่งกว่าบ้า จากเขามามากพอ ถึงตอนนี้เธอไม่กล้าเสี่ยง เมื่อสายตากลมโตมองพาดผ่านไปด้านนอกกระจก ผู้คนกำลังเดินผ่านไปมาให้ควัก เธออาย หากเขาไม่อาย
การหยุดชะงักของเธอ ทำให้เสียงทุ้มทำเสียง หึ! ขึ้นจมูกและนั้นทำให้ เธอต้องเก็บอารมร์เดือดดาลไว้ให้นานที่สุด
“เมื่อ กลัว ก็อย่ากล้ามันให้มาก หากคุณทำตัวน่ารัก ๆ ผมก็จะทำตัวดี น่ารักเช่นกัน”
เขาว่า โดยตัดสินใจเองทั้งหมด ตากลมโตเบิกกว้าง เหมือนถูกบังคับให้กินของขม นั้นความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาทั้งนั้น เธอไม่ได้ต้องการสักนิด!
เมื่อปะทะคารมพอหอมปากหอมคอ อาชาจึงลงจากรถก่อนและมุ่งตรงไปยังประตูรถด้านที่หญิงสาวนั่งอยู่ เพราะเขาเห็นอยู่แล้วว่า คนที่เอามาด้วยไม่คิดจะลงจากรถง่าย ๆ เมื่อหล่อนยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง แถมสายตากร้าวที่มองตาม เด็ดขาดจนเขาเองไม่มั่นใจ ว่าหล่อนจะดื้อได้ใจสักแค่ไหน เพราะเขาเองก็ใช่ย่อยเรื่องเอาแต่ใจ!
ดื้อมา ร้ายตอบกันละหว้า... เขาคิดอย่างหย่ามใจ
“ลงมาเลย ยัยตัวแสบ”
มือหนากระชากประตูเปิดออก พร้อมคำสั่ง ก่อนจะมุดร่างกายใหญ่โตเข้าไป โดยหญิงสาวเอียงตัวหลบฝ่ามือหนาที่ยื่นตรงมายังหล่อนในทันที ว่าแล้วมั้ยล่ะ
“ไม่เอา!ไม่ลง!” เสียงหวานแหลมบอกปัด อาชากัดฟันกรอด
‘เมื่อกี้ทำท่าจะลงหายไปจากรถ พองี้ไม่ลงอีก จะเอาไงกันแน่วะ!’
อาชาสบถหัวเสียในใจ แต่ก็ทำใจนิ่งไว้เขาไม่อยากให้นางตื่นตูมไปมากกว่านี้
“ลงมาดี ๆ เถอะ ผมขอร้อง”
เขากดเสียงต่ำพร้อมยื่นมือหนาเพื่อประคองให้เธอออกมาได้สะดวก แต่ธาริณีปัดมือพัลวัน แต่มีหรือเขาจะสน เพราะท่าทีของหล่อน กลับทำให้เข้ารู้สึกสนุก อย่างบอกไม่ถูก
“ลงมาเถอะ...”
ยิ้มทรงเสน่ห์ส่งให้อีกคนอย่างใจเย็น อาชากำลังขุดหลุมดักเหยื่อ เหมือนเช่นทุก ๆ ครั้งที่เขาเจอหญิงสาวถูกใจ แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยส่งยิ้มให้ เพราะแทนที่เขาส่งยิ้มให้หล่อน แล้วหล่อนจะยอมอ่อนระทวยยอมให้เขาได้ดึงตัวโอบกอดประคองออกมาจากรถด้วยกัน หากแต่เปล่าเลย มือเรียวกับตบตีฝ่ามือเขาแรงกว่าเก่า เหมือนว่าเขาจะเอาเชื้อโรคแพร่มาสู่หล่อนกระนั้น
“จะตีผมไปถึงไหน นั่งมาด้วยกันจนถึงที่หมายกลับมาเล่นตัวเอาตอนจบ” เขาพูดผ่านลอดไรฟัน
“ เดี๋ยวก็จับลากไปปล้ำเสียหรอก!” เขาขู่ ทีเล่นทีจริง
“คนบ้า ฉันไม่ได้ต้องการมากับคุณตั้งแต่แรกแล้ว อย่ามาพูดพล่อย ๆ หากต้องการมากนักก็ ไปหาเอาจากที่อื่นไป๊!”
ใบหน้าหวานแดงก่ำ ขยับหนีฝ่ามือหนาพร้อมตะโกนใส่หน้าหล่อเหลาไปพลาง ทั้งโกรธและอายสลับสับเปลี่ยนกัน ตอนนี้สมองเธอแยกแยะอะไรไม่ออกจริง ๆ เพราะสมองไม่ได้นึกคิดด้วยตนเอง กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นเลย เขาเป็นคนสั่งที่เธอยากจะปฏิเสธได้...
“ไม่ให้พูด! งั้นขอทำกับคุณ ไม่ดีกว่าหรือ”
ยิ้มยักคิ้วหลิ่วตาให้หญิงสาว โดยมือหนาพยายามจับแขนเรียวให้ได้
คนบ้า!... หล่อนก่นด่าในใจ ตอนนี้เธออยากจะมุดหายไปโผล่ที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่มีผู้ชายปากว่าตาขยิบแบบนี้
สุดท้ายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ก็โดนชายหนุ่มจับลากลงจากรถ ก่อนที่เสียงวี้ดว้ายจะดังตามมา เมื่อคนตัวโตที่ไวและแกร่งแข็งแรงอย่างม้าอาหรับชั้นดี จับร่างสมส่วนแบกขึ้นบ่า อย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาคนงานที่ได้เวลาเลิกงานเดินผ่านเข้ามาเห็นพอดี ต่างพากันหยุดมองสีหน้าแปลกใจไปตามๆ กัน
ตอนนี้เป็นเขาเองสินะที่ประจานการกระทำที่น่าอายให้คนงานได้เห็น... แต่คนมีเสน่ห์หรือจะให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นคนก้าวร้าว เลยตอบกลับออกไปอย่างอารมณ์ดีว่า
“แม่ม้าพยศน่ะ ฉันเลยจัดหนักซะหน่อย ไปไหนก็ไป ไม่ต้องสนใจเลย”
คนบนบ่า ตาเหลือกลาน อ้าปากค้างกับคำพูดของเขา จากที่คิดไปว่าคนพวกนี้จะทำให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำ แต่เปล่าเลย คนงานบางคนยิ้มขำกับคำบอกกล่าวของคนเป็นนาย บางคนที่ไม่รู้เรื่องก็เกาหัวแกรกๆ อย่างงง ๆ กับการสื่อสารด้วยความหมายแปลก ๆ นั้น แล้วเดินห่างออกไปเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่พวกตนอยากรู้เรื่องเจ้านายนัก
นี่เธอกำลังหลงมาอยู่กับคนบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือไง ให้ตายสิ! อยากกรีดร้องให้หายเจ็บใจ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะเขาคงประจานเธอให้คนพวกนั้นฟัง อีกแน่
แรงเหวี่ยงที่ชายหนุ่มเดินจ้ำอ้าว ทำเอาคนที่อยู่บนบ่าเกือบมึนเพราะแรงโน้มถ่วงเมื่ออยู่ผิดท่า เธอรู้สึกเจ็บจุกและปวดแปลบช่วงท้อง หญิงสาวถึงกับกัดเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง เพื่อกั้นความเจ็บหนึบเอาไว้
“นี่คือห้องของคุณ ห้องนี้บีเคยอยู่มาก่อน ตอนนี้ผมยกให้คุณใช้ตามสบาย เดี๋ยวผมจะโทร.หาบี ว่ามีอะไรพอให้คุณได้ใช้ไปก่อนบ้าง”
คนฝีปากกล้าเอ่ยบอก พร้อมค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม โดยคำพูดที่ใช้เรียกเริ่มเปลี่ยนไปจากที่เรียกก่อนหน้า มาพร้อมกับอาการวางอย่างเบามือ คนที่ถูกวางลงบนเตียง เมื่อเป็นอิสระก็กระเด้งขึ้นนั่งหน้าเหวอ
“...” ธาริณีมองคนหนุ่มสีหน้าแฝงไปด้วยความแปลกใจและสับสน เขากำลังทำให้เธองง...
แต่ก็เรียกสติกลับมาโดยเร็ว เพราะนี้มันเป็นห้องส่วนตัวลับตาผู้คน อาจเกิดอะไรขึ้นได้หากเธอไม่ระวังตัว แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่คุกคามทางสายตามายังหล่อนอีก จึงรู้สึกเบาใจขึ้น
“หวังว่าอยู่ได้นะ ยังไงผมจะไปตามพี่แววมาปัดกวาดห้องให้สักหน่อยเพราะห้องนี้ไม่มีเจ้าของมาหลายวันแล้ว” เขาบอกแต่ไม่ได้ทำตามที่ปากพูดทันที
“ผมจะออกไปดูคนงานที่โรงอาหารสักหน่อย คุณก็จัดการกับตัวเองไปก่อน ยังไงจะให้พี่แววเอาอาหารมาให้พร้อมกัน ถ้าหากมีเหลืออะนะ เพราะผมไม่ได้บอกไว้ว่าจะกลับวันนี้”
เขาบอก แม้จะไม่มั่นใจว่าจะเข้าหูหล่อนไปบ้างหรือเปล่า เพราะดูเหมือนหล่อนจะเข้าสู่โลกส่วนตัวอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาหาร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่
“นี่คุณ!”
เขาก้มใกล้ชิดหูขาว จนรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมชั้นดี จนเผลออดใจไม่ไหว สูดเขาไปเต็มปอด