ตอนที่ 2
คนใจร้าย
บนโต๊ะอาหาร ภาภิรมย์นั่งรับประทานอาหารเช้าเงียบๆ เพียงคนเดียว ตักข้าวต้มปลาของโปรดใส่ปากเรียวสวยไม่กี่คำก็วางช้อนเอาไว้ นัยน์ตาคู่งามเศร้านิดๆ แต่หญิงสาวพยายามกักเก็บความรู้สึกเอาไว้ มิให้ใครล่วงรู้
จากนั้นขยับร่างผุดลุกขึ้นยืน หมายจะขึ้นไปนอนพักเสียหน่อย เพราะรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างไรไม่รู้ แต่ทว่าเท้าบางที่กำลังจะก้าวเหยียบบันไดต้องชะงักค้าง เมื่อได้ยินเสียงของป้าแจ๋มแม่บ้านประจำ ที่วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบพร้อมในมือ ถือโทรศัพท์มาด้วย
“นายหญิงคะ นายหญิงหยุดก่อนค่ะ”
“ว่าอย่างไรคะ ป้าแจ๋ม”
“พอดีว่านายผู้ชายเธอต้องการเรียนสายกับนายหญิงน่ะค่ะ”
ภาภิรมย์ยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากแม่บ้านพร้อมส่งยิ้มหวานให้
“ขอบใจจ้ะ” สิ้นเสียงยกเจ้าเครื่องมือสื่อสารแนบหู แต่ไม่ทันที่ จะเอื้อนเอ่ยอะไร เสียงเข้มของผู้ถือสายรออย่างภาสกรดังแทรกเข้ามาหนึ่ง ชุดใหญ่
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ฉันโทรไปเป็นสิบสาย มัวแต่ไปนั่งอ่อยผู้ชาย คนไหนอยู่ฮะ!” ปากคอเราะร้ายกว่าสามีเธอไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ คนบ้าอะไรชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นอยู่เรื่อย ได้ยินแล้วน่าโมโหชะมัด! เรียวปากเล็กรูปกระจับสีชมพูใสได้แต่เม้มเป็นเส้นตรงมิยอมเอ่ยโต้ตอบ
ทำให้อีกคนที่รอฟังถึงกับฉุนเฉียวขึ้นมา พร้อมสาดวาจาห้วนกระด้างถามย้ำ
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง!”
พูดจบคนตัวใหญ่หายใจฟืดฟาด และถ้าอยู่ใกล้มือนะ พ่อจับ ‘ฟาดก้น’ เรียบร้อยแล้ว และเขาเพิ่งรู้วันนี้ล่ะว่า เขามีเมียเป็นคนใบ้ ถามอะไรออกไป แม่คุณเอาแต่นิ่งเงียบท่าเดียว
“ภาภิรมย์!” เอ่ยเรียกซ้ำ จนเจ้าของชื่อหน้าหงิกน้อยๆ จากนั้นเธอจึงค่อยขยับเรียวปากบางเอ่ยตอบกลับไปสั้นๆ
“ได้ยิน” น้ำเสียงห้วนสั้นที่ตอบกลับมา เล่นเอาอสูรร้ายตัวพ่อ ต้องสาดวาจากระแทกแดกดัน
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ ไปทำอะไร? ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน?” แม้นจะบอกว่ารังเกียจ ไม่ใส่ใจ ทว่าข้างในลึกๆ แล้วคนฟอร์มจัดก็เป็นห่วงภรรยาไม่น้อย ที่แม่คุณไม่ยอมรับโทรศัพท์ก็เกรงว่าจะไม่สบายหรือไม่ก็ล้ม หัวฟาดพื้นในห้องน้ำ เพราะเขาจำได้ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มันเกิดอะไรขึ้น! สำหรับ ‘ครั้งแรก’ ของผู้หญิงน่ะนะ ไม่เจ็บมากก็เจ็บน้อย และบางคนถึงกับป่วยต้องนอนซมหลายวันเชียวล่ะ
ด้านภาภิรมย์หญิงสาวได้ยินคำถามที่ส่งมา เธอเหนื่อยการที่จะตอบ ถ้าบอกว่าลืมไว้บนห้องแล้วลงมากินข้าว เขาคงเชื่อ! ในเมื่อที่ผ่านมาเขาเชื่อเธอตลอดนี่!!
“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาค่ะ” ตัดประเด็นด้วยการเปลี่ยนไปคุยอีกเรื่อง ปล่อยให้คนชอบคิดเองเออเองเข้าใจผิดไปอย่างนั้นล่ะดีแล้ว
“อย่ามาเบี่ยงประเด็น” กระแทกเสียงห้วน
“ไม่ได้เบี่ยงประเด็น คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาค่ะ ถ้าไม่มีภีมจะวางสาย”
ได้ยินเมียสาวเอ่ยดักทาง ภาสกรถึงกับครางจิ๊จ๊ะขัดใจในลำคอ เดี๋ยวเอาไว้มาถึงที่ทำงานมีเคลียร์กันยาวแน่! แม่เมียแต่งจอมดื้อ!
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ภาสกรจึงขยับกลีบปากหยักสีกุหลาบสดโต้สั่ง
“เอาสูทมาส่งฉันที่บริษัท ฉันจะใส่เข้าประชุมบ่ายนี้” เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากออกมาข้างนอก เขาก็ได้ไปพบอลิษาที่ผับแห่งหนึ่ง ดื่มกันนิดหน่อย แต่ไม่ได้มีอะไรเลยเถิด เพราะขณะที่นั่งอยู่กับอลิษา แต่หารู้ไหมว่าร่างกายเขา มันกลับเรียกร้องหาใครอีกคน จนน่าโมโห! โมโหที่ควบคุมตนเองไม่ได้!
และที่สำคัญเขาไม่ได้ไปค้างที่ห้องของอลิษา แต่เขากลับไปค้างอยู่คอนโดฯ ส่วนตัว ทำให้การมาทำงานในวันนี้มีเรื่องบกพร่องนิดๆ ลืมทั้งเอกสารที่ใช้ประชุม ไหนจะสูทนั่นอีก! เพราะปกติแล้วเขาจะมีแม่บ้านเตรียมไว้ให้ และหลังแต่งงานภาภิรมย์จะเป็นคนจัดการทุกอย่าง แต่วันนี้ เขาตื่นมาตัวคนเดียว ไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ ทุกอย่างจึงกลายเป็นดังที่เห็น...
“ละ แล้ว”
“ไม่มีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น อ้อ! แล้วก็อย่าลืมเอาเอกสารผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาด้วยล่ะ เพราะฉันจะใช้ประกอบการประชุมในวันนี้ และถ้าเธอไม่มา เจอดีแน่!” ไม่ได้ขู่หากแต่จะทำจริงๆ ก็ใครใช้ให้แม่คุณมาคอยรบกวนสมอง เขาก่อนล่ะ ช่วยไม่ได้!
และความจริงแล้วไอ้เอกสารและสูทนี่เขาขับรถกลับไปเอาเอง ที่บ้านก็ได้ แต่ไม่ไป! อยากจะใช้เมีย เพราะมีเมียก็ต้องใช้ให้คุ้ม ไม่เช่นนั้นจะมีเมียไว้ทำหอกอะไรล่ะ!
ทางด้านภาภิรมย์เมื่อรับทราบธุระทั้งหมดแล้ว กดตัดสายทันที ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับอารมณ์เสียขึ้นมาทันควัน! นับวันแม่เมียแต่งคนนี้ยิ่งปีกกล้าขาแข็ง เดี๋ยวพ่อจับเด็ดปีกหักขาเสียเลยนี่!
มีหน้ามาตัดสายใส่เขาอีก! ฮึ่ม! มาถึงเมื่อไรนะเดี๋ยวพ่อลงโทษ ให้เข็ดขยาดไปเลย!
ทันทีที่วอลโว่สีดำมันปลาบจอดเทียบหน้าบริษัท ตันติดำรง จำกัด ภาภิรมย์รีบก้าวขาลงจากรถแล้วตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องผู้บริหารโดยเร็ว และไม่ต้องเอ่ยปากถามพนักงานให้เสียเวลาด้วย เพราะเธอจำได้แม่นว่า ห้องทำงานของเขาอยู่ส่วนใด เพราะครั้งแรกที่เจอะเจอกัน ก็เจออยู่หน้าห้องทำงานนี่ล่ะ!
ย้อนไปเมื่อหกปีก่อน...
“วะ ว้าย”
“ยายเด็กบ้า ซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้า ตาเรือ” เสียงเข้มห้วนของทายาท ตันติดำรงต่อว่าเด็กสาววัยสิบหกขวบ เมื่อแม่คุณเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ หนำซ้ำยังกะโปโล หน้าตาเฉิ่มเชย แถมแต่งตัวไร้สไตล์ ที่สำคัญใส่แว่นกรอบหนาเตอะ! บอกเลยว่าเขาเกลียดคนใส่แว่นที่สุด เพราะมองดูอย่างไรก็ไม่ต่างจากป้าแก่ๆ คนหนึ่ง เห็นแล้วไม่เจริญหูเจริญตาโคตรๆ
“ภะ ภีมขอโทษค่ะ” สิ้นเสียงสะสั่น ใบหน้างามเงยขึ้นมองสบตา ครั้งแรกที่เห็นหน้าหัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำ อาการปวดแน่นหน้าอกรวดร้าวมาถึงลำคอมันมาแต่ไหนกันนะ? หญิงสาวนึกหาสาเหตุแต่ก็มิทราบได้ พร้อมกันเด็กสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
เรียวปากบางกระจับเม้มเป็นเส้นตรงเผยอออกน้อยๆ แล้วเปล่งเสียงครางผะแผ่ว
“พะ พี่ภาส”
ภาภิรมย์เคยเจอผู้ชายตรงหน้าบ่อยครั้งก็ที่หน้าจอทีวี เพราะเขา มีข่าวกับบรรดานางแบบไม่เว้นแต่ละวัน ทว่าเจอตัวเป็นๆ นี่ไม่เคยเลยสักครั้ง จะคราแรกก็ในวันนี้ล่ะ วันที่เธอเดินชนพร้อมกับทำไอศกรีมในมือหกใส่เสื้อ ตัวนอกของเขานี่ล่ะ แล้วเธอจะทำอย่างไรดีคราวนี้ จะทำอย่างไรให้เขาประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ…
เด็กสาวตัวเล็กเดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า เอาผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าอ่อนออกมา ยกขึ้นหมายจะซับคราบไอศกรีมที่เลอะ ติดเสื้อออกให้ ทว่า…
“ไม่ต้องมายุ่ง!” พูดจบผลักเด็กสาวออกห่าง ภาภิรมย์ถึงกับเซถลา แต่ทว่าโชคดีที่เลขาส่วนตัวของเขาช่วยพยุงไว้ทัน จากนั้น ‘ผู้ชายในฝัน’ ของเธอก็เดินออกไป
แม้นเขาจะหยิ่งยโสเช่นไร จะใจร้ายขนาดไหน แต่เธอไม่มีวันลืมเขา ได้ลง หนีไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา เจอผู้คนก็มากมาย แต่ยังมิวายคิดถึงคนที่อยู่เมืองไทย คนที่ใจเฝ้าถามหาและรักเสมอมา รักไม่เคยลืม...
ปัจจุบันทุกอย่างสมใจปรารถนา เธอได้เป็นภรรยาเขา แม้นพี่ภาสของเธอจะรังเกียจเหยียดหยามแต่เธอโกรธเขาไม่ลงสักครั้งเดียว และสาวน้อย ยังแอบหวังเล็กๆ ในใจ ว่าสักวันหนึ่งเขาจะเห็นค่าความรักที่เธอมีให้...
ศีรษะทุยสวยส่ายสะบัดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะยกมือเรียวเล็ก ขึ้นเคาะประตูหน้าห้องเป็นเชิงอนุญาต
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
ผลักประตูเปิดเข้าไป ภาพแรกที่เห็นเหมือนกับสตาฟหญิงสาวเอาไว้กับที่ แข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ขยับก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
ชายหญิงกำลังเคล้าเคลียกันอย่างไม่ละอาย ฝ่ายชายซุกหน้าเข้ากับทรวงอกอวบหยุ่น ในขณะอีกคนแอ่นหยัดขึ้นสู้ สะโพกมหึมาส่ายเย้ายั่ว บนหน้าตักกว้าง เธอจะไม่เจ็บจี๊ดกระดองใจสักนิด ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่ภาส ผู้เป็นสามี!
กว่าสามสิบวินาที หญิงสาวถึงตั้งสติได้ จากนั้นกระแอมไอเสียงดัง ให้ทั้งสองคนรู้สึกตัว
“อะ แฮ่ม!”
ภาสกรที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับเจ้าแตงโมผลใหญ่ถึงกับครางจิ๊จ๊ะขัดใจ ก่อนจะชะโงกหน้าละจากอกอวบหยุ่นของคนที่นั่งเกยตักอย่างอลิษา พลันทอดนัยน์ตาคมมองมายังเมียสาวคนสวยที่ยืนใบหน้าเรียบนิ่ง ในมือถือเสื้อสูทพร้อมมืออีกข้างหอบแฟ้มเอกสารปึ้กใหญ่ตามที่เขาสั่ง
ภาสกรปราดสายตามอง แล้วกระตุกปากหยักเอื้อนเอ่ย
“มาถึงเร็วดีนี่!”
ได้ยินคำทักทายแล้ว ภาภิรมย์ไม่ชอบใจสุดๆ แต่พยายามเก็บอารมณ์ความรู้สึกกลั้นเอาไว้ แล้วเดินไปยังมุมห้องพร้อมขยับปากเอ่ยบอก
“ภีมวางสูทและแฟ้มเอกสารไว้ตรงนี้นะคะ ถ้าหมดธุระแล้วภีมขอตัว” น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายติดกระแทกกระทั้นภาสกรได้ยินแล้วตีหน้าบึ้งตึง แล้วจึงกระตุกปากเป็นเชิงออกคำสั่ง
“พอดีว่าฉันหิวกาแฟขึ้นมาสิ!” ภาภิรมย์มองสบตาแล้วอดนึกโมโหมิได้ หิวกาแฟแต่มานั่ง กิน ‘นมสด’ จากแม่สาวปากแดงเนี่ยนะ! หึ! น่าเชื่อตายล่ะ! อยากแกล้งเธอมากกว่าน่ะสิไม่ว่า!
“มาบอกภีมทำไมคะ” วาจายอกย้อนของภรรยาสาวทำเอาสามี จอมเจ้าอารมณ์อย่างภาสกรต้องหน้าเครียดเขม็ง
“มันหน้าที่เธอไม่ใช่เหรอ”
“หน้าที่?” ภาภิรมย์ถามทวนพาซื่อ ภาสกรเห็นแล้วมันเขี้ยวนัก!
“หาอาหารเช้าให้ฉันกินไง”
หญิงสาวอยากตอบกลับไปนักว่า อาหารเช้าเขาก็เคล้าอยู่นั่นไง พ่อคุณยังอยากจะกินอะไรอีก!
แล้วยิ่งเห็นอาการออเซาะออดอ้อนของแม่ปากแดงนั่นแล้ว อดโมโหมิได้ ผู้หญิงบ้าอะไรยางอายไม่มี ขนาดภรรยาเป็นตัวเป็นตนเขายืนอยู่ แม่คุณยังไม่ยอมลงจากตักกว้างแกร่งนั่น หนำซ้ำยังแสร้งเบียดหน้าอกซิลิโคนเอาใจ
ทางด้านภาสกรเห็นเมียสาวมองหน้าและไม่ยอมขยับท่อนขาออกไปเสียที จึงพ่นเสียงเข้มสั่งอีกครั้ง
“จะยืนบื้ออีกนานไหมฮะ ออกไปเอากาแฟมาให้ฉันสักทีสิ!”
ภาภิรมย์ตวัดสายตามองสามีแวบหนึ่ง แล้วหมุนร่างเดินกระแทกเท้าออกไป ในใจอดก่นด่ามิได้
‘ผู้ชายใจร้าย บอกให้เราเอาเอกสาร เอาสูทมาให้ บอกว่าจะมีประชุม น่าเชื่อตายล่ะ! อุตส่าห์รีบร้อนเอามาให้ แต่ไฉนยังเกลือกกลั้วกับสตรีปากแดง นมโตนั่น! แถมยังมีหน้ามาใช้เราหากาแฟให้ดื่มอีก หึ!’
ภาสกรทอดสายตามองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกไปนอกห้อง แล้วยกมุมปากหยักแสยะยิ้ม เมื่อเห็นเมียแต่งคนสวยพึงมีอาการกระฟัดกระเฟียด
ส่วนอลิษาที่เป็นใบ้ชั่วขณะ ก็รีบหันมาพะเน้าเอาใจ
“ภาสขา ภาสหิวกาแฟทำไมไม่บอกแอนนี่คะ แอนนี่จะได้ไปหามาให้” จีบปากจีบคอพูด ภาสกรได้ยินแล้วถอนหายใจยาวพรืด... จากนั้นจึงโน้มหน้าก้มลงกระซาบให้ได้ยินเพียงสองคน
“แอนนี่อยู่กับผมนี่ล่ะดีแล้ว เดินบ่อยเดี๋ยวจะเมื่อยเท้าเอานะครับ” ตอบเอาใจ ทำให้อลิษาแอบสมน้ำหน้าใครบางคน
“แล้วแม่นั่น! เออ”
“มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้วครับ ว่าแต่แอนนี่ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมสั่งให้เขาเอาขึ้นมาให้พร้อมกันเลย” ภาสกรถามเอาใจ
อลิษาได้ยินเช่นนั้นยื่นปากสีแดงจัดสัมผัสเหนือปากหยักแล้วกระซาบเสียงเซ็กซี่
“แอนนี่ ต้องการคุณค่ะ” สาวเจ้าเอ่ยอย่างเปิดเผย แต่ไม่ทันที่ภาสกร จะสรรคำมาเจรจา เสียงประตูหน้าห้องพลันเปิดดังผลัวะเข้ามา ทำเอาอลิษา ชักสีหน้าและอารมณ์เสียสุดๆ เธอล่ะหมั่นไส้แม่หน้าซื่อคนนี้ยิ่งนัก!
‘อย่าคิดว่าเป็นเมียภาสแล้วฉันจะกลัวนะยะ’ นางร้ายตัวแม่เคืองแค้นในใจ และถ้าเป็นไปได้เธออยากจะกำจัดแม่นี่ออกไปให้พ้นในเร็ววัน!
ภาภิรมย์ไม่สนใจทั้งสองคน เท้าเรียวเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะชุดมุมห้อง หมายจะวางกาแฟและขนมเค้กไว้ ทว่าเสียงเข้มคุ้นหูของผู้เป็นสามีกลับเอ่ยสั่ง
“เอามานี่” ตวัดสายตาคมสั่งสำทับอีกดอก ภาภิรมย์มองซ้ายขวาเลิ่กลั่กไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี จะให้เธอเดินเอากาแฟเข้าไปให้ แต่ไฉนเขายังนั่งเกี้ยวพาราสีกับแม่ปากแดงนั่นอยู่ล่ะ
“เออ” สีหน้าลังเลกอรปกับภาวะการณ์ตัดสินใจไม่ได้ ทำให้ภาสกรต้องเอ่ยเสียงเข้มสั่งย้ำอีกครั้ง
“ฉันสั่งให้เอามา! ภาภิรมย์!!”
หญิงสาวยอมเดินเข้าไปหาแต่โดยดี ทว่าไม่ทันที่ภาสกรจะยื่นมือหนาออกไปหยิบเอา เสียงกรี๊ดร้องดังลั่นของอลิษาพลันดังก้องทั่วห้องกว้าง…
“กรี๊ดดด!”
กระโดดลงจากตักแกร่ง พร้อมกับยืนเต้นเร่าๆ เหมือนเจ้าเข้าทรงอย่างไรอย่างนั้น ภาภิรมย์มองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทว่าภายในรู้สึกสะใจอยู่ ไม่น้อย
“เวรเอ๊ย!”
น้ำกาแฟร้อนๆ เลอะเต็มชุดสวยของอลิษา และยังมีบางส่วนกระเซ็นใส่ภาสกร ซึ่งชายหนุ่มเองก็โกรธขึ้งขึ้นมาทันตาเห็น ใบหน้าคมดุกระด้างพร้อมสั่งเมียสาวเสียงเข้ม
“จะนิ่งอยู่ทำไม ไปเอาผ้ามาเช็ดให้แอนนี่เขาสิ!” อลิษาไม่หนีห่าง ร่างสูง ซ้ำยังทำเสียงกระซิกกระซี้ให้ชวนสงสาร ภาภิรมย์ได้ยินแล้วโมโหนัก!
‘จงใจแกล้งเรา แต่พลาดโดนตนเอง หึ!’ ภาภิรมย์ชักสีหน้าใส่พร้อม อ้าปากพ่นคำปฏิเสธอย่างคล่องแคล่ว
“ไม่!” ภาสกรได้ยินแล้วโมโหเมียจอมดื้อสุดๆ
“ฉันสั่งว่าให้เอาผ้ามาเช็ด!”
“แต่ภีมไม่ใช่คนใช้ ทำไมต้องทำด้วย” คำพูดที่ออกมาจากเรียวปากสวย ทำให้ภาสกรโมโห เมื่อเขากลายเป็นคนสั่งเมียไม่ได้ ชายหนุ่มรู้ว่าใครผิด แต่ยังอยากสั่งสอนแม่ตัวดี!
“ก็เธอทำกาแฟหกใส่แอนนี่” แสร้งหลับหูหลับตาพูด ทำเอาอีกคน นึกน้อยใจ ก้อนกลมแข็งวิ่งจุกกลางลำคอ กลั้นใจแล้วกลั้นใจอีก แล้วจึงขยับปากเค้นเสียงหวานเปล่งวาจาโต้ตอบ
“ภีมไม่ได้ทำ!”
“ภาภิรมย์!” ตะคอกเสียงห้วน อลิษาได้ยินแล้วแอบยิ้มสะใจ จากนั้นจึงเอ่ยกระเซ้าออดอ้อน
“ภาสขา...ภาสต้องจัดการแม่นั่นให้แอนนี่นะคะ ภาสขา”
ภาภิรมย์มองสามีและแม่สาวปากแดง ก่อนจะหมุนร่างเดินออกไป ทว่าต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้
“จะไปไหนฮะ”
“เรื่องของภีม! ปล่อย!” สะบัดแขนออกจากมือแกร่งแรงๆ
ภาสกรมองหน้าเมียสาวอย่างโกรธสุดกู่ นัยน์ตาดุดันจนดูหน้า หวั่นกลัว ทว่าภาภิรมย์ไม่ได้สนใจ ส่วนอลิษาอ้อนออเซาะไม่หยุดหย่อน ภาภิรมย์เห็นแล้วหมั่นไส้สุดๆ
“ภาสต้องจัดการให้แอนนี่นะคะ ภาสขา...”
ภาสกรเงียบนิ่งไม่พูด ชายหนุ่มปลีกกายไปยังมุมห้อง กดน้ำอุ่นระคนร้อนใส่แก้วเซรามิคแล้วเดินออกมาหาผู้หญิงสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ภาภิรมย์มองหน้าสามี ในขณะที่อลิษาแสยะยิ้มพลางเบ้ปากใส่มารหัวใจ
“ฉันให้โอกาสเธอภาภิรมย์ ขอโทษแอนนี่ซะ”
“ฉันไม่ผิด ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
“ขอโทษแอนนี่เดี๋ยวนี้!”
“ไม่!”
“ดี! ในเมื่อมันขอโทษยากเย็นนัก! ฉันก็จะเป็นคนคืนความเจ็บปวด ให้เธอเองภาภิรมย์!” สิ้นเสียงห้วนห้าวกระด้าง ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะทำอะไร อลิษาแกล้งเอียงกายเข้าหาชายหนุ่ม
“ว้ายยย! ภาสขา” แม่คุณปัดแก้วในมือชายหนุ่มให้หลุดกระเด็นไปทางภาภิรมย์ และไม่ทันที่อีกคนจะพึงระวัง ทำให้น้ำที่กดมาเมื่อสักครู่ สาดใส่ท่อนแขนเรียวเล็กเต็มๆ
ซ่า! เพล้ง!
“โอ้ยยย!” ภาภิรมย์หน้าเบ้บิดพร้อมกับร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด มือเรียวเล็กอีกข้างยกขึ้นมากุมส่วนที่เจ็บเอาไว้ตามสัญชาตญาณ อลิษาเห็นอาการของศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งแล้วโคตรสะใจ
ส่วนภาสกรเห็นอาการเมียสาวถึงกับหัวใจกระตุก แรงบีบรัดเหนืออกด้านซ้ายมัดแน่นเข้าๆ
ภาภิรมย์มองหน้าสามีสลับกับยอดหน้าคู่ขาของเขาอย่างแม่สาว ปากแดงด้วยความเจ็บร้าวกระดองใจ และคราวนี้ไม่ยักได้ยินเขาปริปากต่อว่าแม่นั่นสักคำ! ไม่ได้ยินเขาสั่งแม่นั่นขอโทษเธอ เหมือนกับที่เขาสั่งให้เธอขอโทษแม่นั่นเมื่อตอนก่อนหน้า! ความยุติธรรมไม่มีในโลก! เรียวปากบางสกัดกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นร่ำไห้หลุดลอดออกมา นัยน์ตาคู่งามที่ทอดมองสามีหนุ่ม เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสและไม่มีคำพูดใดๆ เอื้อนเอ่ย
ถ้าเขาไม่ไปกดน้ำร้อนมา เหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่เกิด ภาภิรมย์โกรธเคืองสามีสุดๆ เมื่อครั้นมองหน้าอสูรร้ายจนพึงพอใจ ภาภิรมย์รีบวิ่งออกไปจากห้องเวรนรกของเขาทันที ทางด้านภาสกรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเมียที่โดนผู้หญิงอื่นทำร้ายต่อหน้าต่อตา แล้วก็อดโทษตนเองไม่ได้ที่สาเหตุบางส่วนก็มาจากเขา
“โธ่โว้ยยย!”
ส่วนอลิษาหลังจากสมน้ำหน้าภาภิรมย์ทางสายตาเรียบร้อยแล้ว แม่คุณรีบจ้อเอาใจฝ่ายชาย
“ภะ ภาส แอนนี่ขอโทษนะคะ คือแอนนี่ไม่ได้ตั้งใจนะคะ แอนนี่”
“คุณไม่ผิดหรอกแอนนี่!” เค้นเสียงห้วนเอ่ยบอก
“แต่ภะ ภาสคะ” พยายามจะเอาใจ ทว่า...
“ผมอยากอยู่คนเดียว!”
“แต่แอนนี่”
“กลับไปซะ!”
“ภะ ภาส” เรียกชื่อชายหนุ่มอย่างตกใจ ไม่คิดว่าภาสกรของเธอ จะเป็นเช่นนี้ จากที่ไม่เคยขับไล่ไสส่งแต่ทำไมวันนี้เขาถึง...
“ไปให้พ้น!”
ภาสกรไม่ทนรอและเป็นเขาเสียเองที่เดินออกมานอกห้อง และตรงไปยังมุมส่วนตัว! ด้านอลิษาไม่กล้ายุ่งกับเขามากนักในเวลาเช่นนี้ เพราะเธอเองก็รู้ว่าว่าผิดเต็มๆ แต่ผิดแล้วได้ทำให้ศัตรูหัวใจเจ็บปวดเธอก็โคตรสาสม จากนั้นหญิงสาวจึงรีบเก็บของและเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อกลับคอนโดฯ