แปลกถิ่น

1397 คำ
...ใช่ เขาออกไปคุยกับผู้หญิงที่ชื่อกันตา ตั้งนานสองนาน ดับเครื่องยนต์ ลืมเสียสนิทว่าหล่อนนอนอยู่ในรถ... “ไม่ทันแล้วละ”  เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ อาชาเหลือบมองคนพูด ที่จงใจเอ่ยยั่วต่อมอารมณ์โมโหเขา  “เชอะ! ไม่ทันก็ไม่เห็นจะแปลก มีเบอร์โทรซะอย่าง” เขาสะบัดหน้าไม่แคร์ เพราะตนเองได้แลกเบอร์กับสาวสวยอีกนางไว้เรียบร้อยแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากหากคิดติดต่ออีกคน ธาริณีกำหมัดเข้าหากันแน่น ลำคอตีบตัน กัดเม้มริมฝีปากเน้นจนรู้สึกเจ็บ  “หรือคะ” เธอเอ่ยประชดอีกทั้ง รู้สึกโมโหตัวเอง แค่ได้ยินคำพูดนั้น ก็ทำให้ใจเต้นแรงนี้หล่อนกำลังเป็นอะไรไป... ย้อนกลับมาถามตัวเองในใจ แต่ก็ยังหาคำตอบให้กระจ่างกับตัวเองไม่ได้ บอกได้แต่ว่ารู้สึกหมั่นไส้เขากับสาวงามคนนั้น “ผมจะแวะในตัวเมืองชุมพร คุณต้องการอะไรบ้างหรือปล่าว” อาชาเอ่ยถามเป็นงานเป็นการท่ามกลางความเงียบในระยะหลายชั่วโมงที่ผ่านมา หันมองสาวสวยนิดหนึ่งแต่อีกคนยังคงนิ่งเงียบ อาชาจำใจต้องเอ่ยรายละเอียดเพิ่มขึ้น “อย่างเช่นของใช้ แบบของผู้หญิง ๆ นะ คุณต้องการอะไรบ้างหรือปล่าว” น้ำเสียงนุ่มน่าฟัง เอียงหน้าถาม ไม่กระด้างยอกย้อนใส่อารมณ์เหมือนครั้งก่อน ๆ ใบหน้าหวานเอียงหลบรับรู้ถึงลมหายใจที่อีกคนเอียงหน้าเข้ามาใกล้ แม้สัมผัสลมหายใจอุ่นๆ แค่ฉิวเฉียดของเสี้ยววินาทีแต่นั่นมันทำให้ใจเธอเต้นระรัว เพ่งมองคนถาม “คุณต้องการอะไรกันแน่คุณอาชา ฉันไม่ได้คิดจะมาอยู่กับคุณเลยนะ ฉันจะกลับบ้าน!” “มาไกลจนถึงนี่แล้วไว้ค่อยกลับแล้วกัน” เขาตอบหน้าตาเฉย “คุณเอาฉันมาทำไม ฉันไม่เข้าใจ...นี่เข้าข่ายลักพาตัวนะ”  เธอบอกความต้องการ รู้สึกไม่ปลื้มคำบอกกล่าวของเขา เพราะคำถามนั้นเท่ากับว่า เธอต้องอยู่ที่นี่อีกนาน... “ขนาดนั้นเชียว” เขายักไหล่ “ก็แค่คนหวังดี ต้องการอะไรบอกมา จะได้แวะถูกที่” “ต้องการกลับบ้าน!” “...เรื่องจะกลับบ้านไม่เห็นต้องรีบ ยังไง เที่ยวให้เต็มอิ่มก่อน แล้วจากนั้นผมจะไปส่งคุณเอง จะไปจากไทยแล้วไม่ใช่หรือ”  อาชาเอ่ยน้ำเสียงปั้นปึ่งประชดอีกฝ่ายกรายๆกับสิ่งที่เขารับรู้มา ในใจไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น อยากรู้นักต่างประเทศนั้นมีอะไรดีกว่าบ้านเกิดของตัวเอง...แต่คำตอนท้ายของเขาเล่นเอาหญิงสาวมึน....แล้วมันเกี่ยวกับเขาตรงไหนนะถ้าหล่อนจะไปไหนมาไหน แล้วเขาไปเอาข้อมูลว่าหล่อนจะไปอยู่ต่างประเทศนี้จากใคร  เรื่องจะไปต่างประเทศนี่นะเหรอที่เขาเอาหล่อนพ่วงติดรถมาด้วย มันเพราะอะไรกัน? หล่อนต้องการคำตอบ...แล้วใครละจะตอบถ้าไม่ใช่ผู้ชายตัวโตคิ้วเข้มจมูกโด่งตาคมคนนี้  แม้เขาเองไปเรียนและอยู่เมืองนอกเสียนาน แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากจากบ้านเกิดไปอีก เมื่อคิดได้ว่าทุกอย่างที่ผ่านมามันแค่สิ่งฉาบฉวยที่สนองความต้องการส่วนหนึ่งของชีวิต หากแต่ปัจจุบันคืออนาคตที่ต้องวางผังชีวิตของตัวเองให้มั่นคง ครอบครัวที่พร้อมโอบอุ้มส่งกระแสความอบอุ่นที่มีมาจากแม่และพี่ชายพร้อมพี่สะใภ้ที่เริ่มแตกกิ่งก้านเพิ่มขึ้น และเขาต้องขยายให้กว้างใหญ่ขึ้นต่อไปหลังจากนี้... “เลือกชุดที่จำเป็นเถอะ อย่างน้อยก็ชุดใส่นอนคืนนี้ อะไรก็ได้ที่จะเปลี่ยนชุดนี้ออก” “ฉันรู้แล้ว...ใครละทำให้ยุ่งยากแบบนี้” “ไม่เห็นยุ่งยากอะไรเลย...ไปเลือกซื้อเถอะต้องการอะไรก็เลือกเอาเลย” หญิงสาวเดินผละไปจากเขา แต่ก็แค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้นเขาก็มายืนใกล้ ๆ แทนที่หล่อนจะเป็นคนเลือก กลายเป็นว่าเขาทั้งนั้นที่เลือกซื้อให้หยิบจับแล้วเอามาวัดตัวหล่อนจนคนขายยืนใกล้ ๆ แอบยิ้มน้อย ๆ เพราะกริยาที่แสดงออกเหมือนผู้ชายเป็นสามีแล้วเลือกซื้อหาชุดให้ภรรยาเองทุกอย่างแม้แต่ชุดชั้นใน หล่อนพยายามที่จะเลือกเองแต่ก็สู้เขาไม่ได้ เขาจัดการเองหมดอยู่ดี “เอาน่าที่ผมเลือกให้คุณใส่ได้พอดีแน่ และสวยด้วยเชื่อเถอะ” “คุณผู้ชายมีรสนิยมดีนะคะ” พนักงานขายพยายามเอาใจ “ภรรยาคุณใส่ชุดนี้สวยแน่นอนค่ะ” เธอยังพูดต่อธาริณีกำลังอ้าปากจะบอกแต่ก็ช้าไปกว่าเขาที่ตอบ “ภรรยาผมต้องชอบสิครับผมเป็นคนเลือกเองนี่ เธอต้องชอบ...ช่วยคิดเงินเลยครับ” “ได้ค่ะคุณผู้ชาย” เขาหอบข้าวของออกมาจากร้านเยอะแยะมากมายมาที่รถใส่ไว้ท้ายรถ แล้วหันมาดูว่าหญิงสาวขึ้นรถเรียบร้อยหรือยัง จากนั้นเขาก็เข้าประจำที่ “ไม่แวะที่ไหนแล้วนะผมจะพาคุณไปไร่กาแฟเลย” “ฉันมีสิทธิ์คัดค้านเหรอ” หล่อนประชด “ไม่มี รอฟังคำสั่งอย่างเดียวนั่นดีแล้ว” เขายิ้มอย่างพอใจ หล่อนรับฟังเงียบ ๆ เพราะมีแต่ความสงสัยในสมองตอนนี้เขาทำอย่างนี้กับหล่อนทำไม เพื่ออะไร…   “นี่หรือคะ ไร่กาแฟที่บีเคยมาอยู่”  เธอลดกระจกลงเมื่อรถแล่นเข้ามาในอาณาเขตที่บ่งบอกเจ้าของด้วยป้ายด้านหน้าขนาดใหญ่จนไม่ต้องถามซ้ำแสงอาทิตย์สาดส่องยามเย็นสะท้อนเงาไม้ที่ขึ้นเป็นทิวแถวดวงตากลมใสเบิกกว้างเหมือนตื่นตากับสิ่งที่เห็น จนลืมไปว่าตัวเองมาที่นี่แบบไม่ได้เต็มใจนัก ธาริณีเคยแค่ได้ยินเพื่อนรักบอกเล่าให้ฟังพอให้นึกภาพออกมาบ้าง    แต่เมื่อมาเจอของจริงมันร่มรื่นสบายตากับมวลต้นไม้เขียวขจีน่ามอง น่าหลงใหลไปอีกแบบ แม้บ้านพักจะไม่ใหญ่โตเท่าบ้านของเธอที่กรุงเทพฯ แต่บรรยากาศ ทำให้เธอพึงพอใจ กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยตามทิศทางลม จนเผลอสูดเข้าเต็มปอด มันชื่นใจ กลิ่นไอธรรมชาติอย่างนี้เอง.. อาการตื่นเต้นเหมือนไม่เคยพบของเจ้าหล่อน ทำให้ชายหนุ่มแอบยิ้มอย่างพอใจ ไม่ยักกะรู้ว่าหล่อนก็สนใจที่แบบนี้ด้วย... ยิ้มที่ไม่ได้เสแสร้งของหญิงสาวและเป็นยิ้มที่ปราศจากอารมณ์ขุ่นมัวใด ๆ ทำให้คนที่เห็นถึงกับหัวใจพองโตอย่างไม่น่าเชื่อ อาชาจอดรถของตนเองให้เข้าที่ จึงหันมาเอ่ยกับสาวสวยอย่างน่าหมั่นไส้ว่า “อย่าซนล่ะ เพราะผมร้ายกว่าพี่ชายผมเสียอีก และที่สำคัญอย่าก่อเรื่องให้ผมปวดหัว” คำบอกกล่าวกึ่งคำสั่งกลาย ๆ ของเขา บอกเหมือนว่าหล่อนรู้ดีว่าพี่ชายตนเองร้ายกับบีแค่ไหน และนั้นเท่ากับว่าเขาจะร้ายยิ่งกว่า... เหมือนสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์รวมตัวอยู่ใกล้ ๆ ธาริณีหุบยิ้มทันที เมื่อประโยคของอีกฝ่ายจบลง พร้อมกับหันขวับจ้องมองเขม็ง ไม่พอใจกับคำพูดชายหนุ่มที่ดูเด็ดขาดเหมือนหล่อนเป็นนักโทษเขาไม่ปาน เธอไม่ได้เป็นคนของใคร “คุณ!” สุนทรียภาพที่ไหลเข้ามาในความรู้สึกเมื่อครู่หายไปโดยปริยาย อารมณ์ขุ่นมัวเข้ามาแทนที่ “หึ... มีอะไรอีก” น้ำเสียงถามกลับหน้าตาย “มันจะมากไปหรือเปล่า” เธอชักสีหน้าฉุน  “ฉันไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่หรอกนะ เพราะคนอย่างฉันมีพ่อมีแม่ และมีงานที่ต้องทำ กรุณา... อย่า... ทำ... เหมือนฉันเป็นนักโทษของคุณ!”  ธาริณีเอ่ยเน้นเพื่อให้อีกคนเข้าใจในความต้องการ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองไปเสียแล้ว “อย่าคิดขัดคำสั่งผมธาริณี...” เป็นครั้งแรกที่อาชาเรียกชื่อหญิงสาว อย่างเป็นทางการ ให้เจ้าตัวฟังเป็นครั้งแรก “เพราะทันที ที่คุณทำให้ผมโกรธและไม่พอใจ ผมจะจัดการกับคุณขั้นเด็ดขาดทันที   ไม่เชื่อก็ลองดูว่าคนเถื่อนอย่างผมทำได้มากกว่าที่คิด” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม