รถม้าคันเล็กที่สุดในจวนเคลื่อนตัวมาหยุดลงที่ริมลำธารชายเขาซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนท้ายจวนของสกุลจ้าว ใต้ต้นไม้ริมลำธารถูกปูด้วยผ้าหนาผืนใหญ่ ตามด้วยเบาะนั่งและโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งกาน้ำชาพร้อมกับเกาเตี่ยน(ของว่าง)เอาไว้ เพื่อให้เจ้านายทั้งสามได้พักผ่อนหย่อนใจตามที่ต้องการ
"ท่านแม่ขอรับ ที่นี่สวยมาก"
"ใช่ ๆ ซือซือก็ว่าที่นี่สวยมากเจ้าค่ะท่านแม่"
คุณชายน้อยและคุณหนูน้อยที่ลงจากรถม้าได้ก็รีบเดินดูรอบ ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มารดาของพวกเขาพาออกมาพักผ่อนนอกสถานที่แบบนี้
"พวกเจ้าชอบหรือไม่ หากชอบแม่จะพาออกมาพักผ่อนที่นี่บ่อย ๆ "
"ชอบเจ้าค่ะ/ชอบขอรับ"
"แม่จะให้พี่เหลียนฝางตั้งโต๊ะให้เจ้าหัดวาดภาพที่นี่ เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไรหรงเออร์"
คุณชายน้อยที่กำลังจ้องมองไปทางลำธารตาลุกวาวเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาพูด แม้จะไม่เคยเรียนรู้อย่างถูกวิธี ที่ผ่านมาเหรินเฟยหรงต้องรอเวลาให้มารดาร่ำสุราจนเมามายถึงจะรีบนำกระดาษที่แอบซ่อนไว้ออกมาวาดเขียนเล่น เพราะปกติแล้วจ้าวเฟยเซียนมักจะบังคับให้ลูกชายเรียนรู้วิธีการต่อสู้เพื่อให้ถูกใจสามี ผู้ที่ไม่เคยเหลียวแลนาง
"จริงหรือขอรับท่านแม่ ลูกจะได้วาดภาพจริง ๆ หรือขอรับ"
"ย่อมต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว เหลียนฝากเจ้าพาคุณชายน้อยเดินหามุมที่เขาชอบแล้วตั้งโต๊ะให้คุณชายน้อยด้วยนะ"
"เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก"
เหลียนฝางยอบกายรับคำสั่ง พร้อมกับเดิมตามคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงไปติด ๆ ตามด้วยบ่าวรับใช้อีก 2 นางที่ตามไปช่วยอีกแรง
"ขอบคุณขอรับท่านแม่"
"ท่านแม่เจ้าขา ซือซืออยากขี่ม้า เมื่อวานพี่ใหญ่ได้ขี่ม้าแล้วแต่ลูกยังไม่เคยขี่เลยนะเจ้าคะ"
แม่หนูตัวน้อยกระตุกชายชุดฮั่นฝูของมารดา พร้อมกับส่งสายตาที่น่าเอ็นดูเพื่อออดอ้อนจนมารดาใจอ่อนยวบ ทางด้านสวี่เฟิ่งหยวนที่สั่งงานผู้คุมกันที่อยู่ในละแวกนั้นเสร็จจึงรีบเดินมาหาทั้งคู่พอดีได้ยินสิ่งคุณหนูตัวน้อยต้องการจึงรีบเอ่ยขึ้น
"เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเถอะขอรับ นายหญิงเล็กไม่ต้องเป็นห่วง ขออภัยขอรับคุณหนู ข้าขออนุญาตอุ้มคุณหนูขึ้นหลังม้าได้หรือไม่ขอรับ"
สวี่เฟิ่งหยวนย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคุณหนูตัวน้อยเพื่อขอนุญาตก่อนจะอุ้มร่างเล็ก ๆ ขึ้นหลังม้า เหรินลู่ซือที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเงยหน้าขอคำตอบจากมารดาอีกต่อหนึ่ง ทันทีที่เห็นมารดาพยักหน้า แม่หนูตัวน้อยก็ยิ้มแฉ่งแล้วพยักหน้าให้ท่านลุงทันที
"เจ้าค่ะท่านลุง แต่ท่านลุงต้องพาซือซือไปเก็บดอกไม้ตรงนู้นด้วยนะเจ้าคะ ซือซืออยากเก็บดอกไม้สวย ๆ มาให้ท่านแม่เยอะ ๆ เท่านี้เลยเจ้าค่ะ"
ร่างเล็กจ้อยถูกอุ้มขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่กอบกุมมือเล็กนำพาให้สัมผัสกับอาชาตัวใหญ่เพื่อสร้างความคุ้นเคย ก่อนจะวางร่างของคุณหนูน้อยไว้บนหลังมาแล้วพาเดินไปช้า ๆ แต่มิวายที่คนตัวเล็กจะส่งเสียงพูดเจื้อยแจ้วชี้ไปยังจุดหมายที่ตนเองต้องการ
"ได้ขอรับ แต่คุณหนูต้องจับบังเ**ยนม้าให้ดีนะขอรับ ประเดี๋ยวจะตกจากหลังม้าเอาได้"
"เจ้าค้า"
เสียงเจื้อยแจ้วของเหรินลู่ซือกับสวี่เฟิ่งดังแว่วไกลออกไปเรื่อย ๆ จนสุดสายตา เฟยเซียนเห็นแบบนั้นจึงให้สาวใช้ประคองไปยังจุดที่มีดอกไม้เป็นเครือเกิดอยู่ที่ริมลำธาร สายลมเอื่อยอ่อนพัดพาให้ลมเย็นปะทะเข้าใบหน้า กลิ่นหญ้ากลิ่นดินคละเคล้ากับเสียงสายธารสาดกระเซ็นทำให้จิตใจของเฟยเซียนสงบนิ่ง ละทิ้งเรื่องร้าย ๆ ที่เคยพานพบมาทั้งหมด นางตั้งปณิธานกับตัวเองอย่างแน่วแน่ ว่าจะรักษาโอกาสที่ได้รับมาให้ดีที่สุด
"ดอกไม้นั่นกินได้ใช่หรือไม่"
เฟยเซียนซี้ไปที่ดอกไม้สีม่วงที่เป็นเครือเลื้อยเกาะไปตามกิ่งไม้ นางจำได้ดีว่าคือเตี๋ยโต้วฮวา(ดอกอัญชัน) แต่ไม่รู้ว่าในยุคนี้ผู้คนจะนิยมมากินหรือไม่จึงลองหยั่งเชิงดูก่อน
"ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเคยเห็นพ่อครัวที่จวนนำไปทำเป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่ดอกไม้นานาพันธุ์มักจะถูกนำไปทำถุงหอมผสมกับสมุนไพรต่าง ๆ มากกว่านะเจ้าคะ ว่าแต่เหตุใดนายหญิงเล็กถึงถามเรื่องนี้หรือเจ้าคะ"
เหลียนฝางเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย ทุกเรื่องที่นายหญิงเล็กจ้าวเฟยเซียนคิดและพูดมันยิ่งตอกย้ำว่านางมิใช่คนเดิม หรือจะมีผู้ใดเข้ามาอยู่ในร่างของนายหญิงเล็กกันแน่
"พวกเจ้าช่วยข้าเก็บเร็วเข้า โม่ลี่(มะลิ)ตรงนู้นด้วย เอ๊ะนั่น ข้างโขดหินตรงนั้นใช่เซียงหลันเยี่ย(ใบเตย)หรือไม่"
บ่าวรับใช้ต่างหันไปมองยังทิศทางที่เฟยเซียนชี้นำเป็นตาเดียว และไม่ผิดจากที่นางคิดเอาไว้เลยสักนิด
"ใช่ขอรับ หากนายหญิงเล็กต้องการบ่าวจะไปเก็บมาให้ขอรับ"
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งดูเบ็ดตกปลาในบริเวณนั้นเอ่ยขึ้น
"คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว อ้อเหลียนฝาง แถวนี้มีหลัวเฉินฮวา(ดอกกระเจี๊ยบ)หรือไม่"
"ว่าอย่างไร พวกเจ้าเคยเห็นหรือไม่?"
เหลียนฝางเองก็ต้องหันไปถามบ่าวคนอื่นเช่นกัน เพราะนางเองก็ไม่ได้อยู่ที่จวนนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว จึงไม่ค่อยรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
"มีเจ้าค่ะนายหญิงเล็ก บ่าวเคยเห็นอยู่แถวชายป่า เดี๋ยวบ่าวไปเก็บมาให้นะเจ้าคะ"
สาวใช้นางหนึ่งตอบขึ้นพร้อมกับตั้งท่าจะเดินตรงไปทางชายป่า เฟยเซียนเห็นแบบนั้นจึงรีบร้องห้ามเอาไว้ก่อน ในความทรงจำของนางมีเรื่องเล่าอันลึกลับของหุบเขาจันทราลูกนี้ที่บิดาเป็นคนเล่าให้ฟังในสมัยยังเด็ก
เขาลูกนี้มีเส้นทางที่สลับซับซ้อน ยิ่งสูงยิ่งหนาวเหน็บมืดมิดไร้แสงสว่าง ในทุกคืนวันเพ็ญจะมีเสียงร้องโหยหวนดังปกคลุมไปทั่วทั้งป่า จนทำให้มิมีผู้ใดหาญกล้าย่างกรายเข้าใกล้หุบเขาแห่งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เฟยเซียนสงสัยคือ เหตุใดบิดาของนางจึงต้องสร้างจวนในเชิงเขาที่ชาวบ้านหวาดกลัวแห่งนี้
"ช้าก่อน เจ้าไม่ต้องไปเองหรอก บอกให้บ่าวรับใช้ที่เป็นบุรุษไปแทนเจ้าสัก 2 คน ส่วนเจ้าอยู่ช่วยข้ากับทุกคนเก็บดอกไม้ที่นี่ดีกว่า"
"เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก"
ชั่วครู่ต่อมาเฟยเซียนก็ได้ดอกไม้หลายชนิดตามที่นางต้องการ บวกกับอาการปวดเมื่อยที่หัวเข่าเริ่มเล่นงานนางจึงเดินกลับมานั่งที่โต๊ะน้ำชาเล็ก ๆ ที่ถูกเตรียมเอาไว้ พร้อมกับทำการเด็ดกลีบดอกไม้ใส่ในถ้วยน้ำชาแล้วใช้ไม้ที่นางเตรียมมาค่อย ๆ บดกลีบดอกไม้จนละเอียด ตามด้วยการเติมน้ำทีละนิด
"นายหญิงเล็กทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยเถอะเจ้าค่ะ มือนุ่ม ๆ ของนายหญิงเล็กเริ่มแดงหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นงานของบ่าวเอง"
เหลียนฝางพยายามยื้อแย่งถ้วยน้ำชาตรงหน้าออกจากมือของผู้เป็นนายไปทำเอง เฟยเซียนเห็นแบบนั้นได้แต่ยิ้มอ่อนให้สาวใช้ข้างกาย ก่อนจะส่งถ้วยน้ำชาให้เหลียนฝางช่วยบดกลีบดอกไม้ต่อ
"ขอบใจมากนะเหลียนฝาง ส่วนพวกเจ้าก็ช่วยกันทำดอกไม้สีอื่น ๆ ที่เราเก็บมาด้วยนะ เสร็จแล้วจะได้เอาไปให้คุณชายน้อยใช้ระบายสี"
"เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก/เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก/เจ้าค่ะ"
ในที่สุดทุกคนก็รู้เสียทีว่านายหญิงเล็กของพวกตนต้องการอะไรกันแน่ จากนั้นทุกคนจึงช่วยกันบดดอกไม้หลากสีที่หาได้ใสในถ้วยน้ำชาเพื่อเตรียมไปให้คุณชายน้อยที่นั่งวาดภาพอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง ทว่าพ่อบ้านไฉที่ตามมาดูความเรียบร้อยกับมีใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้เห็นการกระทำของนายหญิงเล็ก
"อั๊ยหยา! หมดกันชุดน้ำชาราคากว่า 5 ตำลึงเงิน ตาย ๆ ข้าจะเป็นลม"
"ท่านพ่อบ้านขอรับ ฮึบไว้ขอรับ ฮึบ ฮึบ แค่ชุดน้ำชาชุดเดียวขนหน้าแข้งนายท่านไม่ร่วงหรอกขอรับ"
บ่าวชายรีบเตือนสติพ่อบ้านไฉเอาไว้ พร้อมกับประคองให้เดินยังจุดที่นายหญิงเล็กนั่งพักอยู่
"พู้ววว แค่ 5 ตำลึง พู้วว แค่ 5 ตำลึง"
"อ้าว พ่อบ้านไฉ ท่านมีอะไรหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดจึงตามมาที่นี่ ว่าแต่ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดใบหน้าซีดเซียวเช่นนั้นเล่า"
สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพ่อบ้านไฉเดินหน้าซีดมาแต่ไกล
"ข้าแค่จะมาถามนายหญิงเล็กเท่านั้น พวกเจ้าทำงานไปเถอะ"
แม้พ่อบ้านไฉจะตอบกลับด้วยท่าทางเรียบนิ่ง แต่เมื่อสายตาของพ่อบ้านไฉมองไปที่ถ้วยน้ำชา แววตาของเขาก็ฉายชัดว่าเสียดายสิ่งของตรงหน้ามากแค่ไหน
"..."
"เรียนถามนายหญิงเล็ก มื้อกลางวันจะให้จัดสำรับที่ไหนดีขอรับ"
"เอ่อ จัดมาที่นี่ดีกว่าท่านพ่อบ้าน ข้าคิดว่าเด็ก ๆ คงยังไม่อยากกลับเร็วขนาดนั้น"
"ขอรับ บ่าวจะไปสั่งห้องครัวรีบจัดการให้"
"ข้าขอถามอะไรสักหน่อย ที่จวนของเรามีเตาเผาใหญ่ ๆ หรือไม่ท่านพ่อบ้าน"
"มีขอรับ ว่าแต่นายหญิงเล็กต้องการสิ่งใด เหตุใดถึงได้ถามหาเตาเผาหรือขอรับ"
ใบหน้าของเฟยเซียนดูเหมือนคนมีความคิดผิดแผกขึ้นมาให้พบเห็นเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติแล้วตอบกลับถึงความต้องการของนาง
"ข้าแค่คิดหาวิธีหาเงินเพิ่มก็เท่านั้น"
"นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดต้องทำให้ตัวเองลำบาก ที่มีอยู่ใช้อีกกี่สิบชาติก็ใช้ไม่หมดนะเจ้าคะ"
"เจ้าคิดผิดแล้วเหลียนฝาง เงินที่มีอยู่แม้จะมากก็จริง ถ้ารู้จักแต่ใช้ไม่รู้จักหา สักวันก็ต้องหมดสิ้นลง ภายภาคหน้าไม่มีอะไรแน่นอน ข้ารู้จักหาเงินใช้เองน่าจะภูมิใจกว่า อีกอย่าง ข้าอยากทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในแคว้นนี้"
บ่าวรับใช้ที่ได้ยินสิ่งที่นายหญิงเล็กพูดต่างก็งุนงงไปตาม ๆ กัน แต่พ่อบ้านไฉกลับรู้สึกดีที่นายหญิงเล็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่เสียที เช่นนี้นายท่านจ้าวจึงจะมีความสุขได้บ้าง
"นายหญิงเล็กต้องการสิ่งใดสั่งบ่าวมาได้เลยขอรับ บ่าวยินดีจัดการให้ท่านทั้งหมด"
เฟยเซียนยิ้มอ่อนให้ทุกคน หากวันหนึ่งที่นางประสบผลสำเร็จจากการค้าที่นางหมายมาดเอาไว้ นางต้องตอบแทนทุกคนให้มีกินมีใช้แน่นอน
"ข้าอยากได้ไม้ไผ่ที่อายุ 3 ปีสัก 20 ลำ รบกวนท่านพ่อบ้านช่วยจัดการให้ด้วย"
"ขอรับ ว่าแต่นายหญิงเล็กจะเอาไม้ไผ่มาทำอะไรหรือขอรับ"
"ข้าจะเอามาตัดทำเป็นกระบอกเผาเกลือ"
"ผะ..เผาเกลือ เฮ้ออ ข้าจะเป็นลม"
หลังจากได้คำตอบจากเฟยเซียน พ่อบ้านไฉถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแทบสิ้นสติ นี่เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงเล็กกันแน่ ใครก็รู้ว่าเกลือเป็นสินค้าราคาแพงรองลงมาจากทองคำและข้าว แต่เหตุใดนางถึงจะนำไปเผาเล่นเสียได้ เป็นเช่นนี้ให้นางอยู่เฉย ๆ ต่อไปไม่ดีกว่าหรือ แค่ชุดน้ำชามูลค่ากว่า 5 ตำลึงเงิน ถูกกระทำย่ำยีราวกับของราคาถูกเขาก็เจ็บปวดใจมากพอแล้ว
1 อิแปะ = 1 เหรียญทองแดง
1000 อิแปะ = 1 ก้วน (หนึ่งพวงของเหรียญทองแดง)
1,000 อิแปะ = 1 ตำลึงเงิน
10 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง
ชุดน้ำชาราคา 5 ตำลึงเงิน = 5,000 อิแปะ ถือเป็นราคาที่สูงมากสำหรับชาวบ้านทั่วไป เพราะราคาซาลาเปาไส้หมูก็ซื้อขายกันอยู่ที่ 4-5 อิแปะเท่านั้น
ข้าวสาร 1 ถัง(40 จิน) ราคา 1 ตำลึงเงิน 600 อิแปะ เฉลี่ยจินละ 40 อิแปะ
เกลือ จินละ 30 อิแปะ
น้ำตาล จินละ 20 อิแปะ
1 จิน = 500 กรัม
2 จิน = 1 กิโลกรัม
ค่าแรงของชาวบ้านทั่วไปอยู่ที่วันละ 20-30 อิแปะเท่านั้น หากเป็นทาสที่มาขายตัวแลกเงินก้อนเพื่อช่วยครอบครัว มักจะไม่ได้รับค่าตอบแทน และต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายเสมอ จนกว่าจะหาเงินมาไถ่ถอนตัวได้
ชาวบ้านบางคนจึงต้องทำงานรับจ้างถึง 2 วัน กว่าจะสามารถหาเงินซื้อข้าวได้ 2 จิน หรือ 1 กิโล
น้องไม่รู้ราคาไงเจ้าคะท่านพ่อบ้าน