เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 10

1513 คำ
เด็กอ้วนคนนี้...เป็นแฟนพี่ได้ไหมครับ? 10 ตอนเช้าของวันหยุดที่สองฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้า วันนี้พี่ว่านมีเรียนตอนเช้าจนถึงเที่ยง พี่ชายส่งข้อความมาบอกให้ฉันออกไปหาที่คณะแล้วรอไปร้านอาหารพร้อมกัน ฉันตอบตกลงพี่ชายไปแล้วเรียบร้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเล่นไปเรื่อยอย่างสบายใจ จวบจนถึงช่วงเวลาสิบโมงเช้าถึงได้อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปหาพี่ชายที่คณะเพื่อที่เราจะได้เดินทางไปหาพี่หว่าหวาที่ร้านอาหาร เพราะวันนี้จะเข้าไปในมหา’ลัยฉันจึงต้องสวมชุดที่ดูสุภาพขึ้นมาหน่อยนั่นคือการสวมกางเกงยีนขายาวพร้อมกับเสื้อยืด เมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินทางไปยังคณะของพี่ชายเมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาที่พี่ชายจะเรียนเสร็จ ใต้โถงอาคารเรียนของพี่ชายมีนักศึกษานั่งอยู่บ้างประปราย ฉันเลือกที่จะนั่งรอบนเก้าอี้ไม้มุมด้านหนึ่งที่มีลมพัดโกรกไปมาทำให้รู้สึกเย็นสบายเป็นอย่างมาก ระหว่างรอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความคุยกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม แต่แล้วความสงบของฉันก็หายไปเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ ตัว “ไม่ใช่เด็กคณะเรานี่” “เออ ไม่ใช่ทำไมเหรอ?” “เปล่า หรือเป็นเด็กใครวะถึงมานั่งรอ” “ไอ้เหี้ยนี่ก็พูดไปเรื่อย จะเด็กใครมึงดูสภาพน้องเขาก่อนเถอะ อ้วนอย่างกับอะไร สิวก็เห่อเต็มหน้าขนาดนั้นจะมีใครชอบอยู่อีกเหรอวะ?” แต่ไม่คิดว่าประโยคพวกนั้นฉันจะได้ยินอย่างชัดเจน ตอนนี้เลยได้แต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงฉันกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำ “มาหาใครวะนั่น กูอายแทนอะ สภาพแบบนั้นกล้าออกจากบ้านได้ไงวะ” “มึงนี่ปากหมาไปเรื่อย พอ ๆ ไปนั่งดี ๆ อย่าไปยุ่งกับน้องเขา” เสียงซุบซิบเหล่านั้นเงียบหายไปแล้วเหลือเพียงฉันที่ยังจมอยู่กับประโยคเหล่านั้น จากที่ไม่ค่อยแคร์ไม่รู้สึกอะไรกับสายตาและคำพูดของคนอื่น พอนานวันเข้ากลายเป็นว่าฉันเก็บคำพูดเหล่านั้นมาคิดตามจนเริ่มเครียดมากขึ้นกว่าเดิม “อ้าว วุ้นกรอบมาทำอะไรที่นี่” จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ เงยหน้าขึ้นมองก็รู้สึกไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่ “ทำหน้างงอีก เราแมนไง เพื่อนในรุ่นเดียวกับวุ้นอะ” คนที่เพิ่งเข้ามาทักทายแนะนำตัวกลับมาทั้งยังส่งยิ้มใจดีให้กับฉัน ฉันพยักหน้ารับเข้าใจแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเพื่อนคนนี้อยู่ในคลาสเรียนด้วยหรือเปล่า อาจจะอยู่เพียงแต่ฉันไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นก็เป็นไปได้ “นี่ เราไม่มีโอกาสได้ทักเลย ขอไลน์ไว้หน่อยได้ไหม” แมนถามมือก็ยื่นโทรศัพท์ของเจ้าตัวมาตรงหน้าฉัน “ไลน์เราเหรอ?” เป็นฉันที่ต้องทวนถามเพราะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับฉันสักเท่าไหร่ แต่จู่ ๆ กลับมีเพื่อนในคณะ เข้ามาขอไลน์ทั้งที่ไม่มีงานที่จะต้องทำร่วมกัน ได้ยินแบบนี้มันก็ออกจะแปลก ๆ อยู่หน่อยแหละนะ “ใช่ ไลน์วุ้นนั่นแหละ เดี๋ยวเราส่งข้อความไปคุยด้วย” แมนย้ำอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว ฉันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับโทรศัพท์เพื่อนมากดเพิ่มเพื่อนจากไอดีไลน์ของตัวเอง “ขอบใจนะ เดี๋ยวเย็นนี้เราทักหา เราต้องไปแล้วแหละเพื่อนรออยู่” เอ่ยจบเพื่อนใหม่ที่ได้มาอย่างงง ๆ ก็รีบเดินหนีไปเสียก่อน ฉันไม่ได้ใส่ใจมองตามมากนักเพราะมีข้อความจากเพื่อนที่ส่งเข้ามาถูกเปิดค้างไว้อยู่ ฉันบอกเพื่อนด้วยนะว่ามีเพื่อนใหม่ในชั้นปีเข้ามาขอไลน์บอกชื่ออะไรเรียบร้อยด้วย เพื่อนก็ดีใจที่ฉันจะมีเพื่อนเพิ่มแต่ก็ยังเตือนให้ระวังตัวอยู่เหมือนเดิม “เด็กมานานหรือยัง?” นั่งรออีกเกือบสิบห้านาทีก็มีเสียงของพี่ว่านดังขึ้นใกล้ ๆ นั่นจึงทำให้ฉันละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เพื่อมองหน้าพี่ชาย “สักพักแล้วค่ะ” “ขอโทษนะอาจารย์ปล่อยช้า ไปกันเถอะ” พี่ว่านชวนด้วยรอยยิ้ม ฉันเองก็ส่งยิ้มจนตาหยีให้พี่ชาย แล้วพอมองไปยังด้านหลังถึงได้เห็นว่ามีเพื่อน ๆ ของพี่ชายยืนอยู่ เห็นแบบนั้นก็รีบยกมือไหว้พี่ ๆ ทันที “สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้พร้อมกับทักทายพี่ ๆ “สวัสดีน้องวุ้น” “สวัสดีครับ” พี่ ๆ รับไหว้พร้อมกับส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ ต่างจากพี่กุมภาที่กำลังมองฉันนิ่ง ๆ คล้ายกับกำลังพินิจพิจารณาอะไรบางอย่างอยู่กับตัวเอง “กูไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้” พี่ว่านโบกมือลาเพื่อนก่อนจะจับมือพาฉันเดินออกจากบริเวณนี้ทันที ระหว่างที่เดินก็ยื่นแก้วชาเย็นปั่นที่ยังไม่หมดของเจ้าตัวมาให้ฉันได้ลองชิมบ้าง แล้วมีเหรอที่คนชอบกินอย่างฉันจะปฏิเสธของกินที่พี่ชายหยิบยื่นให้น่ะ “อื้อ! อร่อยมากเลย” เมื่อได้ลองชิมถึงกับเงยหน้ามองพี่ชายตาโต “ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยววันหยุดพาไปกินที่ร้าน” “ได้เลย หนูจดวันแล้วนะคะ” หยอกล้อกับพี่ชายกระทั่งพี่ว่านพาเดินมาหยุดยืนที่ข้าง ๆ รถ เมื่อปลดล็อกรถเสร็จพี่ชายก็เปิดประตูรถให้ฉันได้ขึ้นไปนั่งจากนั้นถึงได้รีบวิ่งมาที่ฝั่งคนขับเปิดประตูขึ้นมานั่งแล้วพาฉันเดินทางไปยังร้านอาหารที่พี่หว่าหวาส่งพิกัดมาให้ “คนสวย หนูมาแล้ว” ทันทีที่เจอหน้าพี่สาว ซึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะพร้อมกับอาหารมากมายฉันก็รีบทักพลางเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ กอดแขนพี่สาวเอาไว้แน่น และวันนี้เมนูอาหารบนโต๊ะไม่มีกุ้ง และทุกอย่างล้วนเป็นเมนูที่ฉันกับพี่ว่านชื่นชอบ “ขอบคุณนะคะ หนูจะกินเยอะ ๆ เลยค่ะ” บอกพี่หว่าหวาอย่างขอบคุณ “เอาละกินข้าวกันนะ” เมื่อพี่สาวคนโตของเราเอ่ยชวน เราก็เริ่มกินข้าวด้วยกันพร้อมกับพูดคุยเรื่องต่างๆ ก่อนที่พี่หวาจะเอ่ยคุยเรื่องสุขภาพของฉันที่ไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้วและตอนนี้ผลตรวจก็ออกมาแล้วด้วย “ตัวเล็กผลตรวจออกมาแล้วนะ” “ค่ะพี่” ฉันพยักหน้ารับประโยคนั้นมือก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เช่นเดิม “ความดันเหมือนจะสูงขึ้นนะ แล้วก็น้ำตาลเหมือนจะเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อน หากตรวจครั้งหน้ายังสูงอยู่จะต้องกินยานะรู้ไหม” แต่ประโยคนั้นของพี่สาวทำให้ฉันถึงกับต้องชะงักมือที่จะตักข้าวกินไว้ทันที “หนู...” “ตัวเล็กไม่อยากอยู่กับพี่นาน ๆ เหรอคะ?” พี่หวาถามเสียงนุ่มนวลมือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบที่เรือนผมฉันอย่างแผ่วเบาทั้งยังมองฉันด้วยแววตาอบอุ่น ไม่ได้ดุหรือบังคับให้ฉันได้ทำตามสิ่งที่พี่สาวแนะนำมา “หนูอยากอยู่กับพี่หวา อยากอยู่กับพี่ว่าน” ฉันชอบที่ได้อยู่กับพี่สาวและพี่ชายของตัวเอง “งั้นตัวเล็กต้องเริ่มคิดกับตัวเองได้แล้วนะคะ ว่าจะทำยังไง ที่พี่เตือนเพราะเป็นห่วงหนูนะ พี่ว่านเองก็เป็นห่วงจริงไหม?” ท้ายประโยคพี่หวาถามพี่ว่านที่มองฉันอยู่ เมื่อมองพี่ชายก็เห็นว่าพี่ว่านพยักหน้าตอบสิ่งที่พี่หวาเพิ่งจะเอ่ยถามออกไป “พี่เป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากบังคับให้เด็กทำ พี่อยากให้เด็กตั้งใจทำเพื่อตัวเองจริง ๆ” พี่ชายที่แสนดีเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ตัวเล็กพี่อยากจะบังคับให้หนูทำในสิ่งที่พี่แนะนำ แต่พี่รู้ว่าพี่ทำมันไม่ได้ ดังนั้นพี่จะรอให้หนูตัดสินใจที่จะทำมันเพื่อตัวของหนูเองนะคะ” พี่สาวและพี่ชายของฉันต่างหวังดี คอยแนะนำ คอยเตือนฉันในเรื่องต่าง ๆ มากมายขนาดนี้ มันถึงเวลาหรือยังที่ฉันจะต้องทำสิ่งที่ควรทำ ไม่ปล่อยให้ถ้อยคำที่ไม่หวังดีต่าง ๆ จากคนรอบข้างกัดคิดความเป็นตัวตนของฉัน ฉันสามารถเริ่มทำมันได้เลยไหมนะ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม