ยามเหม่า(5.00-06.59 น.)
ฟอดดด ฟอดดด
"พวกเจ้าจงวางใจ แม่จะทำให้พวกเจ้ามีความสุขจนลืมเลือนเรื่องร้าย ๆ ที่ผ่านมา"
เฟยเซียนรู้สึกตัวตื่นก่อนลูก ๆ ทั้งสอง คุณชายน้อยของบ้านที่ตั้งท่าห่างเหินกับมารดา ตอนนี้กลายเป็นว่าแย่งที่ของน้องสาว นอนอยู่ในอ้อมกอดของมารดาทั้งคืนโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
เจ้าก้อนแป้งนอนอ้าปากหว๋อจนคนเป็นแม่เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มนุ่ม ๆ ของทั้งคู่ ก่อนที่นางจะหันมาบีบนวดขาของตัวเองที่ดูท่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้างแล้ว
แอดดดด
"นายหญิงเล็กเจ้าคะ เหตุใดตื่นแล้วจึงไม่เรียกบ่าว อย่าเพิ่งขยับนะเจ้าคะ บ่าวขอจุดตะเกียงสักครู่เจ้าค่ะ"
เหลียนฝางที่กำลังจะเข้ามาจัดเตรียมเสื้อผ้าเพื่อช่วยชำระล้างร่างกายให้เจ้านาย แต่กลับพบว่านายหญิงของตนตื่นก่อนแล้วจึงเร่งมือเข้าไปหยิบตะบันไฟ(ฮว่าเจ๋อจึ)ไปจุดตะเกียงอย่างรวดเร็ว
"เจ้าไม่ต้องรีบหรอกเหลียนฝาง ข้าพอจะมีแรงขึ้นบ้างแล้ว เสร็จแล้วเจ้ามาช่วยประคองข้าไปที่ห้องอาบน้ำที"
"ได้อย่างไรกันเจ้าคะนายหญิงเล็ก ให้บ่าวไปตามคนมาเพิ่มดีหรือไม่ หากท่านหกล้มไปนายท่านผู้เฒ่าได้ลงโทษบ่าวแน่ ๆ "
เหลียนฝางพูดไปก็รีบเดินกลับมาบีบนวดขาให้ผู้เป็นนายไปด้วย
"ข้ารู้ตัวเองดี เอาตามที่ข้าบอกนี่แหละ ข้าเดินไหว เร็วเข้า"
"เจ้าค่ะ"
เฟยเซียนค่อย ๆ ทรงตัวขึ้นโดยมีเหลียนฝางคอยช่วยเหลือ แต่เหลียนฝางที่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงตะโกนเรียกสาวรับใช้นางอื่นเข้ามาเพิ่ม
"ซี๊ดด ข้าเจ็บที่หัวเข่า"
"นั่งลงก่อนเจ้าค่ะนายหญิงเล็ก ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาช่วยประคองนายหญิงเล็กเร็วเข้า"
"มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ขอรับ"
เสียงของสวี่เฟิ่งหยวนดังลอดประตูเข้ามาในห้องจนเฟยเซียนต้องรีบห้ามเอาไว้
"ไม่ ๆ แค่เหลียนฝางกับสาวใช้เหล่านี้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ"
เฟยเซียนก็ไม่เข้าใจตนเองว่าเหตุใดต้องเกรงอกเกรงใจและพูดจานอบน้อมกับเฟิ่งหยวนถึงเพียงนี้ หรือจะเป็นเพราะท่าทางองอาจดูน่าเกรงขามต่างจากบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาอายุมากกว่านางก็ไม่อาจรู้ได้
"ข้าจะรออยู่ข้างนอก หากต้องการความช่วยเหลือให้เรียกได้ทันทีนะขอรับ"
เหลียนฝางกับสาวใช้อีก 2 นางช่วยประคองเฟยเซียนเดินไปจนถึงอ่างอาบน้ำ กระทั่งปรนนิบัติดูแลนางจนเสร็จทุกอย่างจึงพานายหญิงเล็กของพวกนางกลับออกมาสวมใส่เสื้อผ้าและทำผม มีบ้างที่เฟยเซียนไม่ชินกับการที่มีคนอื่นช่วย แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อนางยังทรงตัวไม่ไหว ก็ต้องปล่อยให้สาวรับใช้คอยช่วยไปก่อน
"นายหญิงจะปักปิ่นชุดไหนดีเจ้าคะ"
ปิ่นปักผมและเครื่องประดับมากมายถูกจัดเรียงอยู่ตรงหน้าของเฟยเซียนจนนางตาลาย เชื่อแล้วว่าบิดาของนางร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้ ถึงขนาดที่นางไม่ต้องใช้เงินของอดีตสามีสักอิแปะก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด หากนางรู้จักทำมาหากินช่วยงานบิดาบ้างคงจะดีกว่านี้.
"เอาชุดนี้ สีจะได้เข้ากับเสื้อผ้าหน่อย แต่ไม่ต้องปักทั้งหมดก็ได้นะเหลียนฝาง ถ้าปักไปทั้งหมดนี่คอข้าคงต้องหักแน่ ๆ"
"ฮ่า ฮ่าฮ่า นายหญิงเล็กล้อบ่าวเล่นใช่ไหมเจ้าคะ นี่เป็นเครื่องประดับชุดเล็กที่สุดแล้วนะเจ้าคะ มีไว้สำหรับวันธรรมดาที่ไม่ได้ออกจากเรือนไปไหน"
"ห๊า! นี่เรียกว่าธรรมดาแล้วหรือ เอ่อ ว่าแต่เสื้อผ้ามีชุดที่ใส่สบายกว่านี้หรือไม่ แบบไม่ต้องเต็มยศขนาดนี้ก็ได้"
เฟยเซียนถึงกับตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่เหลียนฝางพูด หากนางต้องไปปิ่นทั้งหมดในถาดใส่ไว้บนหัว วันนี้คอของนางต้องเคล็ดแน่ ๆ
"นายหญิงอยากสั่งตัดชุดใหม่แล้วใช่ไหมเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะรีบไปแจ้งช่างที่ร้านให้นำแบบใหม่มาเสนอให้กับนายหญิงเล็กได้ดูเจ้าค่ะ แต่ชุดที่เราตัดไว้แล้วยังไม่ได้ใส่ก็มีอีกหลายสิบชุดเลยนะเจ้าคะ เห็นทีว่าสั่งตัดคราวนี้คงต้องขยายเรือนเก็บชุดเสียแล้ว"
"เอ่อ พะ..พอเถอะเหลียนฝาง เจ้าลืมเรื่องที่ข้าพูดไปเถอะนะ เอาเป็นว่าข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เจ้ารีบทำผมให้ข้าเถอะ"
ใครจะไปคิดว่าเฟยเซียนคนเดิมจะมือเติบขนาดที่สั่งตัดเสื้อผ้าไว้มากมายก่ายกองขนาดนั้น เห็นทีนางคงต้องระวังเรื่องการถามหาสิ่งของต่าง ๆ ให้มาก ไม่เช่นนั้นคงหนีไม่พ้นที่นายท่านจ้าวจะหามาประเคนให้เป็นจำนวนมากเหมือนอย่างเคย
"เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก"
"อ้อ ให้คนไปแจ้งที่ห้องครัวว่าข้าจะเข้าไปทำเกี๊ยวให้เด็ก ๆ ช่วยเตรียมเครื่องไว้ให้ด้วย"
"จะ..เจ้าคะ? นายหญิงเล็กจะเข้าครัวหรือเจ้าคะ"
เหลียนฝางแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หากนายหญิงเล็กของนางเข้าครัวทำอาหารจริง ๆ ฝนจะไม่กระหน่ำลงมากลางฤดูใบไม้ผลิหรอกหรือ
"ใช่ เป็นอย่างที่เจ้าได้ยิน แจ้งพ่อบ้านไฉให้เตรียมอุปกรณ์ในการวาดภาพให้คุณชายน้อยด้วย"
"เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก"
สาวรับใช้ของคุณชายน้อยที่กำลังช่วยเหลียนฝางปรนนิบัติเฟยเซียนอยู่รีบรับคำแล้วเดินออกไปแจ้งพ่อบ้านไฉและในครัวให้เตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว ส่วนเหลียนฝางยังคงนิ่งอึ้งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"รีบทำเร็วเข้าเหลียนฝาง ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าท้ายจวนของเรามีลำธารด้วยใช่หรือไม่ ตอนนี้ที่นั่นบรรยากาศเป็นยังไงบ้าง ข้าอยากพาเด็ก ๆ ไปนั่งเล่นริมลำธาร"
"เอ่อคือ เดี๋ยวบ่าวจะไปถามให้นะเจ้าคะว่าบรรยากาศที่นั่นดีหรือไม่ บ่าวก็ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว อีกอย่าง..."
"ข้าไม่ชอบไปในที่แบบนั้นใช่หรือไม่ เจ้าจงจำไว้ว่านับแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่มีจ้าวเฟยเซียนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่รู้จะอธิบายให้เจ้าฟังยังไงดี เอาเป็นว่าหลังจากผ่านความตายมาได้ ข้าแค่อยากเป็นคนที่ดีขึ้นและทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขมากขึ้นก็เท่านั้น"
เฟยเซียนพอจะรู้ว่าเหลียนฝางรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่นางทำ แต่นางจะไม่ยอมเสียเวลาอธิบายอะไรกับใครอีก ขอเพียงคนใกล้ตัวนางเข้าใจนางก็พอ
"ดีเจ้าค่ะ นายหญิงเล็กเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ"
1 เค่อต่อมา (15 นาที)
เฟยเซียนเดินมายังห้องครัวที่อยู่ห่างจากเรือนนอนของนางพอสมควร ระหว่างทางนางต้องนังพักถึง 2 ครั้งกว่าจะมาถึงจุดหมาย แต่โชคดีที่มีเหลียนฝางและสาวใช้อีกนางหนึ่งคอยประคองอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็มีสวี่เฟิ่งหยวนคอยตามดูแลโดยเว้นระยะห่างตามสมควร
"โอ้ เตรียมไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ข้าแทบไม่ต้องทำอะไรเลยนะเนี่ย"
สิ่งของทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียงรายไว้ตรงหน้า จนเฟยเซียนคิดว่านางคงไม่ต้องลงมือทำอะไรเสียแล้วนอกจากปรุงรสกับปั้นเกี๊ยวเท่านั้น พ่อครัว แม่ครัว และคนงานอีกหลายชีวิตต่างก็จับจ้องมาทางที่นางนั่งอยู่เสมือนเป็นความฝัน
"พวกเจ้ามองอันใดกัน แยกย้ายกันไปทำงานของตนเองเร็วเข้า ทางนี้ข้าจะช่วยนายหญิงเล็กเอง"
เสียงของเหลียนฝางทำให้ผู้คนนับสิบชีวิตรีบกุลีกุจอแยกย้ายกันไปทำสำรับอาหารตามหน้าที่ของตนเอง ส่วนเฟยเซียนก็เริ่มลงมือปรุงหมูสับที่คนงานเตรียมไว้ให้อย่างขะมักเขม้น มีหลายครั้งที่นางจะหยิบจับเครื่องปรุงขึ้นมาแต่ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน นางจึงต้องชิมและดมดูก่อน นั่นก็ทำให้หลายคนต้องลุ้นตามว่านายหญิงเล็กทำอาหารเป็นครั้งแรกจะกินได้หรือไม่
"ท่านแม่ ซือซือมาแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดท่านแม่ไม่ปลุกลูกเจ้าคะ ซือซือตื่นมาไม่เห็นท่านแม่ซือซือตกใจหมดเลย"
คุณหนูตัวน้อยเดินมาพร้อมกับสาวรับใช้ส่งเสียงมาก่อนที่ตนเองจะมาถึงจุดที่มารดายืนอยู่ แม่ต่างจากคุณชายน้อยที่ขอบตาแดงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
"แม่อยากห่อเกี๊ยวร้อน ๆ ให้พวกลูกกิน แล้วเหตุใดพี่ชายของลูกถึงทำหน้าแบบนั้นกันเล่า"
"ละ..ลูกนึกว่าเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน พอตื่นขึ้นมาท่านแม่คนเมื่อคืนก็หายไปแล้วขอรับ"
คุณชายน้อยพูดไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่เพราะเกรงว่ามารดาจะไม่ชอบใจ แต่เฟยเซียนที่ได้ยินแบบแบบนั้นก็อยากจะกอดลูกน้อยของนางเอาไว้ให้แน่น ๆ แต่ก็ติดตรงที่มือของนางเปื้อนอยู่จึงทำได้เพียงก้มหน้าลงไปหอมแก้มเด็ก ๆ เท่านั้น
"เดี๋ยวล้มขอรับ ขออภัยขอรับคุณชายน้อย"
สวี่เฟิ่งหยวนที่คอยดูอยู่ใกล้ ๆ รีบห้ามเฟยเซียนไว้ก่อนที่นางจะเสียการทรงตัว พร้อมกับอุ้มเหรินเฟยหรงขึ้นมาให้นางได้หอมแก้มได้อย่างถนัด ถือเป็นภาพที่น่ารักแต่แปลกตาพิกล
ดูผิวเผินเหมือนพ่ออุ้มลูกน้อยขึ้นมาให้แม่ที่ทำอาหารอยู่ได้หอมแก้มหยอกล้อเล่นกัน ผิดก็ตรงบุรุษผู้นั้นแทนที่จะเป็นบิดาของเด็ก แต่กลับเป็นท่านลุงเฟิ่งหยวนบุคคลที่อยู่เคียงข้างท่านตาของเด็ก ๆ ไปเสียได้
ฟอดดดด
"ชื่นใจยิ่งนัก เหตุใดแก้มของลูกชายแม่ถึงได้หอมถึงเพียงนี้นะ"
เหรินเฟยหรงไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่เก็บอาการเขินอาย แม้ใบหน้าของตนเองจะฉายชัดขึ้นสีแดงเรื่อก็ตาม
"ฮะ ฮะ ฮะ ท่านลุงอุ้มซือซือด้วยเจ้าค่ะ ซือซือขอด้วย"
"ขอรับ"
สวี่เฟิ่งหยวนวางร่างคุณชายน้อยไว้บนเก้าอี้ข้าง ๆ เฟยเซียน ก่อนจะรีบไปอุ้มคุณหนูน้อยขึ้นมาให้มารดาของนางได้สูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มเนียน
ฟอดดด
"แก้มของลูกสาวก็หอมชื่นใจไม่แพ้กัน แม่จะทำเกี๊ยวน้ำเป็นรางวัลให้พวกเจ้าดีหรือไม่"
"ดีขอรับ"
"ดีเจ้าค่ะ ซือซือทำด้วยนะเจ้าคะท่านแม่"
"ย่อมได้ กินเกี๊ยวเสร็จแล้วแม่จะพาพวกเจ้าไปเที่ยวเล่นที่ริมลำธาร อ้อ แม่ให้พ่อบ้านไฉเตรียมอุปกรณ์วาดภาพไว้ให้หรงเออร์แล้วนะลูก ส่วนซือเออร์แม่จะพาเจ้าทำอาหารแบบนี้ทุกวันดีหรือไม่"
"ท่านแม่ใจดีที่สุด ซือซือรักท่านแม่เจ้าค่ะ"
"จริงหรือขอรับท่านแม่ ลูกวาดภาพได้จริง ๆ หรือขอรับ"
เด็กชายตัวน้อยแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน ใครจะไปคิดว่าเช้าวันนี้จะเป็นวันที่ดีถึงเพียงนี้
"ต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วสิลูก เรามาช่วยกันห่อเกี๊ยวเถอะ"
เสียงของสามคนแม่ลูกพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุขดังไปถึงเรือนหลักหน้าจวน นายท่านจ้าวเห็นแบบนั้นจึงรีบเดินมาดูด้วยตนเองว่าเกิดเรื่องดี ๆ อันใดขึ้น ภาพที่เห็นทำให้ท่านมีความสุขไม่น้อย จวนใหญ่หลังนี้มีคนมากกว่าร้อยชีวิตก็จริง แต่เสียงหัวเราะเช่นนี้ช่างหายากเหลือเกิน
เช้านี้ทุกคนได้ลิ้มลองเกี๊ยวน้ำฝีมือนายหญิงเล็กต่างก็ต้องแปลกใจกับรสชาติที่กลมกล่อม ถือว่าเกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดเอาไว้มาก แต่ลักษณะของตัวเกี๊ยวอาจจะแปลกตาไปบ้างเพราะมีคุณชายน้อยเหรินเฟยหรงและสวี่เฟิ่งหยวนช่วยห่ออีกแรงจึงทำให้เสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม แต่รูปลักษณ์ของตัวเกี๊ยวกับแปลกพิลึกยิ่งนัก
ฮว่าเจ๋อจึหรือตะบันไฟเป็นเครื่องมือจุดของชาวจีนโบราณ สามารถจุดไฟได้ด้วยการเป่าเพียงครั้งเดียว ในสมัยโบราณ จีนยังไม่มีไม้ขีดไฟ การก่อไฟจึงนับว่ายุ่งยากไม่น้อย จึงมีผู้คิดค้น ฮว่าเจ๋อจึ ขึ้น