ตอนที่ 3
อสูรดูแลเมีย
ระยะเวลาร่วมแปดชั่วโมงที่เข้าร่วมประชุมภาสกรแทบจะขาดใจตาย และนับว่าเป็นการประชุมที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะหุ้นรายใหญ่ ไม่ยอมลงตัว ก็เงินนั่นแหละคือ ‘ตัวสำคัญ’ ทุกคนล้วนเห็นแต่ประโยชน์ ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม จนภาสกรต้องยื่นคำขาดและสาดอารมณ์โกธาลงไป การประชุมยาวนานถึงได้ข้อยุติ
ร่างสูงแทบวิ่งถลนออกมาจากห้องประชุม พร้อมมือหนาล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อมากดดู ปรากฏว่ามีสายไม่ได้รับนับสิบสายและ เป็นเบอร์โทรศัพท์จากบ้าน แน่นอนว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้น!
ภาสกรรีบโทรถามป้าแจ๋มผู้เป็นแม่บ้านและได้ความว่า นายหญิงของเธอนั้นกักตนเองอยู่ในห้องนอนตั้งแต่เที่ยง ไม่ยอมลงมาข้างล่าง ภาสกร ร้อนรนใจสั่งให้แม่บ้านขึ้นไปดู แต่ปรากฏว่าห้องล็อก ทำให้ผู้บริหารหนุ่มต้องสั่งเลขายกเลิกนัดกับลูกค้า แล้วเขาก็เอาเวลาที่เหลือไปดูแลเมียสาว
ความรู้สึกผิดเมื่อตอนกลางวันที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ภาสกรมีอาการทุรนทุราย และไม่นึกว่าทุกอย่างมันจะตาลปัตรเช่นนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ครั้นจะกลับไปแก้ไขคงไม่ได้
สปอร์ตหรูราคาหลายสิบล้านตีวงกว้างมาจอดหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ และเจ้าของร่างสูงใช้เวลาในการเดินทางมา ณ ตรงนี้เพียงสิบนาที
จากนั้นรีบสืบเท้าเข้าไปข้างในบ้าน ระหว่างเดินสวนกับป้าแจ๋ม ภาสกรไม่ลืมสั่งป้าแกทำข้าวต้มอุ่นๆ ให้หนึ่งชาม
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับ ภาสกรไม่รอช้ารีบใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป เห็นภาพเมียสาวนอนห่มผ้าคลุมตั้งแต่เท้าจนจรดปลายคางมน
ศักดิ์ศรีที่มันถ่วงบ่า วันนี้ปลดระวางทิ้งเอาไว้ข้างหลัง...
เดินมายังเตียงกว้างแล้วยอบย่อร่างสูงลงนั่งข้างๆ พลางขยับปากเอ่ยเรียกคนที่กำลังนอนปากซีดตัวสั่น
“ภาภิรมย์…” ภาสกรโน้มกายเข้าใกล้ รับรู้ได้ถึงอายร้อนผ่าวจาก ร่างบาง มือหนาเลื่อนอังหน้าผากนูนสวยแล้วต้องรีบชักกลับราวต้องของร้อน
“เวรชิบ!” ชายหนุ่มหันซ้ายแลขวาไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาต้องสงบสติอารมณ์ถึงหนึ่งนาที จากนั้นตะปบมือที่ไหล่กลมมนแล้วเขย่าเบาๆ พอให้ หญิงสาวรู้สึกตัว
“ภาภิรมย์ ตื่นสิ!” แรงเขย่าจากคนตัวโตทำให้คนจับไข้รู้สึกรวดร้าว ไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทั้งยังต้องแหกตาตื่นจากห้วงนิทรารมย์ เปลือกตาคู่งามปรือมองแล้วเอ่ยครางเรียกสามีเสียงแผ่ว
“คะ คุณ”
ก๊อกๆ
ผลัวะ!
ป้าแจ๋มนั้นเอง... ร่างอวบตามวัยยกข้าวต้มอุ่นๆ กลิ่นหอมฉุนวางไว้โต๊ะข้างเตียง
“ขอผ้าชุบน้ำ แล้วก็ยาแก้ปวดมาให้ผมด้วยครับป้า” เสียงเข้มของภาสกรเอ่ยสั่ง
“ค่ะ” รับคำแล้วเดินออกไป
ส่วนภาภิรมย์นอกจากจะรู้สึกรวดร้าวไปทั่วแล้ว ยังวิงเวียนศีรษะ ราวกับโลกทั้งใบมาหมุนรอบอย่างไรอย่างนั้น แต่ยังพอมีเรี่ยวแรงจะร้องห้าม เมื่อพ่อคนห่ามปล้ำถอดเสื้อผ้าออกจากกายเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หยุดนะ” ภาสกรได้ยินเสียงห้วนแหวสั่งแล้วรำคาญนัก! เด็กบ้า ดื้ออย่างเดียวไม่พอ แถมยังอวดเก่งด้วย!
“จะตายแล้วยังอวดเก่งอีก” ได้ยินคำเราะร้ายบาดหู ภาภิรมย์ อดน้อยใจมิได้ จะมีสักครั้งไหมที่เขาจะพูดจาดีๆ และทำดีกับเธอ...
“ภีมไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ ภีมยังเป็น ‘ตัว’ ให้พี่ภาส ‘รังเกียจ’ อีกนาน” จ้องหน้ามองอสูรใจร้าย ที่เมื่อกลางวันผ่านมาแม่คู่ขาของเขาแกล้งทำเป็นอุบัติเหตุแล้วให้น้ำร้อนกระเด็นโดนแขนเธอ และสามีใจร้ายของเธอก็ไม่ปริปากเอ่ยวลีใดๆ ออกมา เขาไม่ปกป้องเธอแม้แต่คำเดียว น่าเจ็บกระดองใจยิ่งนัก! นึกย้อนกลับไปทีไรน้ำตาจะไหลเอาซะดื้อๆ
“ปากดีเหลือเกินนะแม่คุณ ป่วยจนตัวร้อนเป็นไฟขนาดนี้แล้วยังทำปากเก่งไม่เลิก” ปากบ่นแต่มือหนายังปล้ำถอดเสื้อผ้าออกจากกายบาง จวนตอนนี้เหลือเพียงซับในชิ้นบนและล่าง ภาภิรมย์หน้าร้อนผะผ่าว พร้อมเรียวปากสวยเผยอพ่นเสียงหวานโต้ตอบ
“ปากภีมไม่ได้ ปะ ป่วย อื้อ...” กลีบปากหยักเลื่อนทาบทับเรียว ปากสวย เสียงหวานกลืนถูกดูดหายลงลำคอมีแค่เสียงครางอื้ออือ…
ลิ้นร้อนร้ายตวัดชิมโพรงปากหวานทั่วทั้งอณู รสหวานแบบนี้ล่ะ ที่ร่างกายเขาโหยหา... ในขณะเดียวกันมือหนารั้งใบหน้างามให้เชิดรับจุมพิตรสหวามหวานได้อย่างถนัดถนี่ ภาภิรมย์พยายามแล้วว่าจะไม่เตลิดตาม แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่คนมีเชิงชั้น
กำปั้นน้อยคอยทุบระรัวบนอกกว้างกระด้าง ทว่าคนห่ามไม่ใส่ใจ ซ้ำยังลงโทษคนดื้อด้วยการใช้ฟันซี่คมเม้มเรียวลิ้นเล็ก และเลาะเล็มจนหน่ายหนำใจ ซ้ำเจ้ามือซุกซนยังเตลิดเลยเถิดมาถึงหน้าท้องแบนราบแวะเวียนลูบสัมผัสจนสาวเจ้าสะดุ้งตื่นตกใจกลัว และรีบกระถดร่างบางถอยหนี ในขณะเดียวกันป้าแจ๋มที่ไปหายาพร้อมผ้าชุบน้ำขึ้นมาให้ เดินเข้ามา แต่ต้องชะงักฝีเท้าพร้อมเผลออุทานเสียงดัง
“อะ เออ นายคะ เอ่อ” คนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน รู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอย่างไร เธอรีบนำกะละมังไปวางไว้ข้างๆ พร้อมวางยาเอาไว้ ใกล้ชามข้าวต้ม และไม่ทันจะเอี้ยวร่างหันกลับ เสียงเข้มพลันเอ่ยสั่งทันที
“เอาไว้นั่นแหละ แล้วป้าก็ออกไปได้แล้วครับ” คำพูดพร้อมกิริยา บึ้งตึงของเขา ทำให้ป้าแจ๋มต้องรีบเนรเทศตนเองออกไปนอกห้องให้เร็วที่สุด
“ค่ะ”
เมื่อลับหลังป้าแจ๋มแล้ว ภาสกรหันมาปั้นผ้าที่ชุบน้ำให้หมาดๆ เพื่อเช็ดตัวคนไม่สบาย
“อ๊ะ” คนตัวร้อนดังไฟร้องตกใจ เมื่อสัมผัสกับความเย็นจากผ้าชุ่มน้ำซ้ำแม่คุณยังออกลายพยศดีดดิ้นจนคนใจร้อนอารมณ์ร้ายต้องตวาด
“จะดีดดิ้นให้มันได้อะไรขึ้นมาฮะ อยู่นิ่งๆ”
“ภีมเช็ดเองได้ค่ะ” ยื้อแย่งผ้าขนหนูผืนสีขาวสะอาดมาไว้กับตนเอง ทว่ากลับคนตัวใหญ่ไม่ยอม หนำซ้ำยังตวาดเสียงห้วนดังก้อง!
“ถ้าเธอเช็ดเอง พรุ่งนี้ล่ะมั้งถึงจะเสร็จ อยู่นิ่งๆ” มือใหญ่ซับผ้าชุ่มตามเรือนร่างอรชรและอดก่นด่าตนเองในใจมิได้
ครั้นตามร่างกายขาวผ่องมีรอยช้ำประปราย และโดยเฉพาะ เนินเจ้าบัวตูมคู่แฝดนั่น! ทั้งรอย เม้ม ขบกัด เต็มไปหมด เมื่อคืนที่ผ่านมาเขา ลงมือกับเธอรุนแรงขนาดนี้เชียวเหรอ...
ทางด้านภาภิรมย์เมื่อหลุบตามองตามที่เขาจดจ้อง สาวเจ้าถึงกับ อ้าปากกว้างแล้วรีบตะครุบผ้าห่มผืนใหญ่มาปกปิดส่วนอร้าอร่ามเอาไว้ ภาสกรเห็นอากัปกิริยาแม่คุณแล้วครางขัดใจ พลันกระแทกเสียงห้วนจัดสาดใส่
“จะอายทำไม มากกว่านี้ก็ ‘เคย’ มาแล้ว” ใบหน้างามร้อนผะผ่าว เมื่อสมองเจ้ากรรมมันดันไปนึกตามที่เขาพูด และในขณะที่เธอเผลอไผลอยู่นั่น!มือหนาใหญ่พลันฉุดกระชากผ้าห่มที่เกะกะตาออกไปให้พ้นทาง และซับผ้าชุ่มเช็ดตามลำคอไล้มาถึงหน้าอกอวบอิ่ม ที่มันผลุบโผล่พ้นขอบบราเซียร์ตัวบาง ภาภิรมย์ถึงกับหน้าแดงแจ๋ จะว่าแดงเพราะพิษไข้ก็ใช่! แต่ทว่าอีกส่วนก็มาจาก ความอายนี่แหละ!
“ภะ ภีม ทำเองได้ค่ะ”
“อยู่นิ่งๆ เถอะน่า หรือว่าอยากให้ฉัน ‘ทำ’ มากกว่านี้ฮะ” นัยน์ตาคมสีสนิมกล้าเปลี่ยนเป็นแพรวพราวทอดมอง ทำเอาหญิงสาวตะกุกตะกัก ใจดวงน้อยพลันเต้นระรัว
“ไม่ใช่นะคะ คือว่า” ไม่แค่พูดหากแต่ไม่ยอมอยู่นิ่ง ทำเอาภาสกร ต้องครางขัดใจและสั่งเสียงห้วนกระด้าง!
“เงียบ!”
‘ผู้ชายบ้า! เจ้าเล่ห์อยู่แท้ๆ แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้โหดนัก!’ สามีเธอดู น่ากลัวขึ้นมาทันที ถ้อยคำที่เธอตระเตรียมไว้ปฏิเสธ ถูกกลืนหายลงไปในลำคอตามเดิม และหญิงสาวก็ได้แต่นั่งเป็นหุ่นให้เขากระทำได้ตามอำเภอใจ
มือร้อนซับผ้าเย็นเช็ดจนถ้วนทั่วร่างกาย และจะเป็นปัญหาสำหรับเธอ ก็คราวนี้ล่ะ!
“พะ พี่ภาส” เรียกชื่อสามีเสียงแผ่ว เมื่อเขาเลื่อนผ้าชุ่มน้ำซับบริเวณขอบชั้นในผืนบาง บ้างแทรกเข้ามาข้างใน แต่ว่ายังไม่ถึงจุดนั้น ภาภิรมย์ตะครุบมือหนาแล้วเอ่ยบอก
“ไม่ต้อง! ตรงนั้น ภะ ภีมเช็ด อะ เองได้ค่ะ” มองหน้าสามีเชิงขอร้อง ทว่า...
“ถ้าเธอไม่เงียบ ฉันจะไม่ใช่แค่เช็ดตัวแต่จะ ‘ทำ’ อย่างอื่นด้วย” พูดจบแกล้งเช็ดลงเนินอวบอุดมแรงๆ ภาภิรมย์ร้อนวูบวาบทั่วทั้งสรรพางค์กาย ครั้นจะหักห้ามไปมากกว่านี้ นัยน์ตาคมสีเข้มพลันข่มขู่ หญิงสาวจึงได้แต่เอ่ยครางเรียกชื่อสามี
“พะ พี่ภาส อ๊ะ!” ภาสกรยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่มิได้ถลำลึกไปเกินกว่านั้น เพราะถ้าเกินไปยิ่งกว่านี้จะเป็นเขาเสียเองที่ทรมาน หรือไม่เขาก็จะกลายเป็นไอ้สารเลวที่ทำร้ายคนป่วย!
“เสร็จแล้วล่ะ” เอ่ยบอกพลางเอี้ยวกายเอาผ้าไปแช่ไว้ในกะละมัง ภาภิรมย์มองค้อนสามีเพราะรู้ดีว่าเขาจงใจแกล้งเธอ
“คะ คนบ้า ลามก” ภาสกรทำเป็นหูทวนลม ก่อนจะหันมาสนใจ ท่อนแขนเรียวข้างขวาที่โดนน้ำร้อน พลางพิศดูอย่างเป็นห่วง…
ภาภิรมย์มองการกระทำของเขา หัวใจดวงน้อยที่พยายามแข็งใจเอาไว้ ทำไมมันถึงอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ แล้วยิ่งได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถาม โอ๊ย! ให้ตายเถอะ!
“เจ็บมากไหม...” ถามขณะปลายนิ้วแกร่งไล้สัมผัสแผลที่เป็นปื้นแดงวงใหญ่ ภาภิรมย์หน้าหงิกน้อยๆ แล้วสัพยอกกลับคืน
“ลองให้ภีมเอาน้ำร้อนมาราดแขนพี่ภาสดูสิคะ” เชิดหน้าทำเป็น ไม่สนใจ เพราะถ้ามองเขานานกว่านั้นเธอย่อมยอมใจอ่อนให้เขาอีกตามเคย และไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำไม? หัวใจดวงนี้มันถึงไม่รักดีเหลือเกิน… เขาทำร้ายเธอมากี่ครั้งแล้ว ยังไม่รู้จักจดจำ!
ทางด้านภาสกรนั้นเขารู้ว่าตนเองผิดเต็มประตู แต่พ่อคนฟอร์มจัด ยังทำเป็นไว้เชิงหน่อยๆ พร้อมกับเอ่ยเย้าเมียสาวตามนิสัย
“เดี๋ยวนี้ย้อนเก่งจังเลยนะ”
“ไม่ได้ย้อน แต่พูดตามความจริงค่ะ” เห็นแขนเรียวบวมแดงแล้วโมโห โมโหที่ตนมีส่วนทำให้ท่อนแขนกลมกลืนต้องมีรอยแผล และถ้ามันเป็นแผลเป็นล่ะก็! บอกเลยว่าจะเป็นตราบาปที่ฝังลึกในใจเขาไปตลอดชีวิต
“งั้นรอเดี๋ยว จะไปน้ำร้อนมาให้ราดคืน” เขาพูดจริง และพร้อมยินดีถ้าเธอจะเอาคืน ทว่า...
“ไม่ต้อง!”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเอาคืนพี่เหรอ” เป็นครั้งแรกที่เขาแทนตนเองว่า ‘พี่’ ความน้อยใจไหนจะอาการโกรธเคืองที่มีทั้งหมดทั้งมวลพลันพังทลาย ภาภิรมย์ใจอ่อนยวบ
หญิงสาวทอดสายตามองสามีแล้วเผยอเรียวปากกระจับเอ่ยตอบ
“ภีมมีวิธีเอาคืนพี่ภาสให้กระอักกว่าน้ำร้อนราดแขนแน่ๆ ค่ะ” แม้นเธอจะพูดด้วยท่าทีเอาจริง แต่สิ่งที่บอกว่าจะเอาคืนเขาน่ะ ไม่รู้จะมีโอกาสหรือไม่
ส่วนภาสกรเองใจหายวาบ ‘กระอัก’ งั้นเหรอ แม่คุณจะทำอะไร เขาล่ะ? ชายหนุ่มพยายามไม่ใส่ใจแล้วขยับปากพ่นวาจาก่อกวนป่วนประสาทเด็กดื้อต่อ
“รีบๆ เอาคืนล่ะ” ยิ้มเจ้าเล่ห์ ภาภิรมย์เห็นแล้วหมั่นไส้! ยิ้มระรื่น เบิกบานขึ้นมาเชียวล่ะ เห็นเธอยอมอ่อนข้อให้น่ะ!
และพอหญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ภาสกรจึงเอ่ยเสียงทุ้มทำลายความเงียบงันแต่ทว่าข้างในส่วนลึกแล้วยังเป็นห่วงเมียสาวนั่นแหละ แต่พ่อคุณยังฟอร์มจัดเกินไปจึงไม่กล้าเผยความในให้แม่คุณรับรู้
“ทายาหรือยัง”
“ทาแล้วค่ะ” โป้ปดคำโตอย่างคล่องปาก ทำเอาชายหนุ่มต้องเอ่ยดัก อย่างรู้เท่าทัน
“เธอนี่โกหกไม่เก่งเลยนะภาภิรมย์ ไม่ทาก็บอกว่าไม่ทาสิ!” ก็ตอนที่เขาไล้ดูแผล ผิวแม่คุณนี่ไม่มีคราบยาสักนิด เด็กบ้าอะไร ไม่หัดดูแลตนเอง
ด้านภาภิรมย์เมื่อได้ยินเสียงแกมตำหนิ สาวเจ้าถึงกับชักสีหน้าใส่ แถมยังพ่นเสียงหวานใสยอกย้อนกลับคืน
“รู้แล้วจะถามทำไมคะ”
ภาสกรส่ายศีรษะแล้วลุกขึ้นไปค้นหายาทาในลิ้นชัก มาให้คนป่วย ที่ทั้งดื้อและชอบย้อน เดี๋ยวหายเป็นปกติเมื่อไรพ่อจับ ‘ฟาด’ เสียให้เข็ด! นับวันนานเข้าหญิงสาวในคราบใสซื่อพลันหายแล่นหมด จะเหลือก็แต่เด็ก จอมดื้อไม่ยอมฟังความและชอบยอกย้อนให้เขาปวดกบาลน่ะสิ!
หลังจากได้ยามาแล้ว ร่างสูงยอบย่อหย่อนสะโพกสอบทิ้งลงเตียงกว้าง ข้างๆ เมีย ทว่าสาวเจ้าขยับถอยห่าง ทำให้มือหนาต้องคว้าเอาไว้ พร้อมยัง บีบยาใส่ปลายนิ้วมือแล้วไล้เบาๆ บนแผล
“อูยยย...ซี้ดส์...เบาๆ หน่อยสิคะ” ครางซี้ดด้วยความเจ็บปวด ทั้งยังแสบร้อนเมื่อแผลโดนยา ภาภิรมย์อยากจะปล่อยให้น้ำตามันเล็ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด!
เขาเอาย***าบออะไรมาทาให้เธอกัน แสบก็แสบ ร้อนก็ร้อน แล้วไหน จะนิ้วแกร่งของเขานั่นอีก! ยามไล้ทาแผลให้เธอน่ะนะ กดเน้นเอาเน้นเอา อยากจะบอกมากว่าแขนคนนะ ไม่ใช่ท่อนไม้จะได้ไม่เจ็บ!
ด้านภาสกรเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องครางเจ็บปวด เขาพยายามเบามือที่สุด แต่ก็นะ!
“อยู่นิ่งๆ สิ! จะดิ้นอะไรนักหนา” เผลอเน้นแรงลงไป ภาภิรมย์ถึงกับหวีดร้องลั่นห้อง ซ้ำยังสะบัดแขนออกตามสัญชาตญาณ
“ภีมเจ็บนี่คะ อ๊ายยย! พี่ภาสเบาๆ สิคะ”
“พี่จะพยายาม” เขาพยายามจริงๆ ล่ะ ทั้งเบามือทั้งยังโน้มหน้าใกล้ท่อนแขนเรียวแล้วเป่าแผลให้ ภาภิรมย์เผลอทอดสายตามองเขานานสองนาน
กระทั่งว่ามือหนาไล้ยาลงบนแขนเรียวเสร็จสรรพ แม่คุณยังจ้องมองเขาไม่วางตา ภาสกรหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วเอ่ยเย้า
“อ๊ะ เสร็จละ และเลิกมองพี่ได้แล้ว ยายเด็กดื้อ!” ยกมือหนายีศีรษะ ทุยสวย ภาภิรมย์เอียงหลบพร้อมขยับปากเอ่ยโต้ตอบ
“ภีมไม่ได้ดื้อเสียหน่อย”
“ถ้าไม่ได้ดื้อ ก็กินข้าวซะคราวนี้ จะได้กินยาแล้วนอนพักผ่อน!” ยกชามข้าวมาให้ ทว่า...
“ภีมไม่หิวค่ะ” ได้ยินเช่นนั้นภาสกรต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด!
“ไม่หิวก็ต้องกิน จะได้กินยา”
“ไม่ค่ะ” ภาภิรมย์ปฏิเสธไม่เลิก ก็จะให้เธอทำไงเล่า ในเมื่อคนมัน ไม่หิวนี่!
“หรือจะให้พี่ ‘ทำ’ อย่างอื่นแทน ‘กิน’ ข้าวล่ะฮึ!” ไม่เพียงแค่ พูดเปล่า หากแต่ทอดนัยน์ตาคมวาววับมองหญิงสาวอย่างจาบจ้วง ภาภิรมย์ถึงกับจำยอม
“กะ กินก็ได้ค่ะ”
แต่ไม่ทันที่จะตักข้าวใส่ปากเสียงหวานพลันร้องโอดโอย
“โอ๊ยยย!” ภาสกรได้ยินแล้วตำหนิเบาๆ
“ทำไมไม่ใช้อีกข้าง” เขามองเธอทุกอากัปกิริยานั่นแหละ แต่ไม่แสดงออก ประเดี๋ยวแม่คุณจะได้ใจ ไอ้ข้าวก็อยากจะป้อนอยู่นะ แต่ว่าทำไมมือมันไม่ยอมหยิบจับช้อนก็ไม่รู้
ส่วนภาภิรมย์เมื่อได้ยินสามีเอ่ยตำหนิ สาวเจ้าโพล่งตอบตามความจริง
“ไม่ถนัดค่ะ”
“เรื่องมากจริงๆ” บ่นไปอย่างนั้นล่ะ ทั้งที่จริงอยากป้อนข้าวเมีย เต็มแก่ แต่มิกล้าจะแสดงออกให้เห็นตรงๆ ประเดี๋ยวเสียฟอร์ม
“เอ้า! อ้าปาก เร็ว!” ยกช้อนที่มีข้าวต้มจ่อกลีบปากรูปกระจับ ทว่า คนไม่หิวยังแน่นิ่งไม่ยอมอ้าปากรับเอาอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกาย จนชายหนุ่มต้องเอ่ยเสียงเข้มติดจะดุอีกครั้ง
“ภาภิรมย์!”
“เร็ว!”
ไม่เพียงแค่เสียงเท่านั้น หากแต่อสูรร้ายของเธอข่มขู่ทางสายตาด้วย และกว่าจะทานข้าวแล้วเสร็จปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่ง ครั้นเมื่อดูแลเมียสาว เสร็จสรรพในเบื้องต้น ภาสกรจึงเลี่ยงเวลาไปชำระล้างร่างกาย แล้วจากนั้นมาผ่อนกายลงนอนเคียงข้างกับคนป่วยโดยไม่หวั่นกลัวว่าจะติดไข้จากเธอ แม้แต่น้อย
ตกกลางดึก...
ในขณะที่ภาสกรนอนไม่เป็นหลับเป็นตื่น ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแต่เขาไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ เมื่อข้างกายเขาไม่ยอมอยู่นิ่ง นอนดิ้น ทั้งคืน แล้วยิ่งเจ้าก้อนนุ่มนิ่มทั้งสองนั่นที่มันคอยแวะเวียนมาเสียดสีร่างกายเขา ให้ตายเถอะ! ไม่อยากจะลงมือลักหลับคนป่วยเลย!
ภาสกรกัดฟันกลั้นความอดทน พร้อมรั้งร่างบางมากกกอดเอาไว้ ถ่ายเทความอบอุ่นจากร่างหนาใหญ่ไปยังร่างบอบบางของคนไม่สบาย แต่กระนั้นสาวเจ้ายังไม่นอนนิ่ง คุณเธอดิ้นกระสับกระส่ายในขณะที่ เรียวปากบางเผยอพ่นถ้อยคำต่างๆ นานา ออกมา ผสมกับเสียงเจือสะอื้น
“ฮือ พี่ภาสใจร้าย พะ พี่ภาส ฮึกๆ” ภาสกรลืมตาตื่นแล้วมองดูเจ้าของเสียง ปรากฏว่าแม่คุณยังหลับตา ทว่ามีแค่เรียวปากสวยที่ขยับขึ้นลง
‘ที่แท้แม่คุณนอนละเมอนี่เอง สงสัยจะเก็บเรื่องราวมาไว้ในเมมโมรี่สมองมากจนเกินไป ทำให้คิดมากจนเก็บเอามาฝัน’
ภาสกรยังคงนอนฟังว่าเมียจะพูดอะไรออกมาบ้าง
“พี่ภาสไม่รักภีม พี่ภาสรักแม่ปากแดงนั่น พี่ภาสใจร้าย ฮือๆ” ได้ยินเช่นนั้นวงแขนกว้างกอดกระชับร่างอุ่นร้อนแน่นกว่าเดิม ในขณะมือหนา คอยลูบศีรษะทุยสวยปลอบขวัญ
“นิ่งซะนะคนดีของพี่” กล่าวจบจรดกลีบปากหยักสัมผัสหน้าผากเกลี้ยงนูน พร้อมกอดร่างร้อนรุ่มแนบอกกว้างกระด้าง
แต่ยังมิวายที่คนละเมอจะส่งเสียงสะอื้น “ฮึกๆ”
ภาสกรเห็นอาการเมียสาวแล้วรู้สึกผิดสุดๆ เขาไม่น่าทำรุนแรงกับ เธอเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
“ฉันขอโทษ...” หินถ่วงปากหลุดกระเด็นออกไป แต่ก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่อภาภิรมย์ไม่ได้ยิน แม้นเขาจะขอโทษขอโพยเป็นร้อยๆ ครั้งแต่เธอไม่รับรู้ นั่นเพราะแม่คุณกำลังอยู่ในห้วงนิทรารมย์
และไม่เพียงแค่ปากที่พูด แต่กำปั้นน้อยๆ ยังซัดรัวบนอกกว้าง จวนภาสกรเผลอคิดว่าเธอแกล้งทำ แต่ที่ไหนได้ เขาลองขยับกายออกมาห่างๆ แม่คุณยังรัวกำปั้นเช่นเดิม แล้วนัยน์ตายังปิดแนบสนิทกัน
“พี่ภาสทำร้ายภีม พี่ภาสเข้าข้างเขา ฮือๆ” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเมียสาวเจ็บปวดจริงๆ คนรู้สึกผิดอยากจะขอไถ่โทษและจะยอมง้อเธอในครั้งนี้ จะยอมถอดศักดิ์ศรีทิ้งเอาไว้ แล้วลองเปิดใจกับเธอดูสักครั้ง...
“มันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก พี่สัญญา...” สัญญากับ คนนอนไม่ได้สติ แต่ภาสกรยังสัญญา เพราะเขาจะยอมเสี่ยงทำตามที่หัวใจ ร้องของ แม้นอีกด้านจะมีทิฐิอัดเต็มอยู่ก็ตาม...
กลีบปากหยักสีกุหลาบกดแนบหน้าผากนูนอีกครั้ง จากนั้นตวัดวงแขนอุ่นกอดรั้งคนป่วยเอาไว้ ครั้นคนไม่สบายสะดุ้งเมื่อไรเขาก็เอ่ยปลอบพร้อม พรมจูบซับขมับอิ่มเอาใจและเป็นเช่นนี้ร่ำไปตลอดทั้งคืน...