บทนำ
บทนำ
ริมระเบียงชั้นสองของบ้าน... ภาสกร ตันติดำรง ชายหนุ่มวัย 29 ปี ตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ตันติดำรง จำกัด บริษัทเฟอร์นิเจอร์ส่งออกอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ในเวลานี้สุดหล่อนัมเบอร์วันกำลังนั่งหน้าเครียดเขม็ง มือหนาคลึงแก้วเหล้าทรงบึ้มและคอยยกขึ้นจรดกลีบปากหยักสีกุหลาบสดเป็นระยะๆ ด้วยความโมโหใครบางคน เพราะเมื่อกลับมาจากที่ทำงานไม่เห็นแม้แต่เงาของเมียสาวที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้สัปดาห์รออยู่บ้านเฉกเช่นทุกวัน ครั้นเอ่ยถาม คนใช้ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ ทำให้ชายหนุ่มโกรธกริ้วสุดๆ พลันนึกคาดโทษ ‘เมียแต่ง’ ในใจ
‘กลับมาเมื่อไรเดี๋ยวพ่อจับ ‘ฟาด’ ก้นบวมเลย!’
เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าตรู่ ก่อนจะออกไปทำงาน ภาภิรมย์เมียแต่งของเขาก็ทำหน้าที่เมียที่ดีด้วยการจัดอาหารเช้าเปี่ยมล้นด้วยคุณประโยชน์เอาไว้รอ ทว่ากลับเป็นเขาเสียเองที่ทำเรื่องทุกอย่างให้มัน มีปัญหา ด้วยการเอาข้าวต้มปลาที่เธอตั้งใจทำไปเททิ้งลงถังขยะ กระนั้นล่ะ ภาภิรมย์โมโหและเผลอขึ้นเสียงใส่ ทำให้คนไม่เคยโดนตวาดอย่างภาสกรต้ององค์ลง โต้ตวาดตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าพร้อมยังผลักเธอล้มจนสะโพกกระแทกพื้น ภาสกรไม่แม้แต่จะชายตามอง เขารีบกระโดดขึ้นยานพาหนะ คันหรูแล้วขับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนมันไม่ชอบนี่นา! ‘เมีย’ คนนี้ได้มาด้วยความไม่ตั้งใจ จะว่าได้มาด้วยความบังเอิญมันก็ไม่เชิง ในเมื่อทุกอย่างเป็นเหตุผลของบุพการี และบุตรอย่างเขาจะขัดศรัทธาก็มิได้ จึงต้องยอมจำนน ทนเอาผู้หญิงหน้าใสซื่อบริสุทธิ์มาเป็นเมีย!
บอกไว้เลยว่า ถึงแม่คุณจะแสนดีขนาดไหนแต่เขาไม่เคยรัก และไม่คิดจะ ‘รัก’ ด้วย แล้วต่อไปในภายภาคหน้าคำว่า ‘หย่าร้าง’ มันช่างลอยเด่นสกาวยิ่ง! แต่หารู้ไหมว่ามันคือ สิ่งที่เขาไม่พึงปรารถนาให้มันก่อเกิดในชีวิต...
คิดแล้วภาสกรถอนหายใจยาวพรืด พร้อมกระแทกลมหายใจหนักๆเข้าออกนานหลายนาที แล้วจึงบอกย้ำกับตนเองว่า ‘เกลียด’ ขี้หน้าเธอ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมข้างในหัวใจมันถึงเรียกร้องหา ทั้งยังเฝ้าพะวักพะวงเป็นห่วงเกรงว่าแม่คุณจะเป็นอันตรายครั้นสาวเจ้าหายออกไปจากบ้าน ข้อมือแกร่งยกขึ้นในระดับพอเหมาะ ทอดนัยน์ตาสีสนิมมองดูหน้าปัดนาฬิกา ที่ประดับอยู่บนข้อมือแกร่งหลายต่อหลายครั้ง จวนตอนนี้เข็มสั้นชี้เลขเก้า แต่แม่คุณยังไม่โผล่เศียรมาบ้าน! ค่ำมืดจวนปานนี้ ไปอยู่ไหนกันนะ ทำไม ไม่ยอมกลับบ้านช่อง!
คนใจร้อนสบถครั้งแล้วครั้งเล่า สลับกับยกแก้วเหล้าทรงบึ้มในมือ สาดน้ำเมาซัดผ่านลงลำคอ...
นัยน์ตาคมคอยจับจ้องมองผ่านประตูรั้วบ้าน ว่าเมื่อไรเมียแต่งของเขาจะโผล่มา และในขณะที่มือหนายกแก้วจรดกลีบปากหยักพร้อมกระดกน้ำเมาสาดผ่านลำคอไม่กี่อึก! ไฟสีส้มทองสาดลำแสงจ้าส่องท้องถนนตรงมายัง หน้าบ้าน นัยน์ตาคมตวัดมอง พร้อมรีบกระดกของเหลวในแก้วจนหมด แล้ววางกระแทกโต๊ะเสียงดังปึ้ก!
“แพศยา!” สิ้นเสียงห้วนสบถ เท้าหนาเดินกระแทกพื้นบ้านดังปังๆ ลงไปยังชั้นล่าง อารมณ์ชายหนุ่ม ณ ตอนนี้เดือดปะทุขึ้นมาจนควบคุมมิได้ เมื่อครั้นเห็นร่างคุ้นตาของภรรยาสาวก้าวลงมาจากรถคันหรู พร้อมยังมีผู้ชายหน้าปลาบู่ชนเขื่อนผุดออกมาจากฝั่งทางด้านคนขับแล้วโบกมือลา ภาภิรมย์ขยับเรียวปากสวยสีเรื่อเอ่ยขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานมอบให้ ภาสกรเห็นรอยยิ้มหวานนั่นแล้วพิโรธสุดๆ ถึงเขาจะไม่ชอบเธอ แต่เขาไม่ชอบให้เธอไปทำอากัปกิริยาแบบนี้กับใคร ลืมไปแล้วหรือไงว่าตนเองมี ‘ผัว’ เป็นตัวเป็นตนแล้วน่ะ!
เมื่อบอกลาเพื่อนเสร็จสรรพ ภาภิรมย์ใช้มือผลักประตูบ้านเปิดเข้ามา เท้าเรียวบางเดินอย่างสบายอารมณ์ไม่ครุ่นคิดเรื่องราวอะไรให้ปวดสมอง พอถึงข้างในตัวบ้านเอื้อมมือเปิดสวิตซ์ไฟ จากนั้นถอดรองเท้าเก็บไว้บนชั้น ให้เรียบร้อย แล้วเดินทอดผ่านไปยังห้องโถงเพื่อขึ้นไปข้างบน ทว่าเท้าบางก้าวแตะขั้นบันไดขั้นแรกต้องชะงักกึก! เมื่อเสียงห้วนกระด้างของคนนั่งหลบอยู่ในมุมมืดดังแทรกขึ้น!
“ร่าน! แรด! แพศยา!” ภาภิรมย์หันขวับ! นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง ครั้นเห็นใบหน้าคมคร้ามดุกระด้าง หญิงสาวถึงกับใจเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ
หนำซ้ำหัวใจดวงน้อยยังเจ็บแปลบเมื่อครั้นได้ยินคำบริภาษจากปากคนขึ้นชื่อว่าเป็นสามี รู้ทั้งรู้ว่าเขารังเกียจแต่เธอก็ยังรักเขา รักตั้งแต่แรกเจอ ‘ผู้ชายในฝัน’ และในวันนี้ฝันของเธอมันก็เป็นจริงแล้วด้วย เธอได้เป็นเมียเขา แต่เขาสิ! รังเกียจเธออย่างกับอะไรดี รังเกียจแม้กระทั่งว่า ‘คืนแรก’ ของ วันเข้าหอ เจ้าบ่าวสุดหล่ออย่างภาสกรไม่แตะต้องเธอแม้แต่ปลายก้อย หนำซ้ำยังเมามายและต่อว่าภรรยาป้ายแดงอย่างเธอสารพัด แต่เธอไม่ปริปากเอ่ยวลีใดๆ ออกมาต่อว่า แม้นเจ็บสุดขั้วหัวใจ แต่ก็จำยอม ยอมเพราะรักเขาข้างเดียวมาโดยตลอด พี่ภาสของน้องภีม...
แม้นลึกๆ แล้วหญิงสาวรู้ว่าตนเปรียบเสมือนดอกเบี้ยเอามาขัดดอก รู้ว่ามันน่ารังเกียจ แต่เธอไม่ลังเลที่จะรับแต่งงานกับเขาด้วยวัยยี่สิบสองปี ดีกรีเป็นถึงเด็กนักเรียนนอก ยังมีอนาคตอีกยาวไกล แต่ถ้าตัดสินใจแต่งงาน ทุกอย่างก็จบ!
ครั้งแรกที่มาถึงเมืองไทยและรับรู้ปัญหาทุกอย่างของทางครอบครัว ภาภิรมย์ถึงกับเสียสติไปหลายวัน แต่พยายามทำใจยอมรับ และพร้อมทำตามข้อเสนอของผู้มีพระคุณต่อ ‘ประเสริฐติกุล’ ด้วยการ ‘แต่งงาน’ กับทายาทเพียงคนเดียวของ ‘ตันติดำรง’
ภาภิรมย์จำเขาได้ดี พี่ภาสของเธอเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ดูหล่อเหลาและภูมิฐานสุดๆ สิบปีก่อนหล่ออย่างไร วันนี้เขาก็หล่ออย่างนั้น เหมือนกับนิสัยใจคอของเขานั้นแหละ! ร้ายอย่างไรก็ร้ายอย่างนั้น หน้าตาและนิสัยไม่มีส่วนใดเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด!
“พี่ภาสปล่อยภีมนะคะ” สั่งสามีพร้อมบิดแขนตนเองให้พ้นจาก มือหนา ทว่าภาสกรกลับโกรธกรุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี ยิ่งเธอพยศเขายิ่งโมโห ใบหน้าคมดุกระด้างขึ้นตามแรงอารมณ์ นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวอย่าง เอาเรื่อง
“ไปไหนมาฮะ!” เสียงตะคอกถามของเขา ทำเอาภาภิรมย์สะดุ้งโหยงตระหนกตกใจกลัว แต่หญิงสาวยังทำตัวอวดเก่งด้วยการย้อนคืนเบาๆ
“ภีมโตแล้วนะคะ จะไปไหนไม่จำเป็นต้องรายงานใครให้ทราบด้วย” คำพูดที่พรั่งพ่นออกมาจากเรียวปากรูปกระจับ ท้าทายคนโดนยอกย้อนอย่างภาสกรยิ่งนัก!
มือแกร่งที่บีบไหล่มนสองข้างเพิ่มความรุนแรงเป็นเท่าทวี ปากหยัก สีกุหลาบสดพรั่งพ่นถ้อยวลีบาดจิตออกมา
“แต่ใครที่เธอกล่าวว่า คือ ‘ผัว’ ของเธอไม่ใช่เหรอ” ได้ยินเขาย้อนคืนเช่นนั้น ภาภิรมย์จ้องมองนัยน์ตาดุดันพร้อมสันกรามที่บดเป็นสันนูน สาวเจ้าแย้มมุมปากบางๆ แล้วเอ่ยสัพยอกกลับคืน
“ภีมลืมไปน่ะค่ะว่าพี่ภาส คือ ผัว”
ภาสกรหูผึ่ง! นับวันแม่คุณยิ่งปากกล้าอวดเก่ง ดี! เก่งอย่างนี้แหละ เขาชอบ!
“ใช่ซี้! ลืมผัวคนนี้ เพราะไปได้ผัวคนใหม่มาใช่ไหม! เธอไป ‘ฟัด’ กับมันกี่ครั้งแล้วล่ะภาภิรมย์ ถึงได้กลับบ้านค่ำๆ มืดๆ แบบนี้” ความเป็นห่วงเกรงว่าเมียจะเป็นอันตรายพังทลายหมดสิ้น มีเพียงความโหดร้ายเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ภาสกรเขย่าร่างเมียสาวอย่างรุนแรง ภาภิรมย์ตกใจกับพฤติกรรม ของเขา แต่มิยอมปริปากเอื้อนเอ่ย เพราะเธอชักจะชินชาแล้วล่ะ เมื่อเช้า ก็คราวหนึ่ง ผลักเธอจนก้นจ้ำเบ้า เขาจะรู้หรือเปล่าว่ามันเจ็บ เจ็บกายไม่เท่าไร แต่เจ็บใจนี่สิ!
แล้วตอนนี้นี่อีก! เห็นเธอไปกับผู้ชายอื่น เคยเอ่ยถามสักคำไหม ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขามันก็เป็นเสียอย่างนี้ ยึดแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ คิดเองเออเอง แล้วก็คิดแต่ว่าเธอไปทำอะไรที่มันต่ำๆ
ก็ดี! ในเมื่ออยากคิดอย่างนั้นก็คิดไปเถอะ ถ้าคิดแล้วมันสบายใจก็เรียนเชิญตามสบาย!
“มันก็แล้วแต่พี่ภาสจะคิด! เพราะภีมไม่มีสิทธิ์ไปหักห้ามความคิดใคร อยู่แล้ว” ภาสกรตาลุกวาวโรจน์โกรธกรุ่นสุดๆ มือหนาที่เขย่าไหล่กลมมนบัดนี้เปลี่ยนเป็นกระชากข้อแขนเรียวอย่างรุนแรง
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ภาภิรมย์ มานี่!”
“พี่ภาสปล่อยภีมนะ ปล่อย!” คนตัวเล็กสะบัดแขนให้พ้น ทว่าเสียงตอบรับที่ตอกกลับมา ทำเอาภาภิรมย์ถึงกับเบิกตากว้าง
“ฉันจะปล่อยเธอก็ต่อเมื่อถึง ‘ห้องนอน’ ภาภิรมย์” สิ้นเสียงภาสกรฉุดกระชากลากเมียสาวขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน เท้าบางก้าวกระโดดขึ้นบันได แทบไม่ทัน เมื่อคนอารมณ์หุนหันไม่ฟังคำทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น ชายหนุ่มได้แต่กระชากลากเธอไปตามแรงอารมณ์ที่เป็นอยู่