ข้าจะเป็นลม

2254 คำ
​ รถม้าคันเล็กที่สุดในจวนเคลื่อนตัวมาหยุดลงที่ริมลำธารชายเขาซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนท้ายจวนของสกุลจ้าว ใต้ต้นไม้ริมลำธารถูกปูด้วยผ้าหนาผืนใหญ่ ตามด้วยเบาะนั่งและโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งกาน้ำชาพร้อมกับเกาเตี่ยน(ของว่าง)เอาไว้ เพื่อให้เจ้านายทั้งสามได้พักผ่อนหย่อนใจตามที่ต้องการ "ท่านแม่ขอรับ ที่นี่สวยมาก" "ใช่ ๆ ซือซือก็ว่าที่นี่สวยมากเจ้าค่ะท่านแม่" คุณชายน้อยและคุณหนูน้อยที่ลงจากรถม้าได้ก็รีบเดินดูรอบ ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มารดาของพวกเขาพาออกมาพักผ่อนนอกสถานที่แบบนี้ "พวกเจ้าชอบหรือไม่ หากชอบแม่จะพาออกมาพักผ่อนที่นี่บ่อย ๆ " "ชอบเจ้าค่ะ/ชอบขอรับ" "แม่จะให้พี่เหลียนฝางตั้งโต๊ะให้เจ้าหัดวาดภาพที่นี่ เจ้าคิดเห็นเป็นอย่างไรหรงเออร์" คุณชายน้อยที่กำลังจ้องมองไปทางลำธารตาลุกวาวเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาพูด แม้จะไม่เคยเรียนรู้อย่างถูกวิธี ที่ผ่านมาเหรินเฟยหรงต้องรอเวลาให้มารดาร่ำสุราจนเมามายถึงจะรีบนำกระดาษที่แอบซ่อนไว้ออกมาวาดเขียนเล่น เพราะปกติแล้วจ้าวเฟยเซียนมักจะบังคับให้ลูกชายเรียนรู้วิธีการต่อสู้เพื่อให้ถูกใจสามี ผู้ที่ไม่เคยเหลียวแลนาง "จริงหรือขอรับท่านแม่ ลูกจะได้วาดภาพจริง ๆ หรือขอรับ" "ย่อมต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว เหลียนฝากเจ้าพาคุณชายน้อยเดินหามุมที่เขาชอบแล้วตั้งโต๊ะให้คุณชายน้อยด้วยนะ" "เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก" เหลียนฝางยอบกายรับคำสั่ง พร้อมกับเดิมตามคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงไปติด ๆ ตามด้วยบ่าวรับใช้อีก 2 นางที่ตามไปช่วยอีกแรง "ขอบคุณขอรับท่านแม่" "ท่านแม่เจ้าขา ซือซืออยากขี่ม้า เมื่อวานพี่ใหญ่ได้ขี่ม้าแล้วแต่ลูกยังไม่เคยขี่เลยนะเจ้าคะ" แม่หนูตัวน้อยกระตุกชายชุดฮั่นฝูของมารดา พร้อมกับส่งสายตาที่น่าเอ็นดูเพื่อออดอ้อนจนมารดาใจอ่อนยวบ ทางด้านสวี่เฟิ่งหยวนที่สั่งงานผู้คุมกันที่อยู่ในละแวกนั้นเสร็จจึงรีบเดินมาหาทั้งคู่พอดีได้ยินสิ่งคุณหนูตัวน้อยต้องการจึงรีบเอ่ยขึ้น "เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเถอะขอรับ นายหญิงเล็กไม่ต้องเป็นห่วง ขออภัยขอรับคุณหนู ข้าขออนุญาตอุ้มคุณหนูขึ้นหลังม้าได้หรือไม่ขอรับ" สวี่เฟิ่งหยวนย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคุณหนูตัวน้อยเพื่อขอนุญาตก่อนจะอุ้มร่างเล็ก ๆ ขึ้นหลังม้า เหรินลู่ซือที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเงยหน้าขอคำตอบจากมารดาอีกต่อหนึ่ง ทันทีที่เห็นมารดาพยักหน้า แม่หนูตัวน้อยก็ยิ้มแฉ่งแล้วพยักหน้าให้ท่านลุงทันที "เจ้าค่ะท่านลุง แต่ท่านลุงต้องพาซือซือไปเก็บดอกไม้ตรงนู้นด้วยนะเจ้าคะ ซือซืออยากเก็บดอกไม้สวย ๆ มาให้ท่านแม่เยอะ ๆ เท่านี้เลยเจ้าค่ะ" ร่างเล็กจ้อยถูกอุ้มขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่กอบกุมมือเล็กนำพาให้สัมผัสกับอาชาตัวใหญ่เพื่อสร้างความคุ้นเคย ก่อนจะวางร่างของคุณหนูน้อยไว้บนหลังมาแล้วพาเดินไปช้า ๆ แต่มิวายที่คนตัวเล็กจะส่งเสียงพูดเจื้อยแจ้วชี้ไปยังจุดหมายที่ตนเองต้องการ "ได้ขอรับ แต่คุณหนูต้องจับบังเ**ยนม้าให้ดีนะขอรับ ประเดี๋ยวจะตกจากหลังม้าเอาได้" "เจ้าค้า" เสียงเจื้อยแจ้วของเหรินลู่ซือกับสวี่เฟิ่งดังแว่วไกลออกไปเรื่อย ๆ จนสุดสายตา เฟยเซียนเห็นแบบนั้นจึงให้สาวใช้ประคองไปยังจุดที่มีดอกไม้เป็นเครือเกิดอยู่ที่ริมลำธาร สายลมเอื่อยอ่อนพัดพาให้ลมเย็นปะทะเข้าใบหน้า กลิ่นหญ้ากลิ่นดินคละเคล้ากับเสียงสายธารสาดกระเซ็นทำให้จิตใจของเฟยเซียนสงบนิ่ง ละทิ้งเรื่องร้าย ๆ ที่เคยพานพบมาทั้งหมด นางตั้งปณิธานกับตัวเองอย่างแน่วแน่ ว่าจะรักษาโอกาสที่ได้รับมาให้ดีที่สุด "ดอกไม้นั่นกินได้ใช่หรือไม่" เฟยเซียนซี้ไปที่ดอกไม้สีม่วงที่เป็นเครือเลื้อยเกาะไปตามกิ่งไม้ นางจำได้ดีว่าคือเตี๋ยโต้วฮวา(ดอกอัญชัน) แต่ไม่รู้ว่าในยุคนี้ผู้คนจะนิยมมากินหรือไม่จึงลองหยั่งเชิงดูก่อน "ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเคยเห็นพ่อครัวที่จวนนำไปทำเป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่ดอกไม้นานาพันธุ์มักจะถูกนำไปทำถุงหอมผสมกับสมุนไพรต่าง ๆ มากกว่านะเจ้าคะ ว่าแต่เหตุใดนายหญิงเล็กถึงถามเรื่องนี้หรือเจ้าคะ" เหลียนฝางเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสงสัย ทุกเรื่องที่นายหญิงเล็กจ้าวเฟยเซียนคิดและพูดมันยิ่งตอกย้ำว่านางมิใช่คนเดิม หรือจะมีผู้ใดเข้ามาอยู่ในร่างของนายหญิงเล็กกันแน่ "พวกเจ้าช่วยข้าเก็บเร็วเข้า โม่ลี่(มะลิ)ตรงนู้นด้วย เอ๊ะนั่น ข้างโขดหินตรงนั้นใช่เซียงหลันเยี่ย(ใบเตย)หรือไม่" บ่าวรับใช้ต่างหันไปมองยังทิศทางที่เฟยเซียนชี้นำเป็นตาเดียว และไม่ผิดจากที่นางคิดเอาไว้เลยสักนิด "ใช่ขอรับ หากนายหญิงเล็กต้องการบ่าวจะไปเก็บมาให้ขอรับ" บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งดูเบ็ดตกปลาในบริเวณนั้นเอ่ยขึ้น "คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว อ้อเหลียนฝาง แถวนี้มีหลัวเฉินฮวา(ดอกกระเจี๊ยบ)หรือไม่" "ว่าอย่างไร พวกเจ้าเคยเห็นหรือไม่?" เหลียนฝางเองก็ต้องหันไปถามบ่าวคนอื่นเช่นกัน เพราะนางเองก็ไม่ได้อยู่ที่จวนนี้มานานกว่า 5 ปีแล้ว จึงไม่ค่อยรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง "มีเจ้าค่ะนายหญิงเล็ก บ่าวเคยเห็นอยู่แถวชายป่า เดี๋ยวบ่าวไปเก็บมาให้นะเจ้าคะ" สาวใช้นางหนึ่งตอบขึ้นพร้อมกับตั้งท่าจะเดินตรงไปทางชายป่า เฟยเซียนเห็นแบบนั้นจึงรีบร้องห้ามเอาไว้ก่อน ในความทรงจำของนางมีเรื่องเล่าอันลึกลับของหุบเขาจันทราลูกนี้ที่บิดาเป็นคนเล่าให้ฟังในสมัยยังเด็ก เขาลูกนี้มีเส้นทางที่สลับซับซ้อน ยิ่งสูงยิ่งหนาวเหน็บมืดมิดไร้แสงสว่าง ในทุกคืนวันเพ็ญจะมีเสียงร้องโหยหวนดังปกคลุมไปทั่วทั้งป่า จนทำให้มิมีผู้ใดหาญกล้าย่างกรายเข้าใกล้หุบเขาแห่งนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เฟยเซียนสงสัยคือ เหตุใดบิดาของนางจึงต้องสร้างจวนในเชิงเขาที่ชาวบ้านหวาดกลัวแห่งนี้ "ช้าก่อน เจ้าไม่ต้องไปเองหรอก บอกให้บ่าวรับใช้ที่เป็นบุรุษไปแทนเจ้าสัก 2 คน ส่วนเจ้าอยู่ช่วยข้ากับทุกคนเก็บดอกไม้ที่นี่ดีกว่า" "เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก" ชั่วครู่ต่อมาเฟยเซียนก็ได้ดอกไม้หลายชนิดตามที่นางต้องการ บวกกับอาการปวดเมื่อยที่หัวเข่าเริ่มเล่นงานนางจึงเดินกลับมานั่งที่โต๊ะน้ำชาเล็ก ๆ ที่ถูกเตรียมเอาไว้ พร้อมกับทำการเด็ดกลีบดอกไม้ใส่ในถ้วยน้ำชาแล้วใช้ไม้ที่นางเตรียมมาค่อย ๆ บดกลีบดอกไม้จนละเอียด ตามด้วยการเติมน้ำทีละนิด "นายหญิงเล็กทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยเถอะเจ้าค่ะ มือนุ่ม ๆ ของนายหญิงเล็กเริ่มแดงหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นงานของบ่าวเอง" เหลียนฝางพยายามยื้อแย่งถ้วยน้ำชาตรงหน้าออกจากมือของผู้เป็นนายไปทำเอง เฟยเซียนเห็นแบบนั้นได้แต่ยิ้มอ่อนให้สาวใช้ข้างกาย ก่อนจะส่งถ้วยน้ำชาให้เหลียนฝางช่วยบดกลีบดอกไม้ต่อ "ขอบใจมากนะเหลียนฝาง ส่วนพวกเจ้าก็ช่วยกันทำดอกไม้สีอื่น ๆ ที่เราเก็บมาด้วยนะ เสร็จแล้วจะได้เอาไปให้คุณชายน้อยใช้ระบายสี" "เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก/เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก/เจ้าค่ะ" ในที่สุดทุกคนก็รู้เสียทีว่านายหญิงเล็กของพวกตนต้องการอะไรกันแน่ จากนั้นทุกคนจึงช่วยกันบดดอกไม้หลากสีที่หาได้ใสในถ้วยน้ำชาเพื่อเตรียมไปให้คุณชายน้อยที่นั่งวาดภาพอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง ทว่าพ่อบ้านไฉที่ตามมาดูความเรียบร้อยกับมีใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้เห็นการกระทำของนายหญิงเล็ก "อั๊ยหยา! หมดกันชุดน้ำชาราคากว่า 5 ตำลึงเงิน ตาย ๆ ข้าจะเป็นลม" "ท่านพ่อบ้านขอรับ ฮึบไว้ขอรับ ฮึบ ฮึบ แค่ชุดน้ำชาชุดเดียวขนหน้าแข้งนายท่านไม่ร่วงหรอกขอรับ" บ่าวชายรีบเตือนสติพ่อบ้านไฉเอาไว้ พร้อมกับประคองให้เดินยังจุดที่นายหญิงเล็กนั่งพักอยู่ "พู้ววว แค่ 5 ตำลึง พู้วว แค่ 5 ตำลึง" "อ้าว พ่อบ้านไฉ ท่านมีอะไรหรือไม่เจ้าคะ เหตุใดจึงตามมาที่นี่ ว่าแต่ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ เหตุใดใบหน้าซีดเซียวเช่นนั้นเล่า" สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพ่อบ้านไฉเดินหน้าซีดมาแต่ไกล "ข้าแค่จะมาถามนายหญิงเล็กเท่านั้น พวกเจ้าทำงานไปเถอะ" แม้พ่อบ้านไฉจะตอบกลับด้วยท่าทางเรียบนิ่ง แต่เมื่อสายตาของพ่อบ้านไฉมองไปที่ถ้วยน้ำชา แววตาของเขาก็ฉายชัดว่าเสียดายสิ่งของตรงหน้ามากแค่ไหน "..." "เรียนถามนายหญิงเล็ก มื้อกลางวันจะให้จัดสำรับที่ไหนดีขอรับ" "เอ่อ จัดมาที่นี่ดีกว่าท่านพ่อบ้าน ข้าคิดว่าเด็ก ๆ คงยังไม่อยากกลับเร็วขนาดนั้น" "ขอรับ บ่าวจะไปสั่งห้องครัวรีบจัดการให้" "ข้าขอถามอะไรสักหน่อย ที่จวนของเรามีเตาเผาใหญ่ ๆ หรือไม่ท่านพ่อบ้าน" "มีขอรับ ว่าแต่นายหญิงเล็กต้องการสิ่งใด เหตุใดถึงได้ถามหาเตาเผาหรือขอรับ" ใบหน้าของเฟยเซียนดูเหมือนคนมีความคิดผิดแผกขึ้นมาให้พบเห็นเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติแล้วตอบกลับถึงความต้องการของนาง "ข้าแค่คิดหาวิธีหาเงินเพิ่มก็เท่านั้น" "นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดต้องทำให้ตัวเองลำบาก ที่มีอยู่ใช้อีกกี่สิบชาติก็ใช้ไม่หมดนะเจ้าคะ" "เจ้าคิดผิดแล้วเหลียนฝาง เงินที่มีอยู่แม้จะมากก็จริง ถ้ารู้จักแต่ใช้ไม่รู้จักหา สักวันก็ต้องหมดสิ้นลง ภายภาคหน้าไม่มีอะไรแน่นอน ข้ารู้จักหาเงินใช้เองน่าจะภูมิใจกว่า อีกอย่าง ข้าอยากทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในแคว้นนี้" บ่าวรับใช้ที่ได้ยินสิ่งที่นายหญิงเล็กพูดต่างก็งุนงงไปตาม ๆ กัน แต่พ่อบ้านไฉกลับรู้สึกดีที่นายหญิงเล็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่เสียที เช่นนี้นายท่านจ้าวจึงจะมีความสุขได้บ้าง "นายหญิงเล็กต้องการสิ่งใดสั่งบ่าวมาได้เลยขอรับ บ่าวยินดีจัดการให้ท่านทั้งหมด" เฟยเซียนยิ้มอ่อนให้ทุกคน หากวันหนึ่งที่นางประสบผลสำเร็จจากการค้าที่นางหมายมาดเอาไว้ นางต้องตอบแทนทุกคนให้มีกินมีใช้แน่นอน "ข้าอยากได้ไม้ไผ่ที่อายุ 3 ปีสัก 20 ลำ รบกวนท่านพ่อบ้านช่วยจัดการให้ด้วย" "ขอรับ ว่าแต่นายหญิงเล็กจะเอาไม้ไผ่มาทำอะไรหรือขอรับ" "ข้าจะเอามาตัดทำเป็นกระบอกเผาเกลือ" "ผะ..เผาเกลือ เฮ้ออ ข้าจะเป็นลม" หลังจากได้คำตอบจากเฟยเซียน พ่อบ้านไฉถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแทบสิ้นสติ นี่เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงเล็กกันแน่ ใครก็รู้ว่าเกลือเป็นสินค้าราคาแพงรองลงมาจากทองคำและข้าว แต่เหตุใดนางถึงจะนำไปเผาเล่นเสียได้ เป็นเช่นนี้ให้นางอยู่เฉย ๆ ต่อไปไม่ดีกว่าหรือ แค่ชุดน้ำชามูลค่ากว่า 5 ตำลึงเงิน ถูกกระทำย่ำยีราวกับของราคาถูกเขาก็เจ็บปวดใจมากพอแล้ว 1 อิแปะ = 1 เหรียญทองแดง 1000 อิแปะ = 1 ก้วน (หนึ่งพวงของเหรียญทองแดง) 1,000 อิแปะ = 1 ตำลึงเงิน 10 ตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง ชุดน้ำชาราคา 5 ตำลึงเงิน = 5,000 อิแปะ ถือเป็นราคาที่สูงมากสำหรับชาวบ้านทั่วไป เพราะราคาซาลาเปาไส้หมูก็ซื้อขายกันอยู่ที่ 4-5 อิแปะเท่านั้น ข้าวสาร 1 ถัง(40 จิน) ราคา 1 ตำลึงเงิน 600 อิแปะ เฉลี่ยจินละ 40 อิแปะ เกลือ จินละ 30 อิแปะ น้ำตาล จินละ 20 อิแปะ 1 จิน = 500 กรัม 2 จิน = 1 กิโลกรัม ค่าแรงของชาวบ้านทั่วไปอยู่ที่วันละ 20-30 อิแปะเท่านั้น หากเป็นทาสที่มาขายตัวแลกเงินก้อนเพื่อช่วยครอบครัว มักจะไม่ได้รับค่าตอบแทน และต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายเสมอ จนกว่าจะหาเงินมาไถ่ถอนตัวได้ ชาวบ้านบางคนจึงต้องทำงานรับจ้างถึง 2 วัน กว่าจะสามารถหาเงินซื้อข้าวได้ 2 จิน หรือ 1 กิโล ​น้องไม่รู้ราคาไงเจ้าคะท่านพ่อบ้าน ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม