ลูกทรพีที่ต้องแบกรับทุกอย่าง
"มาแล้วเหรอ มานั่งลงสิ"
เฟยเซียนเดินเข้ามาถึงบ้านก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับการกระทำของบิดาที่ผิดแปลกไปจากทุกวัน เธอได้แต่ภาวนาว่าขอให้อาหารมื้อนี้เป็นดั่งเช่นครอบครัวอื่นทั่วไป ที่ไม่ต้องมีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง แต่ไม่รู้ว่าเธอจะขอมากไปหรือไม่
"สวัสดีค่ะป๊า ม้า มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ ทำไมถึงตามหนูมากินข้าวที่บ้าน"
จ้าวเฉิงมองหน้าลูกสาวอย่างไม่สบอารมณ์ โชคดีที่ภรรยาเขารีบตักข้าวมาแจกจ่ายให้ทุกคนเสียก่อน
"นั่งก่อนลูกอาเซียน เดี๋ยวม้าไปเรียกน้องมากินข้าวพร้อมกันแป้บนึงนะ ฮุ่ยหมินเอ้ย ข้าวเสร็จแล้วลูก เลิกเล่นเกมแล้วมากินข้าวก่อนเร็วเข้า"
เฟยเซียนที่ได้ยินแบบนั้นก็เหนื่อยหน่ายที่น้องชายของเธอยังคงทำตัวเป็นเด็กไม่เอาไหน ทั้งที่อายุห่างจากเธอเพียง 2 ปีเท่านั้น ต่างจากเธอที่ต้องแบกรับหน้าที่หาเงินเข้าบ้านทุกอย่าง เพียงเพราะคำว่าความกตัญญูค้ำคอและเป็นพี่ต้องรู้จักเสียสละให้น้อง
"อ้าวมาแล้วเหรอเจ้"
"อืม"
"กิน ๆ กินได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวจะหายร้อนซะก่อน"
จ้าวเลี่ยงซูรีบบอกให้ทุกคนลงมือกับอาหารตรงหน้า ก่อนที่บรรยากาศจะตึกเครียดไปมากกว่านี้ นางยอมเป็นภรรยาที่เชื่อฟังและอยู่ใต้อำนาจของสามีมาตลอดตามที่บรรพบุรุษเคยสั่งสอนเอาไว้
"ฮุ่ยหมินกินเนื้อเยอะ ๆ ลูก วัยของลูกกำลังต้องใช้พลังงานเยอะ อีกหน่อยแต่งงานแล้วจะได้มีแรงทำหลานชายให้ป๊าเยอะ ๆ"
เนื้อชิ้นใหญ่ถูกคีบไปวางในถ้วยข้าวของลูกชายสุดที่รักของครอบครัว ต่างจากเฟยเซียน ตรงหน้าของเธอมีเพียงจานผัดผักที่น้องชายไม่ชอบตั้งอยู่เสมอ และมันก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมาตั้งแต่เธอยังเด็กจนทุกวันนี้เธอมีอายุ 25 ปีแล้ว ทุกอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
"ฮุ่ยหมินจะแต่งงานเหรอคะป๊า ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ"
หวังว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ เฟยเซียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ภายในใจกลับกลัวคำตอบของบิดาอยู่ไม่น้อย
"ใช่ และนี่ก็เป็นธุระที่ฉันเรียกแกมาวันนี้"
ตะเกียบในมือของเฟยเซียนถูกวางลงบนถ้วย จากนั้นเธอจึงตั้งใจฟังสิ่งที่บิดาของเธอจะพูดต่อ
"ป๊ามีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ"
"เดือนหน้าน้องจะแต่งงาน แกต้องเซ็นยกร้านแล้วก็ตึกของแกให้น้องซะ รวมถึงรถคันที่แกขับอยู่ด้วย อย่าให้น้องต้องน้อยหน้าคนอื่น น้องจะได้เริ่มต้นชีวิตดี ๆ"
ไม่ผิดจากที่เธอคิดเอาไว้เลยสักนิด นี่คงเป็นเหตุผลที่บิดาของเธอเรียกเธอมาวันนี้ ไม่รู้ว่าครอบครัวอื่นจะเป็นแบบนี้ไหม ถ้าเป็นไปได้เธอจากหลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี้เหลือเกิน
"ทำไมหนูต้องยกให้ ของพวกนั้นหนูหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของหนู ตอนที่ป๊าไล่หนูออกจากบ้านหลังนี้ก็บอกว่าจะยกที่นี่ให้เป็นเรือนหอของฮุ่ยหมินไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมต้องมายุ่งกับบ้านของหนู"
เฟยเซียนถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเพราะเธอคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้เหลือเกิน แต่เป็นจ้าวเฉิงผู้เป็นพ่อที่เริ่มมีอารมณ์เดือดดาล เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ผู้ชายเป็นใหญ่ และต้องการสืบทอดสิ่งเหล่านี้ให้ลูกชายเพียงคนเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนลูกสาวจะมีค่าอะไรกัน? เต็มที่ก็เป็นได้เพียงทรัพย์สมบัติของผู้ชายเท่านั้น
"ฉันบอกให้แกยกให้น้องแกก็ต้องทำตามที่ฉันบอกสิ! หรือเดี๋ยวนี้แกปีกกล้าขาแข็งจนไม่เห็นหัวฉันแล้วใช่ไหม"
"ใช่แน่ ๆ เลยป๊า พี่ใหญ่ต้องคิดแบบนั้นแน่ ๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมเห็นพี่ใหญ่เถียงป๊าน่ะ"
ฮุ่ยหมินรีบสุมไฟในช่วงที่บิดากำลังโกรธ เขาถูกเลี้ยงดูมาประหนึ่งองค์ชายน้อยที่พ่อแม่ประเคนให้ทุกอย่างที่ต้องการ ต่อให้เขาทำผิดทุกอย่างก็ถูกปัดตกไปเป็นความผิดของพี่สาวโดยอัตโนมัติ
"นายเลิกทำตัวเป็นพวกสอพลอได้แล้วฮุ่ยหมิน อย่างนายจะไปดูแลใครได้ แค่หาเงินซื้อข้าวกินเองนายยังไม่มีปัญญา กี่ครั้งแล้วที่นายมาหลอกเอาเงินกับป๊าไปลงทุน นายเคยบอกพวกท่านไหมว่าจริง ๆ แล้วนายติดการพนัน"
"ไม่จริง! ป๊าครับพี่ใหญ่ใส่ร้ายผม ผมไม่เคยเข้าใกล้สิ่งไม่ดีพวกนั้นเลยนะครับ"
"โกหก! นายเป็นผู้ชายประเภทไหน ทำไมถึงได้ทำตัวน่ารังเกียจไม่รู้จักโตแบบนี้ ถ้านายไม่เคยเล่นการพนัน แล้วไอ้ที่ฉันต้องจ่ายหนี้พวกในบ่อนแทนนายเดือนละ 20,000 หยวนนี่มันคืออะไร หรือนายจะให้ฉันเอาสัญญาออกมาให้ป๊ากับม้าดูไหมห๊ะ!"
เคร้ง เพียะ!
จ้าวเฉิงที่ทนฟังลูกสาวกล่าวหาลูกชายสุดที่รักไม่ได้ เขากวาดถ้วยข้าวทิ้งก่อนจะเดินมาตบหน้าลูกสาวเต็มแรงจนเฟยเซียนเลือดไหลที่มุมปาก เท่านั้นยังไม่พอเจ้าน้องชายตัวดียังแลบลิ้นปลิ้นตาราวกับว่าเป็นเรื่องตลก
"แกกล้าดียังไงมาใส่ร้ายน้องแบบนี้ ไม่ว่าน้องจะเคยทำหรือไม่เคยทำน้องก็เป็นผู้ชาย เค้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน เค้าคือคนที่จะเลี้ยงดูฉันในอนาคต ส่วนแก! ไหน ๆ ก็อาศัยน้ำเชื้อของฉันเกิดมาแล้วไม่คิดที่จะตอบแทนฉันเลยรึยังไง รู้แบบนี้ฉันน่าจะหักคอแกให้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"
มือหนากำคอเฟยเซียนยกขึ้นจนปลายเท้าของเธอไม่สามารถแตะพื้นได้ นางซูเจินที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาห้ามสามีเอาไว้
"คุณคะ พอเถอะค่ะ อาเซียนก็เป็นลูกของเรานะคะ คุณจะฆ่าลูกตัวเองได้ลงเลยเหรอ"
เคร้ง! พรึบ ร่างของหญิงสาวถูกเหวี่ยงใส่โต๊ะอาหารจนข้าวของแตกกระจายไปทั่วห้อง เช่นเดียวกับร่างกายของเฟยเซียนที่มีร่องรอยบอบช้ำให้เห็นเด่นชัด
"ยังไงแกก็ต้องยกทุกอย่างให้ลูกชายของฉัน หลังจากนั้นจะไสหัวของแกไปที่ไหนก็ไป!"
"แค่ก ๆ ละ..แล้วหนูไม่ใช่ลูกของป๊าเหรอคะ มีแต่ฮุ่ยหมินเท่านั้นเหรอที่เป็นลูกป๊า ป๊าเคยรักหนูบ้างไหม ตอนเด็ก ๆ เพราะป๊าอยากให้ฮุ่ยหมินได้เข้าเรียนโรงเรียนประจำเมือง ป๊าถึงกับให้หนูลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเงิน ป๊าเคยถามหนูซักคำไหมว่าหนูเหนื่อยรึเปล่า"
"..."
"อาหารดี ๆ ทุกอย่างน้องต้องได้กินก่อน เพียงเพราะอะไรคะ เพราะฮุ่ยหมินเป็นผู้ชายอย่างนั้นเหรอ หนูขอเงิน 10 หยวนป๊าให้ไม่ได้ แต่น้องขอ 200 หยวนไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ป๊าควักออกมาให้โดยไม่ถามอะไรสักคำ"
"..."
"ทุกครั้งที่ฮุ่ยหมินทำผิดไปขโมยของของคนอื่น ป๊าต้องป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าหนูเป็นคนทำ และหนูก็ต้องแบกรับสายตาน่ารังเกียจพวกนั้นจากชาวบ้าน ป๊าเคยรู้บ้างไหมว่าหนูทรมานขนาดไหน"
เมื่อถึงจุดสูงสุดของความอดทน เฟยเซียนเลือกที่จะพูดออกมาทั้งหมดถึงสิ่งที่เธอต้องแบกรับมาตั้งแต่เกิด ต่างจากน้องชายต่อให้เป็นโจรหรือเป็นผีพนัน ก็ยังเป็นลูกชายคนดีในสายตาของบิดา
"ทรมานก็เรื่องของแก สิ่งที่แกต้องทำคือยกทรัพย์สินทุกอย่างให้ลูกชายของฉันซะ! จากนั้นแกอยากจะไปตายที่ไหนก็ไม่ แล้วไม่ต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้อีก ฉันถือว่าฉันไม่เคยมีลูกทรพีแบบแก"
"อาเซียนอย่าไปฟังป๊าเค้าเลยนะลูก กลับไปก่อนนะ ไว้ม้าจะโทรหา"
ต่อให้สามีของนางจะให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่า แต่ยังไปเฟยเซียนก็เป็นลูกสาวของนาง นางไม่อาจทำใจได้หากจะต้องสูญเสียลูกสาวไป แต่ในเวลาเดียวกันก็อยากจะให้ลูกสาวหลุดพ้นจากจุดนี้เหลือเกิน ขอให้เป็นนางคนเดียวที่ต้องทนทุกข์กับเรื่องพวกนี้ต่อไป
"ใช่! หนูมันลูกทรพี ลูกทรพีที่หาเงินไถ่ถอนบ้านหลังนี้ออกจากธนาคารมาคืนให้ป๊า ลูกทรพีที่ส่งเงินให้บ้านนี้เดือนละ 30,000 หยวน ลูกทรพีที่ต้องแบกรับค่าเทอม ค่ากิน ค่าเที่ยว ค่าการพนัน ของลูกชายยอดกตัญญูของป๊า แล้วนังลูกทรพีคนนี้ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ จากนี้เป็นต้นไปแม้แต่หยวนเดียวหนูก็จะไม่ให้ใครทั้งนั้น"
"..."
"ทรัพย์สมบัติของหนู ถ้าหนูตายไปมันจะถูกขายทอดตลาดและเงินที่ได้จะถูกบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าทันที ใครก็อย่าได้หวังจะมาชุบมือเปิบ ให้ไอ้ผีพนันคนดีของป๊าหาเลี้ยงป๊าต่อไปเถอะค่ะ ฮึก!"
เพี๊ยะ!
"แกกล้าแข็งข้อกับฉันเหรอ ห๊ะ! ฉันบอกให้แกยกให้ลูกชายฉัน แกก็ต้องทำตามที่ฉันสั่ง"
ความเจ็บปวดนอกกายไม่อาจทำให้น้ำตาของเฟยเซียนร่วงหล่นลงได้ มีเพียงความเจ็บปวดภายในใจเท่านั้นที่ทำให้เธอร้องไห้ออกมาได้ทุกค่ำคืน
"กระทืบมันเลยป๊า เอาหนัก ๆ มันปากดีกล้ามาเถียงป๊าของผม"
"หยุดเถอะคุณ ฮื้ออ ฉันขอร้อง เดี๋ยวฉันจะพูดกับลูกเอง ได้โปรดปล่อยลูกเถอะนะ อาเซียนกลับไปก่อนเร็วเข้าลูก กลับไป"
จ้าวเลี่ยงซูรีบกอดขาสามีเอาไว้พร้อมกับบอกให้ลูกสาวที่กองอยู่ที่พื้นรีบกลับออกไปก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปมากกว่านี้
"ต่อให้หนูตายหนูก็ไม่มีวันยกอะไรให้ไอ้น้องชั่วทั้งนั้น ให้ไปก็หมดกับการพนัน สู้เอาไปให้คนที่เขาไม่มี แต่อยากเรียน อยากมีอนาคตดี ๆ ยังดีกว่า"
ในระหว่างที่ลุกขึ้นได้เฟยเซียนรีบหยิบเอากระเป๋าอย่างทุลักทุเล กระนั้นเธอก็ยังทิ้งท้ายไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยกอะไรให้น้องชายของเธอทั้งนั้น
"นังเนรคุณ แกมันอกตัญญู เลี้ยงเสียข้าวสุก งั้นฉันก็ขอแช่งให้แกตายเร็ว ๆ รถคว่ำตายไปได้ยิ่งดี"
เสียงสาปแช่งของผู้เป็นพ่อดังไล่หลังเฟยเซียนจนเธอเข้าไปอยู่ในตัวรถเพื่อสงบสติอารมณ์ น้ำตามากมายก็ไหลรินออกมาปะปนกับหยดเลือดจนบดบังการมองเห็น ถึงจะเป็นแบบนั้นเฟยเซียนก็ยังฝืนขับรถออกมาจากบ้านหลังนั้นและจ้องมองอีกครั้งราวกับว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นที่นั่น
"ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากตายเหมือนกัน ตายไปจากเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ซะที"
กรี๊ดดดดดดด
โครมมมมมมม
เพียงเสี้ยววินาทีที่รถบรรทุกที่วิ่งสวนเลนกับรถเธอ อีกฝ่ายแซงทางโค้งขึ้นมาประสานงากับรถของเธอเข้าอย่างจัง ไม่รู้นานแค่ไหนที่เฟยเซียนติดอยู่ในนั้น ในที่เกิดเหตุ แต่คำพูดสุดท้ายของเธอคือ...
"ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันจะได้หลุดพ้น" เฟยเซียนสิ้นใจคาที่ แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คำภาวนาที่เธอเคยขอเสมอมาคือ ไม่ว่าบุญกรรมอันใดขอให้จบสิ้นที่ชาตินี้ อย่าให้เธอต้องพบเจอเรื่องเช่นนี้อีก