พุฒิเมธขึ้นมาบนห้องของตนเองยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงข้อความแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นจึงล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดของตนเองนำโทรศัพท์ออกมาเปิดอ่านข้อความที่แจ้งเตือน
‘น้องมีเรื่องจะคุยกับพี่พุฒค่ะ’ เป็นข้อความจากศรีญาสั้นๆ เขาอ่านมันแล้วก็พิมพ์ถามกลับไป
‘เรื่องอะไร?’ เป็นข้อความที่ถามกลับสั้นห้วนที่แฝงความหงุดหงิดอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อกี้แม่เพิ่งจะจับคู่ให้เขากับหล่อน แล้วหล่อนก็ส่งข้อความมา อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้
‘คุยผ่านไลน์ไม่ได้ค่ะ’
‘งั้นก็โทร’
‘ไม่ได้ค่ะ โทรคุยไม่ได้ มันเป็นเรื่องสำคัญ คืนนี้สองทุ่มเจอกันที่คอนโดของพี่พุฒนะคะ น้องจะไปรอที่นั่น’ เธอพิมพ์ส่งกลับมา
เขาอ่านข้อความที่พิมพ์ส่งตอบกลับมาแล้วก็เม้มปากแน่นด้วยความหงุดหงิดแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปยังเตียงนอน
“จะอะไรนักหนา ถ้าสำคัญทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนบ่ายวะ! เรื่องมาก น่าเบื่อ!” แล้วเขาก็เดินไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ
“สำคัญจนโทรคุย พิมพ์ส่งข้อความมาไม่ได้งั้นเหรอ คงไม่พ้นเรื่องของนางสินะ แล้วเรื่องอะไรพี่ต้องทำตามที่เธอต้องการด้วยน้อง” เขาพึมพำแล้วเปิดฝักบัวอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลของตนเองและดับไฟโทสะที่กำลังคุกรุ่นในอกของตนเองให้ทุเลาลง
นายเหมืองเมธีกับภรรยานึกว่าลูกชายไม่พอใจเรื่องที่แม่พูดก่อนหน้านี้จนไม่ลงมาทานมื้อเย็นด้วย แต่พอตั้งโต๊ะเสร็จ ลูกชายก็เดินเป่าปากเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยหน้าตาที่ต่างจากก่อนหน้านี้ มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ให้เห็นยิ่งทำให้นายเหมืองแปลกใจและสงสัยกับท่าทางผีเข้าผีออกของลูกชายตน
นางเพรีมองลูกชายของตนด้วยความสงสัยไม่ต่างจากสามี ก่อนหน้านี้แสดงสีหน้าไม่พอใจนางที่พูดถึงเรื่องจะจับคู่ให้กับศรีญา แต่ตอนนี้ใบหน้าของลูกไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความโกรธไม่พอใจก่อนหน้าเลยสักนิด แถมมียิ้มจางๆ มุมปากให้เห็นอีก
“ดูเหมือนลูกมีเรื่องดีนะพุฒ” นางเพรีถามลูกชายที่ดึงลากเก้าอี้ประจำออกนั่ง
“แค่อาบน้ำแล้วสบายตัวเท่านั้นเองครับ” เขาตอบท่านเสียงเรียบแล้วสนใจอาหารตรงหน้าแล้วมาหยุดที่ ‘น้ำพริกลงเรือ’ ของโปรดแม่ตนเอง
“วันนี้มีน้ำพริกลงเรือเหรอครับ?”
“หนูน้องทำน่ะ เลยให้เด็กที่บ้านมาส่งให้แม่ ดูสิ เด็กอะไรน่ารัก คิดถึงคนแก่ตลอดว่า...”
อะแฮ่ม!
นายเหมืองรีบไอให้ภรรยารู้ตัวว่าตนเองกำลังจะพูดให้เสียบรรยากาศและเพรีก็รู้ทันทีว่าตนเองกำลังจะพูดให้ลูกชายไม่พอใจอีกจึงรีบหยุดพูดแล้วกวักมือเรียกเด็กมาตักข้าว
“ทำตัวอย่างกับเป็นสะใภ้” พุฒิเมธพึมพำดังแล้วก็ลงมือทานอาหารด้วยการตักทานน้ำพริกลงเรือฝีมือของศรีญาก่อนเมนูอื่น ไม่แปลกที่แม่ของเขาจะติดใจรสมือของเจ้าหล่อน ก็มันอร่อยจริงๆ ครั้งที่แล้วที่ได้ลิ้มรส เขาก็ยังอยากทานอีก แต่ไปทานที่ไหนก็ไม่อร่อยสู้เท่าฝีมือของศรีญา
เพรีมองลูกชายที่ตักทานแต่น้ำพริกลงเรือฝีมือของศรีญาแล้วก็หันไปส่งยิ้มให้สามีแล้วก็ตักให้สามีตนเอง นายเหมืองเมธีก็ตักอาหารเอาใจภรรยาเช่นกัน สองสามีภรรยาทานไปมองสบตากันไป ไม่สนใจลูกชายที่นั่งร่วมทานด้วย
สามทุ่มแล้ว แต่เจ้าของห้องก็ยังไม่มา เธอพยายามโทรหาเขาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งไลน์ไปหาก็ไม่เปิดอ่าน ปกติพุฒิเมธจะไม่เคยสายและศรีญาก็รู้แล้วว่าจอมโอหังตั้งใจเมินไม่สนใจนัดของตนเองจึงส่งไลน์ไปอีกหนึ่งข้อความ หากเขาไม่ตอบกลับ เธอก็จะกลับ
‘ถ้าพี่พุฒไม่มาก็อย่าได้มาเจอกันอีก ลาก่อนค่ะ’ พอกดส่งไปทางปลายทางก็เปิดอ่าน แต่ก็เหมือนเดิมแค่อ่านไม่ตอบกลับ
“น้องให้โอกาสพี่พุฒแล้วนะคะ พี่พุฒเลือกไม่สนใจโอกาสนี้เอง ต่อไปนี้ก็ทางใครทางมัน และพี่พุฒจะบังคับน้องไม่ได้อีกแล้ว น้องไม่แคร์ไม่สนใจแล้วว่าพี่จะเอาเรื่องพี่นางมาข่มขู่ เพราะตอนนี้น้องมีคนที่น้องต้องรักและแคร์มากกว่าพี่พุฒกับพี่นางแล้ว” เธอเอ่ยกับตัวเองแล้วลูบท้องน้อยแบนราบของตัวเองแล้วลุกเดินออกจากห้องที่เป็นที่นัดหมายของตนและเขาตลอดเวลาที่มีสัมพันธ์สวาทลึกซึ้งกัน
ด้านฝั่งพุฒิเมธแม้จะรู้สึกแปลกกับข้อความล่าสุดที่ได้จากศรีญา แต่ก็ขยับพลิกตัวนอนคว่ำหน้าไม่สนใจเหมือนเดิม เพราะเชื่อว่ายังไงคนอย่างศรีญาก็ไปไหนไม่รอด ยังไงหล่อนก็เป็นของตายที่เขาจะเรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้ แค่เขามีอนาคตของศิตาพรพี่สาวของหล่อนมาขู่ ศรีญาก็วิ่งมาหาแล้ว
“ยังไงเธอก็เป็นของพี่ เธอไม่มีทางไปจากพี่ได้น้อง ยิ่งพี่มีอนาคตของนางมาต่อรอง น้องก็ยิ่งไปจากพี่ไม่ได้” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วก็ข่มตาหลับในความมืดสลัวของห้องนอน