เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 11

1362 คำ
เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 11 ห้องเรียนประจำวิชา... หลังจากที่หยุดเรียนไปสองวัน ตอนนี้เราได้กลับมาทำตามหน้าที่ของนักศึกษาแล้วนั่นคือการเข้าเรียนกับอาจารย์ที่พูดไม่รอนักศึกษา และผ่านมาเกือบสี่วันแล้วที่กลับมาเรียน แต่อาจารย์ท่านนี้ ท่านพูดเร็วมากและไม่มีพักเบรกด้วยนะ เพราะแบบนั้นจึงทำให้ฉันเริ่มงอแงเอนเอียงไปซบไหล่ของคิมมี่ไว้อย่างงอแง ซึ่งเพื่อน ๆ ของฉันก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่เพื่อนของฉันเลยค่ะ เพื่อนร่วมห้องเรียนตอนนี้ก็ไม่ต่างจากพวกฉันนักหรอก บางคนถึงกับแอบเล่นโทรศัพท์เลยก็มี และระหว่างที่นั่งฟังอาจารย์สอนอยู่นั้นโทรศัพท์ฉันก็มีข้อความถูกส่งเข้ามาจากเพื่อนใหม่ Man Man ง่วงเหรอ? เรามีลูกอมนะเอาไหม เดี๋ยวเราเดินเอาไปให้นะ Wunkrob ไม่เป็นไร เราไม่อยากได้ Man ไม่ต้องเกรงใจหรอก อาจารย์ปล่อยแล้ว เดี๋ยวเอาไปให้ และดูเหมือนเพื่อนใหม่จะอ่านไม่เข้าใจถึงได้เดินมาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะที่ฉันกับเพื่อนนั่งอยู่ก่อนจะส่งลูกอมให้ ฉันมองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะรับมาเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่เสียหน้า “ไปกินข้าวด้วยกันไหม?” จู่ ๆ เพื่อนคนนั้นก็เอ่ยถามฉันหลังจากที่ฉันรับลูกอมมาถือไว้ในมือและไม่มีความคิดที่จะกินเลยสักนิด “อ้อ เรามีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะ” ฉันบอกปฏิเสธหวังให้อีกฝ่ายขยับออกห่างสักที ตอนนี้ฉันรู้สึกอึดอัดกับสายตาของเพื่อนร่วมคลาสที่กำลังมองมาด้วยความใคร่รู้นั้นไม่น้อยเลยสักนิด “คิมมี่ กาย ฤดี เราขอไปกินข้าวด้วยได้ไหม” แมนยังไม่หยุดทั้งยังเอ่ยขอเพื่อนฉันด้วยน้ำเสียงชัดเจน แล้วพูดแบบนี้ต่อหน้าคนหลายสิบคน คิดว่าเพื่อนฉันจะกล้าปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ “อ้อ ไป ยังไงก็ไปโรงอาหารของมหา’ลัยอยู่แล้ว พวกเราจะไปแล้วน่ะ” กายเป็นคนตอบและช่วยหยิบจับของจนเรียบร้อย เราทั้งสี่คนก็รีบออกจากห้องเรียนโดยมีแมนตามมาด้วย “เดี๋ยวไปเจอกันที่โรงอาหารเลยแล้วกันนะ” คิมมี่หมุนตัวกลับไปบอกแมนที่เดินตามมาติด ๆ “วุ้นจะไปกับเราไหม?” แมนมองหน้าและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทั้งยังส่งยิ้มให้ฉันอยู่บาง ๆ “อ้อ ขอบใจนะแต่เราไปกับเพื่อนเราน่ะ” ฉันบอกปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เซ้าซี้อะไรอีกนะ “ไปเถอะหิวแล้ว” ฤดีรีบควงแขนแล้วพาเดินไปขึ้นรถของกายที่จอดอยู่ใกล้ ๆ เรามีเรียนอีกทีตอนบ่ายสองเลยไม่อยากออกไปนั่งกินข้าวนอกมหา’ลัย เดี๋ยวกินเสร็จก็คงจะกลับไปนั่งเล่นที่โต๊ะใต้ถุนคณะรอเวลาเข้าเรียน “แปลก ๆ” เมื่อขึ้นรถมาได้ทั้งสี่คน กายถึงกับเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนไม่ค่อยพูด “นั่นสิ แปลกมาก” “จริง เขาจีบเหรอวุ้น” คิมมี่ถามพลางหันกลับมามองหน้าฉันด้วยความข้องใจ “ไม่ใช่หรอก เขาจะมาจีบฉันทำไมล่ะดูสภาพฉันก่อนสิ” “หรือมันจะแกล้งอะไรวุ้นหรือเปล่า” กายเอ่ยขึ้นมาด้วยความข้องใจ และนั่นจึงทำให้ฉันนิ่งไปเมื่อได้คิดตามสิ่งที่เพื่อนพูด “อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เป็นฉันที่ต้องเตือนเพื่อน ๆ ให้ใจเย็นกว่านี้สักหน่อย “แกน่ะอย่าใจดีมากไปวุ้น ดูก็รู้ว่ามันแปลก ถ้ามีอะไรให้รีบบอกเลยนะ” “อื้อ เราจะบอก ขอบใจนะ” ส่งยิ้มให้เพื่อน ๆ อีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงอาหารเราต่างเดินไปเลือกเมนูที่อยากกินวันนี้ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเลยเดินไปเข้าคิวร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ระหว่างที่ยืนรอก็มีคนมายืนต่อคิวด้านหลัง “เอาอะไรลูก” เมื่อถึงคิวพ่อค้าก็เอ่ยถาม “เอาเส้นเล็กน้ำตกพิเศษค่ะ” สั่งเสร็จก็จ่ายเงินแล้วขยับมารอรับก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่คิดว่าจะมีคนขยับเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ แทนเสียก่อน “เดี๋ยวเราช่วยถือนะ” เป็นแมนที่เอ่ยอาสา และฉันเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเดินตามเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราถือเอง นายไปซื้อข้าวเถอะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปรับชามก๋วยเตี๋ยวจากพ่อค้าที่ยื่นมาให้ แต่พอรับมาถือไว้ในมือแมนก็ยื่นมาจับอีกด้านของชามทันที “เดี๋ยวเราถือช่วย ไม่ต้องเกรงใจ” แมนรีบบอกพร้อมกับทำเหมือนจะดึงชามฉันไปถือเอง แต่ฉันก็รั้งไว้เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนช่วย และตอนนี้ก็รู้สึกร้อนที่มือแล้วด้วย “เราถือเอง” บอกกับแมนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “เราช่วย...” “ปล่อย” แต่เสียงเข้มที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ยังไม่ชัดเจนเท่ากับมือขาว ๆ ข้างหนึ่งที่ยื่นมาจับชามก๋วยเตี๋ยว เมื่อสิ้นเสียงนั้นเอ่ยจบก็ต้องเงยหน้ามองต้นกำเนิดเสียงทันที เป็นพี่กุมภาที่ยื่นมือมาจับชามก๋วยเตี๋ยวไว้ฉันค่อย ๆ ปล่อยมือออกเมื่อพี่กุมภาบอกว่าให้ปล่อย สายตาดุจ้องมองแมนนิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ปล่อย” และนั่นจึงทำให้แมนค่อย ๆ ละมือจากชามที่พยายามฉุดยื้อกับฉันนานสักพัก รอบข้างของเรานั้นเงียบกริบตั้งแต่ที่พี่กุมภาเดินเข้ามาใกล้ “ปรุงไหม?” พี่กุมภาเอ่ยถามหลังจากที่ได้ครอบครองชามก๋วยเตี๋ยวของฉันแต่เพียงผู้เดียว “ปรุงค่ะ” “เดินมาครับ” พี่กุมภาเอ่ยบอก ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะเครื่องปรุงที่มีช้อนและตะเกียบวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ พี่กุมภาวางชามลงบนโต๊ะเครื่องปรุงแล้วยืนรอฉันปรุงก๋วยเตี๋ยวเงียบ ๆ ตอนนี้รับรู้ได้อย่างชัดเจนเลยแหละว่ามีสายตาของผู้คนมากมายต่างจ้องมองมาด้วยความสนใจ ส่วนฉันในตอนนี้ทำได้เพียงแค่ก้มหน้าหลบสายตาเหล่านั้นและพยายามไม่สนใจเพราะคงจะไม่พ้นสายตาดูแคลนที่มองมาเวลาฉันได้ยืนหรืออยู่ใกล้คนที่ดูดีแบบนี้ “นั่งมุมนู้นใช่ไหม?” ปรุงเสร็จพี่กุมภาก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง มุมตามสายตาที่อีกฝ่ายมองไปเป็นโต๊ะที่มีเพื่อน ๆ ฉันนั่งและยืนรออยู่ แล้วพอเห็นฉันก็รีบยกมือโบกไปมาส่งให้ “ใช่ค่ะ” “ไปกัน” เอ่ยจบรุ่นพี่ตัวสูงก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะเครื่องปรุงขึ้นมาถือไว้อีกครั้งก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะ เขายังทำเหมือนไม่ได้สนใจหรือใส่ใจสายตาและท่าทางป้องปากซุบซิบของบุคคลรอบข้างเราสักเท่าไหร่ จวบจนถึงเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นว่าเพื่อน ๆ ซื้ออาหารมากันหมดแล้ว “โต๊ะมีที่ว่างไหม พี่ขอนั่งด้วย” เมื่อมาถึงโต๊ะพี่กุมภาก็เอ่ยถามฉันทั้งยังมองเพื่อน ๆ ฉันด้วยความเกรงใจอีกด้วย ต่างจากใครอีกคนที่จงใจวางจานข้าวลงข้าง ๆ ชามก๋วยเตี๋ยวของฉัน “นั่งได้ครับพี่ โต๊ะว่าง” กายตอบด้วยแววตาเปล่งประกาย เพื่อนอีกสองคนของฉันก็มองพี่กุมภาอย่างตกใจเช่นเดียวกัน ตกใจมากจนเหมือนกับพูดอะไรไม่ออกเลยแหละ “ขอบคุณครับ เดี๋ยวพี่มา” พี่กุมภาบอกฉันเสียงเบาแล้วเดินห่างออกไป นั่นจึงทำให้ฉันได้ขยับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แบบยาว แมนที่เห็นฉันนั่งก็จงใจจะขยับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ฉัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม