ไม่มีอารมณ์นอน
ณิชา ผู้หญิงยิ้มง่าย ใครๆ ก็มักจะหลงรักรอยยิ้มของเธอ แต่ไม่ใช่กับโชน พัฒน์พันกุล แฝดน้องของเชนทร์ พัฒน์พันกุล ที่ดูเหมือนจะหลงความใสซื่อของณิชาอย่างหัวปลักหัวปำ
“โชน มึงจะไปมั้ยพวกนั้นไปรอแล้ว”
“นัดกันที่ไหนวะ”
“ผับKKJ มึงจะไปมั้ย” โชนถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินว่าสถานที่นัดคือที่นั่น พี่ชายเขาเป็นคนต้นคิดแน่ๆ
“กูไปกับมึงนะ ขี้เกียจขับรถ”
“อืม”
...
ผับKKJคือสถานที่ที่ณิชาทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียน เธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะมากพอในสังคมแบบพวกเขา มีไม่กี่คนที่ฐานะแบบเธอจะหลงมาเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังนี้ได้ แต่พวกเธอได้ทุนจากบริษัทนำเข้าอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคเพราะผลการเรียนดีตอนเรียนมัธยม แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เธอยังคงต้องหาเอง แค่ไม่ต้องเสียค่าเทอมก็ดีมากแล้ว
“ณิชา เสริฟโต๊ะหนึ่งชั้นสองด้วยนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวร่างบอบบางดูไม่น่าจะถือถาดเหล้าในมือไหวด้วยซ้ำ แต่ณิชาทำได้เกือบทุกอย่างในร้าน และโต๊ะที่เธอต้องมาเสริฟก็คือโต๊ะที่เพื่อนๆ ของเธอนั่งอยู่
“ณิชา นั่งก่อนสิ”
“ไม่ได้หรอก เราเป็นพนักงานนะ”
“เสียดายจัง เราไม่เคยได้นั่งกับครบแก๊งค์เลยอ่ะ”
“ไว้โอกาสอื่นนะ เราต้องทำงานนี่มิลค์”
“จะมีโอกาสไหนอีกอ่ะ เธอไม่เคยหยุดเลยนะณิชา”
คนถูกเพื่อนมีรอยยิ้มเล็กๆ ในขณะที่เพื่อนๆ ช่วยกันหยิบขวดเหล้าออกจากถาดให้เธอ แต่กลับมีอีกคนไม่อยากเห็นเธอจนต้องหันหน้าหนี
“ณิชา อย่าเพิ่งหนีกลับนะ เดี๋ยวเราไปส่ง”
“อย่าเลยเชนทร์ กว่าเราจะเลิกงานมันดึกมากเลยนะ”
“เราก็อยู่จนกว่าร้านจะปิดนั่นแหละ ให้เราไปส่งนะ”
“ให้เชนทร์ไปส่งนั่นแหละณิชา วินที่เธอซ้อนท้ายเขากลับจะหน้ามืดขึ้นมาวันไหนก็ไม่รู้” เธอเองก็กลัวเช่นนั้นเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้เธอไม่มีทางเลือกนี่ และการจะให้พวกเขาไปส่งก็ไม่ใช่ธุระอะไรของพวกเขา การที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขาก็ดีมากแล้วที่ไม่ถูกรังเกียจ ยกเว้นโชน ที่เหมือนว่าเขาจะไม่ชอบเธอเอาเสียเลย
.....
“ไม่รู้ว่าณิชาไปเรียนไหวได้ยังไงเนอะ กว่าจะเลิกงานกว่าจะได้นอนอีก”
“ถ้าฉันเกิดเป็นณิชาคงเลิกเรียนอ่ะ ไม่ไหวหรอก”
“แกไม่เรียนแล้วแกก็จะทำงานใช่มั้ยแก้ม”
“เปล่า ฉันจะหาผัวรวยๆ ที่พร้อมจะซัพพอร์ตฉันน่ะสิ”
“แกนี่นะแก้ม อุดมการณ์แน่วแน่มาโดยตลอดจริงๆ” โชนฟังที่เพื่อนผู้หญิงคุยกันเงียบๆ ความคิดของกวินนาเขาก็เคยเห็นณิชาทำมัน เขาเลยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรกับพี่ชายของเขาเลยสักนิด
.....
“น้องณิชารับงานต่อมั้ยครับ” คำถามนี้เธอเจอทุกวันเลยจริงๆ จนมันทำให้เธอมีประสบการณ์ในการเอาตัวรอด เว้นแต่ว่าจะเจอลูกค้างี่เง่าจะเอาให้ได้ จนเจ้าของร้านต้องลงมาเคลียร์เองเรื่องจึงจะจบ
“ขอโทษด้วยนะคะ ณิชาไม่รับงานค่ะ”
“เสียดายจัง” หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มตอบลูกค้าหนุ่มไปเท่านั้น งานนั้นเอาไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายเมื่อเธอถึงทางตันแล้วจริงๆ เถอะนะ ไม่รู้ว่าเธอจะกล้านอนกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง
“ว๊ายยย!” ณิชาหันขวับเมื่อรู้สึกว่าเธอโดนมือปริศนาลูบที่บั้นท้ายขณะที่เธอต้องเดินเบียดลูกค้าออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะคนเยอะมากจริงๆ พนักงานอย่างเธอต้องปล่อยผ่านไปอย่างทุกๆ ที่มีคนลวนลามเธอ
“โอ้โห ณิชาต้องเจอแบบนี้ทุกวันเลยมั้ยเนี่ย” สองสาวที่ยืนอยู่บนชั้นสองคุยกัน พวกเธอเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ทุกอย่าง
“เชนทร์ เมื่อกี้มีคนลวนลามณิชาด้วย”
“ใคร”
.....
เพียงสิบนาทีต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเพราะมีลูกค้าถูดฟาดหัวด้วยขวดเหล้าจนเลือดแดงฉานไหลเต็มพื้น
“ค่าเหล้าขวดนี้ผมรับผิดชอบเอง” เชนทร์หันไปพูดกับผู้จัดการร้านที่ยืนหน้าเสียหลังจากให้พนักงานพาลูกค้าที่โดนตีหัวไปหาหมอแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรอเชนทร์”
“ไม่มีอะไรหรอก หมั่นไส้” เชนทร์หมั่นไส้ผู้ชายคนนั้นเพราะมันลวนลามเธอ แต่หญิงสาวโดนโชนหมั่นไส้อย่างไม่รู้ตัวเพราะแฝดของเขาทำตัวเป็นองครักษ์อย่างไร้สาระ
“เลิกงานแล้วใช่มั้ย”
“เชนทร์ไม่ต้องไปส่งเราหรอก”
“ให้เชนทร์ไปส่งดีกว่าณิชา ไหนๆ ก็อยู่จนร้านปิดแล้ว”
“จริง ณิชาให้แฝดไปส่งเถอะ” เพื่อนสาวสองคนเกลี้ยกล่อมคนขี้เกรงใจ
“คือ..”
“ลีลาทำไมวะ ไปขึ้นรถดิ๊”
โชนดันตัวณิชาไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลด้วยว่าตัดความรำคาญ เขาเปิดประตูและดันเธอเข้าไปนั่งที่เบาะหลังได้สำเร็จ
“เดี๋ยวเชนทร์มึงไม่ขับไปอ่ะ”
โชนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเชนทร์เปิดประตูที่นั่งด้านหลังอีกฝั่ง
“กูจะคุยกับณิชา มึงไปขับ”
โชนเริ่มหัวเสียที่อยากรีบกลับก็เพราะอยากนอน แต่นี่เขาต้องมาขับรถให้สองคนนั้นอีก
“แม่งเอ้ย”
ให้คนขี้หงุดหงิดขับก็จะเสี่ยงตายหน่อยๆ เชนทร์ชินเสียแล้วแต่ณิชากลัวจนหน้าซีดเผือดสองมือบีบกันไว้แน่น
“พรุ่งนี้ให้เรามารับนะ”
“อย่าดีกว่าเชนทร์ ไม่ใช่ทางผ่านด้วยเราเกรงใจ”
“เราเต็มใจนะ เรามารับเธอได้ทุกวันแหละ”
โชนมองคนที่นั่งด้านหลังผ่านกระจกอย่างนึกหมั่นไส้ พี่ชายเขาทำเหมือนจีบยัยนี่ตั้งแต่ปีหนึ่งนี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วก็ไม่เห็นว่าจะได้กันสักที
รถยนต์คันหรูขับมาจอดที่หน้าอพาทเม้นท์ที่ไฟทางเดินติดๆ ดับๆ จนเชนทร์นึกเป็นห่วงขอตามไปส่งเธอ โดยให้โชนรออยู่ที่รถ
“ขอบใจเธอมากนะเชนทร์ ฝากขอบใจโชนด้วย”
“อือล็อกห้องดีๆ หล่ะ”
เขายืนรอจนหญิงสาวปิดประตูห้องสนิทจึงหันหลังเตรียมกลับออกมา
ปัก!
ว๊ายยยย
ปึงๆๆๆ
“ณิชาเป็นอะไร”
เชนทร์รีบหันกลับมาเคาะประตูห้องหญิงสาวเขาได้ยินเสียงแปลกๆ แล้วเธอก็ร้องขึ้น
แอดดด
หญิงสาวหน้าตาเหรอหราด้วยความตกใจรีบเปิดประตูออกมาในความมืด
“เชนทร์เราน่าจะลืมปิดพัดลมอ่ะ เราเห็นไฟกำลังไหม้เลยรีบไปดึงปลั๊กออก”
ขณะที่ตอบเขามือทั้งสองข้างก็ถูกันไปมาเพราะโดนไฟดูด เชนทร์คว้ามือของเธอมาดูใกล้ๆ กลิ่นไหม้ยังติดอยู่ที่มือเธออยู่เลย
“ไฟมันตัดใช่มั้ย”
หญิงสาวพยักหน้าน้ำตาคลอ ตกใจมากจริงๆ
“เดี๋ยวเราดูให้นะ”
คนที่รออยู่ในรถเริ่มหงุดหงิดที่พี่ชายไปส่งยัยนั่นยี่สิบนาทีได้แล้วมั้ง เขาออกมาสูบบุหรี่นอกรถเพราะพี่ชายเขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ นานพอสมควรแฝดพี่ก็เดินกลับมาในสภาพเหงื่อโชก
“หึ ทำเป็นเล่นตัว”
เขาโยนก้นบุหรี่ที่เพิ่งสูบไปได้ไม่เท่าไรทิ้งแล้วตามขึ้นไปนั่งบนรถที่ณิชาเพิ่งนั่งมาสักพัก กลิ่นของเธอยังติดอยู่ที่เบาะซึ่งเขาไม่ชอบ โชนปีนข้ามไปนั่งข้างหน้าข้างพี่ชายที่ขับรถอยู่
“ง่วงก็ไม่นอนอ่ะ”
“ไม่มีอารมณ์นอนแล้วไปนานชิบหาย”
ณิชามองพัดลมตัวเก่าที่เชนทร์เอาไปวางไว้มุมห้อง หากเธอมาช้ากว่านี้ไหม้ทั้งอพาทเม้นท์แน่ ดีนะที่เขาตามขึ้นมาไม่งั้นคงต้องมอยู่ทั้งที่ไฟดับเพราะไม่รู้ว่าต้องกดสวิตส์ไฟตัวไหนมือถือก็แบตหมด จะเรียกข่างก็เที่ยงคืนแล้วแถมยังเสียเงินอีก
“ขอเปิดแอร์นอนหนึ่งวันละกัน”