“ฉันจะโทรแล้วนะ”
“ค่ะ โทรเถอะ ถ้าไม่โทรผู้หญิงคนอื่นอาจจะชิ่งแฟนคุณไปก่อนก็ได้”
ลิลินได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ เธอรีบลนลานกดโทรศัพท์ที่ถือไว้โทรหาติณห์ทันที ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง
CALLING | P’TIIN
‘ตืด... ตืด...’
‘ตืด... ตืด...’
“เขาไม่รับ! เห็นมั้ยว่าพี่ติณห์ไม่รับโทรศัพท์ฉัน!”
พังพินาศ สิ่งที่ปลายฝนบอกเธอทุกคำพังไปกับตา ลิลินโกรธมาก เธอรีบเข้าเกียร์รถสปอร์ตคันหรูขับเลี้ยวเข้าไปในสำนักงานทันที
โดยที่ไม่สนใจปลายฝนตอนนี้ ที่สาวมือดึงเข็มขัดนิรภัยรัด!
‘เอี๊ยด...’
“ว้าย! คุณลิลิน เบรกดี ๆ สิคะ”
“ฉันแฟนซีอีโอสายการบินนี้! เปิดประตู!” ทันทีที่ยามเห็นใบหน้าคนขับ เขาก็รีบทำความเคารพและเปิดประตูให้ทันที ก่อนที่ลิลินจะรีบเหยียบคันเร่ง!
บึ่งไปจอดที่หน้าประตูสำนักงาน และเปิดประตูลงจากรถไป
‘ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ’
เสียงรองเท้าส้นสูงของลิลินที่ก้าวยาว ๆ ทำทุกคนในสำนักงานรีบเดินหลบทางให้ ทุกคนต่างรู้จักว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แถมยังรู้ถึงความร้ายของเธอด้วย
“พี่ติณห์อยู่ข้างในรึเปล่า?”
ลิลินถามเลขาหน้าห้องที่ลุกพรวดขึ้นกลัว ๆ จนเลขาคนนั้นหมดทางเลือก เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าปลายฝน ราวกับวอนขอให้เธอช่วยห้ามเจ้านายตัวแสบ
“คือ... คุณติณห์อยู่ค่ะ แต่มีแขก คุณลิลินนัดไว้รึเปล่าคะ?”
“นี่! ระดับฉันไม่จำเป็นต้องนัด เขาอยู่ใช่มั้ยฉันจะได้เข้าไป”
“ค่ะ แต่แขกเป็นผู้หญิงนะคะ เป็นผู้บริหารบริษัทคู่ค้า”
รู้แบบนั้นลิลินก็ชะงักหันขวับมองไปที่ประตูห้องทำงานติณห์ทันที
ก่อนที่จะแสยะยิ้มที่มุมปาก และบอกกับเลขาว่า
“หึ! นั่นแหละ ฉันยิ่งต้องเข้าไปทำความรู้จัก!” แต่พูดจบ ลิลินไม่ทันเอื้อมมือไปผลักประตูเลยด้วยซ้ำ อยู่ ๆ ประตูบานใหญ่ห้องทำงานติณห์ ก็ถูกเปิดพรวดออกมา
และภาพที่เผย ก็ทำทุกคนใจหล่นวูบรวมถึงปลายฝน พร้อมกับลิลินที่ยืนหน้าสุดถอยหลังกรู มองหน้าแฟนหนุ่มอ้าปากค้าง
เพราะติณห์ออกมากับผู้หญิงคนนึง ที่แต่งตัวดีมีราคาพอ ๆ กับลิลิน แต่เจ้าหล่อนอ่อนปวกเปียกไม่มีแรง แขนเกาะแน่นไม่ปล่อย
และที่หนักไปกว่านั้นคือ!
คอเสื้อติณห์ มีรอยลิปสติกฝากไว้ด้วย
“พะ พี่ติณห์”
เมื่อลิลินหยุดมองปกเสื้อที่มีรอยประทับ สายตาของผู้หญิงคนนั้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลย
ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีเดียวกันแสยะยิ้มอย่างสะใจ ราวกับไม่รู้อนุภาคความร้ายกาจของนางมารร้ายที่กำลังประทุขึ้นเรื่อย ๆ
“อุ๊ย ปวดหัว คุณติณห์คะ ดาปวดหัวอีกแล้วค่ะ”
ใช่ หล่อนพูดพร้อมกับเซไปซบไหล่ติณห์! และติณห์ก็ไม่พูดอะไรสักคำ หน้าลิลินเขาก็ไม่มองด้วยซ้ำ
เขากวักมือเรียกเลขาของตัวเองเป็นลำดับแรก
“เรียกรถพยาบาลให้ผมด้วย”
“ค่ะ ๆ คุณติณห์”
“คุณลิลินคะ” เมื่อปลายฝนเห็นมือที่กำแน่นแนบลำตัวของลิลินสั่นระริก เธอก็รีบแตะแขนเจ้านายเบา ๆ เตือนสติ
แต่ลิลินปัดมือปลายฝนออกทันที ก่อนที่จะเดินไปกระชากผู้หญิงคนนั้นออกมาจากแฟนตัวเอง!
“ออกไป!”
“ว้าย...”
“ลิน! เห็นมั้ยว่ากำลังเรียกรถพยาบาล!คุณดาไม่สบายนะ เธอต้องไปโรงพยาบาล!”
ไม่สบาย? ลิลินทวนคำนั้นในหัวและเพ่งมองไปที่คอเสื้อแฟนตัวเองอีกครั้ง จนตอนนี้ติณห์ต้องก้มมองตาม ก่อนจะรีบเช็ดออกลวก ๆ หลบตาเธอ
“ไม่สบายอีท่าไหน ถึงฝากรอยลิปสติกแบบนั้น!”
“มันเป็นอุบัติเหตุไม่มีอะไร ใช้เหตุผลด้วยนะลิน พี่ต้องพาคุณดาไปส่งโรงพยาบาลก่อน”
ปลายฝนที่ยืนข้างหลังได้ยินแบบนั้น เธอก็เหลือบมองดารกานที่ทำตัวอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงอย่างจับผิด เพราะริมฝีปากผู้หญิงคนนั้นตอนนี้มันแอบเบะนิด ๆ หมั่นไส้ลิลินอย่างกับนางร้าย!
ใช่ลิลินเป็นผู้หญิงที่น่าหมั่นไส้
แต่ที่หล่อนไปประทับริมฝีปากลงคอเสื้อแฟนคนอื่นหล่อนมีเจตนาอะไร?!
ปลายฝนเริ่มสงสัย แต่เธอไม่กล้าออกความเห็นอะไรได้แต่ยืนเงียบ จนลิลินเดินไปใกล้ ๆ ติณห์และพูดขึ้นมาว่า...
“พี่ติณห์หลบตาลินทำไม!”
“พี่ไม่ชอบเห็นลินโมโหไง กลับไปก่อนนะลิน พี่เคลียร์งานเสร็จพี่จะไปรับไปกินข้าว”
ลิลินส่ายหน้าเบาๆ จ้องคนของตัวเองน้ำตาคลอเต็มสองตา เธอจะกลับไปทั้งที่ไม่สบายใจแบบนี้ได้ยังไง! เธอไม่ใช่นางเอกหน้าโง่ที่รอโดนสวมเขานะ
“ไม่ ถ้าเคลียร์งานอะไรลินเคลียร์ด้วย ไปโรงพยาบาลลินไปด้วย ลินจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น! ลินจะให้กำลังใจพี่ติณห์! และคอยดูว่าใครมันยุ่งกับแฟนลินรึเปล่า!”
“ไร้สาระและวุ่นวายมากลิน ไม่มีเหตุผลอีกแล้วนะ กลับไป ลินเป็นแบบนี้พี่อายนะ”
ปลายฝนเริ่มทนฟังไม่ไหว และกลัวว่าเรื่องมันจะไปบานปลายไปกันใหญ่ เธอจึงเดินไปใกล้ ๆ พยายามดึงสติลิลินกลับมา
จนติณห์ที่อยู่ตรงหน้า เขาหยุดมองเธอทันที
“คุณลิลินคะ”
“เธอคือเลขาคนใหม่สินะ ช่วยพาลิลินกลับไปก่อนเถอะ ฉันมีงานต้องทำ”
ปลายฝนพยักหน้ารับรัว ๆ แต่ไม่กล้าสบตาติณห์ พร้อมกับสองมือที่พยายามสะกิดลิลินไปด้วย แต่ลิลินยังดื้อ และเธอก็เริ่มส่งเสียงสะอื้นออกมาฮึก ๆ จนไหล่สองข้างสั่นระริก
“พี่ติณห์ไม่เคยเป็นแบบนี้ ฮึก ๆ”
“ลินพี่เหนื่อย และพี่ต้องดูแลลูกค้า กลับไปก่อนนะไว้เจอกัน”
“ไม่ บอกมาก่อน! ยังรักลินอยู่รึเปล่า? รู้ไหมพี่เฉยเมยกับลินทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วนี่วันต่อมา ลินเจอพี่มีรอยลิปสติกที่คอพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น ทำแบบนี้พี่ติณห์ใจร้ายกับลินเกินไปแล้วนะ!”
“ลิน เราไม่ควรมาทะเลาะกันตรงนี้นะ”
“พี่ติณห์ ฮึก ๆ”
“กลับไปก่อน พี่ขอ”
“ถ้าลินกลับไป พี่ติณห์ไม่มาหาภายในสามสิบนาที ลินจะไม่ทนนะคะ!” ปลายฝนได้ยินคำนั้นก็รีบถือวิสาสะจับแขนลิลินไว้ทันที เพราะตอนนี้เธอเห็นติณห์ถอนหายใจเอือมระอาสุด ๆ
แบบนี้ไม่ต้องถามก็รู้ สีหน้าแววตาติณห์ เขาคงเหนื่อยกับลิลินมาก
“โอเค พี่ก็จะไม่ทนเหมือนกัน ถ้าลินยังเป็นแบบนี้”
ประโยคที่ออกจากปากติณห์ ทำน้ำตาลิลินที่คลอเต็มสองข้างหยดเผาะลงมา ริมฝีปากบางที่จะเอ่ยถามคำว่ารักอีกครั้ง ตอนนี้มันได้ชาไปพร้อมกับหน้าของเธอแล้ว
ใช่เธอผิดที่เอาแต่ใจ อยากจะเรียกร้องให้คนรักดูแลเอาใจใส่เธอเช่นเดิม แต่เธอไม่คิดเลย ว่าคำว่าไม่ทนคำนี้ มันจะออกมาจากปากผู้ชายที่เธอรัก
ที่ผ่านมาคงทนมาตลอดใช่มั้ย?
นิสัยเธอมันแย่มากใช่มั้ย?
หญิงสาวยืนคิดอยู่ในใจ ก้มหน้ามองมือที่กำแน่นและทำอะไรไม่ได้ของเธอตัวสั่นระริก
แค่หายใจก็คงผิด เพราะยังไงจุดที่ยืนตอนนี้มันก็คือคนแพ้ ซึ่งติณห์ไม่รับฟังอะไรเธออีกเลย นอกจากเดินไปผายมือเชิญผู้หญิงคนนั้นออกไป
คนที่ไม่เคยผิดหวัง คนที่ทุกอย่างได้ดั่งใจมาตลอด ตอนนี้เธอได้เรียนรู้แล้ว ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมาและได้รับจากคนอื่น ๆ มันไม่จีรัง
สักวัน มันจะมีคนทนไม่ได้แบบนี้
“ปลายฝน เธอขับรถให้ฉันด้วย ขับออกไปไกล ๆ ไปไหนก็ไป จะหัวหิน นราธิวาส ประเทศสิงค์โปร์ ขับไปเลยฉันไม่ไหวแล้ว”
เมื่อขึ้นรถสปอร์ตคันหรูสองที่นั่ง ลิลินก็ส่งกุญแจรถให้ปลายฝนด้วยสภาพอิดโรย ขณะที่สายตาเธอยังมองเหม่อไปที่กระจกหน้า
ตามหลังรถตู้ที่พาผู้หญิงคนนั้นออกไปพร้อม ๆ กับติณห์
“เอ่อ... ฉันขับรถไม่เก่งเท่าไหร่นะคะ คงไปได้ใกล้ ๆ ชานเมือง ทะเลบางขุนเทียนดีมั้ยคะ?”
ลิลินพยักหน้าอย่างจำใจ ก่อนจะเอนเบาะลงนิดหน่อยและกดเปิดประทุนรถตัวเอง
จนปลายฝนเริ่มออกรถ ขับช้า ๆ รับลม โชคดีที่ไม่มีแดดไม่มีฝน มีแต่มลพิษล้วน ๆ ที่เธอทั้งสองสูดเข้าไป
หึ ก่อนจะได้เป็นนางเอกเอวี หวังว่าคงไม่เป็นโรคปอดตายก่อนนะ!
‘ครืน... ครืน...’
P’NAPHAT
“คุณลิลิน ฉันขอจอดรถรับโทรศัพท์นะคะ”
“ไม่ต้องจอด เธอเปิดสปีคเกอร์โฟนคุยเถอะ ฉันไม่ยุ่งเรื่องของเธอหรอก”
ลิลินบอกและเช็ดน้ำตาไปด้วย จนปลายฝนเห็นแบบนั้นก็ไม่ขัด รีบกดรับสายและวางโทรศัพท์ไว้บนตักทันที
“ค่ะพี่ณภัทร”
(พี่จ้างบริษัทขนย้าย ย้ายของเราไปที่คอนโดแล้วนะ)
“อ้าวเหรอคะ? เอ่อ... แต่ฝนขอนอนอีกห้องนะคะ ฝนยังไม่พร้อม”
(ได้สิ พี่เข้าใจ ไว้แต่งเมื่อไหร่ค่อยย้ายมานอนด้วยกัน)
“ขอบคุณนะคะพี่ณภัทร ฝนไม่ว่างพี่ณภัทรก็จัดการธุระย้ายของให้ เหนื่อยมั้ยคะ?”
(ไม่เหนื่อยครับ แต่ฝนต้องมาจัดของตัวเองด้วยนะ พี่ไม่ถนัดเรื่องนี้)
“ได้ค่ะ แค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว งั้นฝนขับรถก่อนนะคะ เย็นนี้เจอกัน ฝนจะรีบกลับไปช่วยจัดห้องเอง”
(อืม ขับรถดี ๆ นะฝน)
“ค่ะ บ้ายบาย”
เมื่อปลายฝนกดวางสาย ลิลินที่แอบฟังก็หัวเราะเหอะออกมา ก็เพราะเธอทั้งหมั่นไส้และอิจฉา ทำไมพี่ติณห์ไม่โทรกลับเป็นห่วงเป็นใยเธอบ้าง
นี่ถ้าขับรถชนตายเขาจะเป็นห่วงเธอมั้ย! ไม่มีเธอแล้วจะเป็นยังไง อยากรู้จริง ๆ
แต่ในขณะที่ลิลินนึกน้อยใจต่าง ๆ นา ๆ ใกล้ทางโค้งหักศอก ปลายฝนก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับมือสองข้างที่จับพวงมาลัย
เพราะอยู่ ๆ มันก็แข็ง และขยับไม่ได้ขึ้นมาดื้อ ๆ แถมปลายเท้าเธอยังแตะคันเร่งลึกลงอีก จนใกล้มิด!
‘บรื้น…’
“คุณลิลินคะ! คุณลิลิน!”
“อะไร? เธอจะแหกปากทำไมฉันตกใจนะ” ลิลินที่กำลังเหม่อตกใจ หันมาตวาดใส่ปลายฝนที่หันซ้ายขวา หาวิธีควบคุมพวงมาลัยอยู่
“มือฉันขยับไม่ได้! กรี๊ด! ละ ลุง!”
ได้ยินแบบนั้น ทั้งสองก็หันขวับไปมองกระจกหน้าพร้อมกัน ก่อนจะเบิกตากว้างใจหล่นวาบ! เมื่อเห็นชายกำยำในร่างชรา เดินช้า ๆ ผ่านหน้ารถของพวกเธอ
ลิลินอาจจะไม่รู้จักไม่เคยเห็น แต่ปลายฝนเธอจำได้ชัดเจน ที่เสี้ยววินาทีเห็นใบหน้าของชายคนนั้น
และมันก็เหมือนต้องมนต์อะไรบางอย่าง ที่สั่งปลายเท้าเธอเหยียบคันเร่งลึกลงไปอีก
‘บรื้น…’
“ผ่อนคันเร่งสิยัยบ้า! เธอไม่เห็นคนกำลังข้ามถนนรึไง!”
“เห็น! แต่ฉันทำไม่ได้!”
‘บรื้น…’
“ลุงออกไป! ไม่ใช่ตอนนี้! ออกไป!” ปลายฝนตะโกนลั่น ในขณะที่ลิลิน พยายามกดเบรกมือไฟฟ้าที่มันไม่ทำงานแล้ว
ทุกคนวุ่นวายหาทางรอด แต่ชั่วขณะนั้น ที่รถเคลื่อนเข้าโค้งหักศอก ชายกำยำก็มองหน้าปลายฝนนิ่ง ๆ และชี้นิ้วที่สั่นระริกมาที่เธอ
‘วันที่มีความสุข กับ วันที่ทุกข์ โคจรมาพบกัน จงหวนคืนสู่ร่างที่ถูกพรากมา’
‘วิ้ง’
สิ้นคำนั้นหูสองข้างก็อื้อไปชั่วขณะ ก่อนที่ภาพทุกอย่างที่สโลว์เคลื่อนเข้าหา จะกลายเป็นแรงมหาศาลที่อัดเข้ากับเสาไฟฟ้าแทน
“กรี๊ด... พี่ติณห์ / กรี๊ด... พี่ณภัทร”
‘โครม’