ผับ X
“มึงจะเอาไงต่อไอ้ติณห์ กูเห็นมึงนั่งถอนหายใจสิบรอบแล้วนะ”
อลันหนึ่งในเพื่อนสนิทฝาแฝดของติณห์ถามขึ้น พร้อม ๆ กับกลั้วไวน์ในแก้วมองเพื่อนสนิทตัวเอง
“กูเหนื่อยว่ะ โสดแบบพวกมึงคงจะดี ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยแบบกู”
ติณห์ตอบ ก่อนจะเปรยหางตามองเพื่อนฝาแฝดที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันทั้งสองของเขา ซึ่งมันก็คล้ายแค่หน้าเท่านั้นแหละ เพราะนิสัยของเซอร์กับอลันแตกต่างกันชัดเจน
อลันเป็นผู้ชายที่กึ่งเพลย์บอยทะเล้น และเขาก็เฟรนลี่ตามสไตล์เจ้าของผับ แต่เซอร์เป็นคนนิ่ง ๆ วางมาด เขาเป็นผู้บริหารที่เนี้ยบน่าเกรงขามจนใคร ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้
“อยากโสด ก็แค่เลิก จบ” เซอร์ให้ความเห็น แต่ความเห็นนั้นไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะติณห์ได้ยินแบบนั้นเขาลอบถอนหายใจ และหันไปมองหน้าอลันทันที
“เฮ้ย ๆ ไอ้ติณห์ มึงอย่าไปเชื่อไอ้เซอร์ คบมาตั้งนานยังไม่ได้แอ้มเลย อย่าเพิ่งเลิก!”
เซอร์ได้ยินน้องชายฝาแฝดแย้ง ก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก ก่อนที่ติณห์จะฉุกคิดและวางแก้วไวน์ในมือ หันมองเซอร์ผู้บริหารหนุ่มถามความเห็น
“ถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไงไอ้เซอร์”
“ขอเลิก ไม่ก็ขอห่าง ให้ยัยนั่นไปทบทวนนิสัยของตัวเอง เพราะมึงก็ตามใจมาเยอะแล้ว ให้รู้ตัวบ้างก็ดี” ติณห์พยักหน้าตามเห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาตามใจลิลินมากเกินไปจริง ๆ
และเขาเองก็ไม่คิด ว่าสิ่งที่เขาทำมันจะทำให้ลิลินได้ใจ จนทวีคูณความร้ายเหมือนตอนกลางวัน
“แล้วมึงล่ะไอ้อลัน คิดว่าไง?” ติณห์หันไปถามควาทเห็นกับอลันอีกคน
“ก่อนมึงถามกู มึงถามพ่อลิลินก่อนเถอะว่ะ อุตส่าห์ไปขอลูกสาวเขาคบสัญญาดิบดี และเพิ่งมาขัดใจเอาใกล้แต่งแบบนี้มันยังไง ๆ เออ... อีกอย่างถ้ามึงจะเลิกหรือดัดนิสัยตามที่ไอ้เซอร์แนะนำ แบบนั้นก็ควรไปบอกพ่อลิลินให้รู้ไว้ด้วย เพราะยัยนั่นลูกสาวมาเฟียนะเว้ย กูยังไม่อยากใส่ชุดดำไว้อาลัยมึง”
ติณห์เงียบ คำสั่งสัญญานี่แหละคือสิ่งที่เขาเครียดมาทั้งวัน เพราะไอ้คำสัญญาดิบดีนั่น ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
‘ผม... จะตามใจลิลินดูแลเธอให้ดีที่สุด และผมไม่มีวันทิ้งลิลินเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะอยู่ข้าง ๆ น้อง ผมสัญญาครับ’
‘ก็ดี! เห็นแก่หน้าพ่อเรานะและฉันก็คอยดูอยู่ตลอด ฉันจะยอมให้คบกัน แต่มีข้อแม้ห้ามแตะต้องลูกสาวฉัน! จนกว่าจะแต่งงาน ไม่อย่างงั้น..ลูกเพื่อนฉันก็ไม่สน!’
“พูดถึงเรื่องสัญญา แม่งนึก ๆ แล้วกูไม่อยากรักษาทุกข้อเลยว่ะ ห้ามแตะต้อง ทุกวันนี้กูแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว และเรื่องตามใจนี่โคตรสำคัญ เพราะกูตามใจลินไงลินถึงได้เป็นแบบนี้ กูผิดเองที่ไปสัญญาอะไรที่ทำไม่ได้”
อลันรู้แบบนั้น เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากเบา ๆ ก่อนจะขยับไปใกล้ๆเพื่อนสนิทสุดเศร้าของตัวเอง และพูดแกมกระซิบว่า…
“ไอ้ติณห์ มึงอยากมีเซ็กส์กับแฟน กูดูออก”
“ก็เออสิวะ! กูจะสามสิบแล้ว ยังไม่เคยฟันสาวเลยสักคน และถ้าแต่งงานไปจะเข้ากันได้ไหมก็ไม่รู้ แค่ชีวิตปกติแม่งก็มีปัญหาอยู่แล้ว เจอปัญหาบนเตียงอีกกูคงลาบวช”
“ฮ่า ๆ สรุปเรื่องที่มึงมานั่งซดไวน์ที่ผับกูคืออะไร? เรื่องลิลินเอาแต่ใจ หรืออยากหวานแหววกับยัยนั่นจนทนไม่ได้?”
“ทั้งสอง ลำบากฉิบหาย มีแฟนแล้วแตะต้องไม่ได้เนี่ย”
เซอร์รู้บทสนทนาของติณห์กับอลัน ก็ถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา จนสายตาเขา เผลอไปเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึง
ที่ยกมือทักทายมาที่โต๊ะ และส่งสายตาหวานเยิ้มให้
“เฮ้ย สาวสวยด้วย อยากลองไหมไอ้ติณห์ แก้เครียด”
“อลัน! มึงแนะนำเพื่อนดี ๆ” เมื่ออลันชอบทำตัวเป็นเด็กอายุสิบแปดอยากรู้อยากลอง เซอร์ก็หันขวับ! ไปห้ามน้องชายฝาแฝดเสียงแข็ง
“อะไร ๆ กูก็แค่ถามลองใจ ฮ่า ๆ แต่อย่าทำเลยไอ้ติณห์ แค่นี้ก็ปัญหาเยอะแล้ว”
“อืม แค่นี้กูก็ปวดหัวแล้ว” ติณห์ตอบ แต่สายตาเขามองไปที่ผู้หญิงโต๊ะตรงข้ามด้วยความเอือมระอา และเขาก็จบการสนทนากับเพื่อนสนิทแค่เท่านั้น
แต่กลับกัน คนทางบ้านกระวนกระวายมาก ลิลินเธอเดินตึงตังกระแทกส้นเท้า เปิดหน้าจอโทรศัพท์ดูราว ๆ ร้อยครั้ง เพื่อดูเวลาและรอสายจากคนรักของเธอ
“ทำไมไม่โทรมา! พี่ติณห์จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
หญิงสาวบ่นไปพร้อมน้ำตาคลอเต็มสองตา และในไม้ช้ามันต้องหยดเผาะออกมาแน่ ๆ
คนรักกัน ตามใจกันมาตั้งนาน ทำไมอยู่ ๆ เปลี่ยนไป เคยง้อเคยให้ความสำคัญเธอมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? หายไปแบบนี้มันผิดวิสัยนะ
หรือ... ติณห์จะมีคนอื่นจริง ๆ
เมื่อหลุดคิดไปไกล ความน้อยเนื้อต่ำใจก็ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ลิลินยืนกำมือถือแน่น และก้มเช็คสถานะเฟซบุ๊กเพื่อนสนิทแฟนทุกคน ว่าหนุ่ม ๆ พวกนั้นเช็คอินที่ไหน และแฟนเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยหรือเปล่า
แต่ก็ไม่ ไม่มีใครเช็คอินเลย และแย่สุด ๆ คือพี่ติณห์ของเธอ ออฟไลน์ไปสามชั่วโมงแล้ว
ลิลินนอนไม่หลับทั้งคืนเธอกระสับกระส่ายหงุดหงิดและข้องใจมาก ตื่นเช้ามาเธอจึงรีบออกจากบ้านโทรนัดปลายฝนแต่เช้า รีบเร่งเคลียร์กับแฟนที่สำคัญยิ่งกว่างานในบริษัทที่ดองไว้
เพราะสำหรับเธอมันไม่ได้! ไม่ว่าจะเหตุด่วนเหตุร้ายผู้ชายต้องมาก่อนเสมอ
และถ้าไม่รู้ว่าพี่ติณห์ของเธอซุกใคร เธอจะเอากระจิตกระใจที่ไหนไปนั่ง โง่ ๆ ทำงาน! วันนี้ต้องรู้ให้ได้!
“เธอช้า รู้ไหมว่าเลขามาสายกว่าเจ้านายไม่ได้!” ทันทีที่เลขาคนสวยเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้าง ๆ ลิลินก็หันขวับ!ไปเอ็ดเธอทันที
“เวลางานฉันเก้าโมงเช้านะคะ แต่คุณลิลินนัดปุบปับเจ็ดโมงครึ่ง ฉันมาเร็วได้ที่สุดแค่นี้ล่ะค่ะ”
ลิลินที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับถึงกับทุบพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ได้หันไปกระทะฝีปากกับปลายฝนหรอก เพราะเธอเอาแต่ใจจดใจจ่อมองหารถของติณห์อยู่ด้วย
“พี่ติณห์ยังไม่มา! ฉันจะบ้าตายแล้วนะ!ทำไมจะมีผัวทั้งทีชีวิตมันวุ่นวายแบบนี้!”
ประโยคใบโพล่านั้น ทำปลายฝนหันขวับไปมองลิลินแว๊บนึง และเธอก็แอบสะใจลึก ๆ ที่ยัยนางมารร้ายหันไปทะเลาะกับตัวเองซะแล้ว
“คุณติณห์เข้างานแปดโมงไม่ใช่เหรอคะ? เหลือตั้งยี่สิบนาที”
“เฮ้อรู้น่า! ฉันไม่ชอบการรอคอยมันน่าเบื่อ! งั้นฉันขอถามเธอหน่อย แฟนเธอเป็นแบบนี้บ้างมั้ย? หายไปไม่ง้อไม่แคร์กันเนี่ย!”
ลิลินตะเบงเสียงแหลมปรี๊ดถามปลายฝน จนคนถูกถาม เธอกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา
“ไม่ค่ะ ไม่เป็น”
“ทำไมล่ะ? แสดงว่าพี่ติณห์เขาอาการหนักสินะ เพราะผู้ชายคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอย่างเขาเลย!”
เคยโทษตัวเองบ้างไหม?
ปลายฝนคิดในใจ แต่เธอไม่ได้พูดออกมาหรอก และหลังจากนั้นก็เอาแต่นั่งเงียบ ๆ ให้ลิลินเธอเป็นบ้าไปคนเดียวแบบนั้น
จนสักพัก รถตู้สีดำคันนึงขับเลี้ยวเข้าไปในสำนักงาน
ลิลินรัญญารินทร์ ก็ถึงกับเบิกตากว้างชี้นิ้วเรียว ๆ ของเธอ ไปที่รถคันนั้นทันที!
“นั่น! รถบ้านพี่ติณห์! เธอลงไปเลย! ไปสืบ!”
“สะ สืบ!” ปลายฝนชี้ที่ตัวเองตกใจ รู้ว่าหน้าที่คือสืบ แต่จะให้เธอลงไปแบบนี้จะไม่ถูกยามไล่ตะเพิดออกมาเหรอ!
“ใช่ สืบ! ฉันบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ปลาย... ปลาย ?”
“เฮ้อ... ฉันชื่อปลายฝนค่ะ และฉันก็เข้าใจว่าคุณสั่งฉันสืบตั้งแต่เมื่อวาน แต่คุณจะให้ฉันลงไปแบบนี้มันจะได้เรื่องเหรอคะ?”
ลิลินเงียบ เม้มปากกระจับคู่สวยครุ่นคิด ก็ถูกของยัยเลขา พี่ติณห์เป็นถึงซีอีโอเข้าถึงยากแค่ไหนใคร ๆ ก็รู้
“เฮ้อ... ฉันจะทำยังไงดี! ฉันรอมาทั้งคืนแล้วนะ และฉันไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ชอบเศร้าไม่ชอบให้ใครคิดว่าฉันไม่สำคัญ และฉันไม่อยากเสียน้ำตาต่อหน้าเธอ”
“...”
“ฮึก ๆ ทำไม ทำไมมันจะไหลอีกก็ไม่รู้ ฉันไม่อยากร้องไห้ ให้ตายสิ!”
ปลายฝนยังนั่งเงียบ และหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ที่ทำแบบนั้นก็เพราะลิลินเธอบอกไม่อยากเสียน้ำตาและไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเธอ ปลายฝนจึงเลือกที่จะไม่มอง
ยอมให้ตัวเองเป็นธาตุอากาศ เพื่อที่คนประสาทเรื่องผู้ชายร้องไห้ได้เต็มที่
“ฮึก ๆ ฉันจะทำยังไงดี ฉันเหมือนคนไม่มีค่าเลย”
“เฮ้อ เรื่องแค่นี้ คุณไม่เคยผิดหวังเลยสินะ? ยังไม่ลองคุยกันก็พร่ำเพ้อซะแล้ว”
“ก็ไม่เคยน่ะสิ ชีวิตลิลินอยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำทุกอย่างดั่งใจทั้งนั้น แต่ทำไม ทำไมพี่ติณห์ต้องเมินฉันแบบนี้!”
“ฉันจะบอกตรง ๆ นะคะ เขาอาจกำลังเบื่อคุณที่คุณเอาแต่ใจก็ได้ ลองโทรไปขอโทษเขาไหมคะ? ลดทิฐิลงบ้าง”
ปลายฝนค่อย ๆ ตะล่อมบอก(มั้ง) ด้วยน้ำเสียงสุดนุ่มนวล ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันได้ผลกับนางมารร้ายอย่างลิลินไหม แต่เธอเป็นคนเดียวที่นั่งตรงนี้และรับฟัง
อย่างน้อย ๆ ก็ควรทำอะไรสักอย่างบ้าง
“นี่ฉัน ต้องง้อพี่ติณห์เหรอ?”
“การโทรก่อน ไม่ได้หมายถึงแพ้หรือเป็นคนง้อนะคะ แต่ถ้าคุณลิลินอยากรักษาคุณติณห์ไว้ ก็โทรไปเถอะค่ะ อย่างน้อย ๆ คุณติณห์จะได้รู้ ว่าคุณลิลิน ยังต้องการเขาอยู่ ดีกว่านั่งเพ้อแบบนี้มันไม่ประโยชน์”
พอปลายฝนพูดจบ อารมณ์ร้อน ๆ ของลิลินก็หายวูบ ก่อนที่อยู่ ๆ มือซ้ายของเธอจะค่อย ๆ คลำหา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
ทั้ง ๆ ที่ลิลินก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมถึงทำ?
เพราะเธอไม่เคยเชื่อคำแนะนำใครและถือความคิดตัวเองเป็นหนึ่งมาตลอด
แต่ทำไมวันนี้ เธอกลับเชื่อปลายฝนโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ