ปึง
เชนทร์ โชนเดินเข้าบ้านพร้อมกัน คนน้องเดินถึงห้องก่อนปิดประตูเสียงดังลั่น
“ไอ้นี่มันพาลอะไรของมัน”
เมื่อเข้าห้องได้ก็ถอดเสื้อเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทางโดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดเรื่องอะไร
เช้าวันต่อมา...
โชนขับรถของตัวเองออกจากบ้านแต่เช้าในชุดนักศึกษาที่สุดแสนจะเรียบร้อย เรียบแบบไม่ยับเพราะไม่ได้เอาชายเสื้อใส่ในกางเกง เป็นภาพที่เห็นกันจนชินตา รถยนต์คันหรูขับมาจอดที่คอนโดแห่งหนึ่งเขาเดินเข้าลิฟท์พร้อมกับคีย์การ์ดในมือ เมื่อนัดแนะกันแล้วว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้ออกไปไหนจึงสแกนเข้าไปราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง
ติ๊ด
“มาไวจัง”
“รถไม่ติด”
สองมือบรรจงปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาอย่างใจเย็นแล้วพาดมันไว้ที่โซฟาหรู แก้วเกล้ามองมัดกล้ามของเขาไม่วางตา ยิ่งตอนที่เขาถอดกางเกงออกยิ่งละสายตาไม่ได้ รุ่นน้องหนุ่มมองเธอราวกับจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ เหยื่ออย่างเธอติดใจเสือตัวนี้นัก มือเรียวสวยทั้งสองปลดเชือกของชุดคลุมอาบน้ำออกเผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบางราวกับนางแบบ ผิวพรรณขาวเนียนแบบฉบับลูกคุณหนูเวลาลูบไล้มันช่างเพลินมือนัก
“รีบมั้ย”
“ถ้ารีบคงไม่มา”
.....
“ณิชา ทางนี้”
เพื่อนๆ โบกมือเรียกอยู่ท้ายห้องเพราะวันนี้มีเรียนรวมกับคณะอื่นวันแรกเลยทำให้คนที่มาเกือบไม่ทันเกิดความงุนงง
“เรามาคนสุดท้ายเลยมั้งเนี่ย”
“ไม่ใช่เธอหรอกณิชา โชนนู่น”
มินตราบุ้ยหน้าไปทางที่ณิชาเพิ่งจะวิ่งเข้ามาจึงได้เห็นว่าโชนกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์หน้าตาเฉย
“ณิชานั่งข้างเราสิ”
“เอ่อ...”
“หลบดิ๊ ยืนขวางอยู่นั่น”
หญิงสาวหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกโชนว่าให้ แม้จะโดนบ่อยแต่ก็ไม่ชินสักที เธอจำต้องนั่งที่นั่งข้างเชนทร์ไปโดยปริยาย โชนจึงนั่งลงข้างกวินนา
” นายก็รู้ว่าณิชากลัวนายยังจะไปดุอีก”
“กลัวอะไรฉัน” เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่นถามกลับเพื่อนผู้หญิง
“หน้านายเนี่ยอย่างกับยักษ์หิวเวลาคุยกับณิชา เห้ย! รอยอะไรที่คอแกน่ะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดเมื่อกวินนาน่าจะเหลือบเห็นรอยแดงที่แก้วเกล้าเป็นคนตีตรา
“ยุ่ง”
“เอ้า นายไปหาพี่แก้วมาใช่มั้ย ติดใจพี่เค้าดิ ซ้ำบ่อยนะคนนี้”
“แก้มแกเป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
สายตาคมเผลอมองไปที่ณิชากับพี่ชายตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคืนคงยังไม่ถึงใจกันล่ะมั้ง กลางวันยังต้องมานั่งตัวติดกันขนาดนั้น
“กิจกรรมอาสาตกลงกันว่าจะเอารถส่วนตัวไปกันนะ”
“อาสาอะไรวะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเขานึกไม่ออกว่ามีกิจกรรมด้วยหรือ
“โชน จะไปพรุ่งนี้อยู่แล้ว นายลืมหรอ”
“อืม สรุปเอารถส่วนตัวไปกัน?”
“ใช่ นายขับรถไปคันนึง เชนทร์ขับไปคันนึงไง”
“วุ่นวาย ไปรถทัวร์ก็จบ”
“โชน ขากลับเราจะแวะเที่ยวกางเต็นท์กันไง หลอกณิชาไปเที่ยวด้วย ไม่งั้นไม่ยอมเที่ยวกับเราหลอก”
“เรื่องมาก” เพราะเขาปิดแจ้งเตือนไลน์กลุ่มไว้ทำให้ไม่รู้เรื่องที่เพื่อนตกลงกัน เขารำคาญเพื่อนผู้หญิงสองคนที่คุยกันทั้งวัน นานๆ ถึงจะมีข้อความจากณิชาบ้าง แต่เขาไม่ได้สนใจเธอสักหน่อย
.....
“ลางานวันนึงไม่ได้หรอณิชา พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกันแล้วนะ”
“ลาได้นะแก้มแต่เราไม่อยากหยุดเลย”
“งั้นเราให้เธอคูณสองเลย จ้างหยุดงงาน” ณิชาหน้าเจื่อนทันทีที่กวินนาพูดอย่างนั้น จนมินตราต้องหยิกแขนเธอ
“อ๊ะ! อะไรมิลค์”
“พูดไม่คิด อย่าถือสาแก้มมันเลยนะ เธอก็รู้ว่ามันเป็นคนพูดไม่คิด”
“เราไม่คิดอะไรหรอก แต่แก้มอย่าพูดเรื่องเงินกับเราอีกนะ เราไม่ได้อยากได้เงินของเพื่อนหรอก”
“ณิชา เราไม่ได้ตั้งใจหมายความว่าอย่างนั้นนะ เราแค่อยากให้เธอพัก”
“เราเข้าใจความหวังดีของเธอนะแก้ม เราไม่เอาเงินของเธอหรอก เดี๋ยวเราลองโทรลากับผู้จัดการก่อน” ณิชาหยิบมือถือรุ่นที่ไม่ได้ทันสมัยนักขึ้นมาโทรหาผู้จัดการ
“ลาได้มั้ย”
“ลาได้ โดนบ่นนิดหน่อย”
“เอาน่า เธอไม่ได้หยุดบ่อยๆ นี่”
“กลับไปเก็บเสื้อผ้าแล้วก็พักผ่อนนะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปรับ”
“มารับทำไมหรอ เราก็มาขึ้นรถที่มหาลัยกันนี่” มินตรากับกวินนายกยิ้ม เพราะแผนการพวกนี้ไม่ได้คุยกันในกลุ่มไลน์ณิชาจึงไม่รู้
“พวกเราเอารถส่วนตัวไปน่ะ เธอก็ต้องไปกับพวกเรานะ”
.....
พวกเขามารับณิชาตามที่ตกลงกันไว้แต่เช้าตรู่ กวินนาจัดแจงให้เพื่อนสาวได้นั่งคู่กับเชนทร์เพราะคิดว่าเชนทร์ชอบณิชา
“ณิชาเงียบจนแก้มดูเป็นคนพูดมากไปเลย”
“เชนทร์ นายว่าเราอยู่นะ”
“เราว่าฟังแก้มพูดสนุกดี”
บรรยากาศภายในรถอีกคันเงียบกริบเพราะคนขับกำลังไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่าง
“ว๊ายยย! โชนนายขับยังไงเนี่ย ฉันกลัวนะ” มินตราร้องขึ้นเสียงดังเมื่อโชนขับรถเบียดแซงคันอื่นอย่างหน้าหวาดเสียว
“ไม่ชนก็บุญแล้วแม่งขับแช่อยู่นั่น”
“โชนแกจะบ้าหรอนี่มันทางขึ้นเขานะเว้ย กรี๊ดดดด!”
.....
“เชนทร์ โชนมันขับรถบ้าอะไรอย่างนั้นน่ะ”
“มันก็ขับอย่างนั้นแหละ ปกติ”
“ปกติบ้าอะไรเชนทร์ ทางมันไม่เหมือนกรุงเทพนะ ป่านนี้ยัยเสียสติไปแล้วมั้ง”
ตืดด ตืดด
“ว่าไงมิลค์”
“ช่วยฉันด้วยฉันกลัว ฮือออ ไอ้บ้าโชนจอดรถเลย พวกแกจอดรับฉันไปด้วย”