ลูกค้าที่รัก 1
บนถนน ที่เต็มไปด้วยยวดยานพาหนะ ในช่วงเวลาเช้าของการทำงาน เจ็ดโมงเช้ารถยังคงติดจนไม่สามารถขยับได้ ช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ หลายคนเลือกที่จะนั่งรถเมย์ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง บ้างก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ดูเหมือนจะเร็วกว่า แต่หลายคนเลือกที่จะขับรถส่วนตัว เพื่อจะได้ไม่ต้องไปรองรับอารมณ์หงุดหงิดของเพื่อนร่วมทาง หรือแม้กระทั่งคนขับรถที่ค่อนข้างเป็นมิตรน้อยไปหน่อย
สาวออฟฟิศคนเก่งที่ต้องการความเร่งรีบอย่าง อรนิล พีระสา สาวสวยวัยยี่สิบห้า ก็เลือกที่จะขับรถไปเอง ด้วยหวังว่าจะไปให้ถึงที่ทำงานโดยเร็ว ชนิดที่ไม่ต้องไปแออัดยัดเยียดกับใครแต่ ถนนหนทางในเมืองกรุงฯ ช่างน่าเบื่อซะจริง คนก็เยอะ รถก็แยะ อรนิลอดบ่นไม่ได้ กว่าเธอจะถึงบริษัทก็ปาเข้าไปตั้งเก้าโมงเช้า นี่ถ้าหากเธอเป็นพนักงานธรรมดากินเงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นละก็ มีหวังโดนเจ้านายเอ็ดเอาแน่นอน หรือไม่ก็ถูกไล่ออก ทว่าเธอเป็นหุ้นส่วนบริษัทรับออกแบบบ้านยักษ์ใหญ่จึงไม่มีใครกล้าว่าได้
“สวัสดีค่ะคุณอ้อ” พนักงานพีอาร์รีบเข้ามาทำการทักทาย เมื่อเห็นอรนิลเดินเข้ามาในบริษัท
“สวัสดีค่ะ” อรนิลทักทายกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามนิสัยที่เคยเป็น ทุกคนที่นี่ชินตาเพราะรู้ดีว่าเจ้านายสาวคนนี้เป็นคนเคร่งขรึมในบางเวลา ไม่ค่อยยิ้มให้ใครง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่คนดุอะไร เมื่อทักทายพนักงานเสร็จ อรนิลจึงขึ้นลิฟต์ของผู้บริหารไปสู่ชั้นบนสุดของบริษัท แต่เมื่อลิฟต์เปิดออก มัทนีเลขานุการรุ่นพี่วัย ยี่สิบแปดก็ดักรออยู่ก่อนแล้ว
“เจ้านายคะ” มัทนีเอ่ยเรียกขึ้นจากด้านหลัง
“ว่าไงคะคุณมัท” อรนิลหันมากลับถามเสียงเรียบเช่นเคย
“คือมัทมีเรื่องสำคัญจะบอกน่ะค่ะ” น้ำเสียงของมัทนีดูท่าทางตื่นเต้น อรนิล
คิดพลางขมวดคิ้ว
“งั้นเข้าไปคุยกันในห้อง” อรนิลบอกเสียงเรียบเช่นเดิม
“ค่ะ” ว่าแล้วทั้งคู่จึงรีบเข้าไปในห้องทำงานทันที
“เดี๋ยวค่ะคุณมัท อ้อขอกาแฟสักแก้วก่อนนะคะ” จากนั้นมัทนีจึงออกไปจัดการกับกาแฟให้อรนิล เสร็จแล้วจึงเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่น
“กาแฟค่ะเจ้านาย” มัทนีบอกพร้อมกับวางถ้วยกาแฟเอาไว้ให้
“ขอบคุณนะคะ” อรนิลรีบหยิบกาแฟขึ้นจิบเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ว่ามาสิคะ มีเรื่องอะไร” อรนิลถามด้วยน้ำเสียงเรียบ
“คือพอดีมีโปรเจคออกแบบภายในค่ะเจ้านาย” มัทนีรายงานน้ำเสียงตื่นเต้นมาก
“แค่ออกแบบภายในนี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญด้วยเหรอคะ มันก็เป็นงานปกติของเรา” อรนิลเริ่มถามเสียงเข้ม
“มันไม่ได้สำคัญที่ตรงนั้นนะคะ แต่มันสำคัญตรงที่คนจ้างต่างหากล่ะค่ะ”
“ทำไมคะ” อรนิลถามเสียงเรียบ ราวกับไม่สนใจน้ำเสียงตื่นเต้นของมัทนีเลย
“ก็เป็นพวกมีอิทธิพลฮอตๆ น่ะสิคะ” นี่มัทนีพูดอย่างกับกำลังกลัวซะอย่างนั้น ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย
“เจ้าพ่อหรือมาเฟียล่ะ แล้วไม่มีสิทธิ์ตกแต่งบ้านหรือไง” อรนิลค่อนขอดเข้าให้
“แหมเจ้านายก็ แต่คนนี้เจ้านายน่าจะรู้จักนะคะ คุณคาร์ล เคอร์แรน เจ้าพ่อมัลดีฟ”
แค่เอ่ยชื่อเท่านั้น ทำไมจะไม่รู้จัก ชื่อเสียงออกจะดังทั่วฟ้าเมืองไทยนี่นะ ดังไกลไปทั่วทั้งเอเชีย รูปหล่อพ่อรวย มีอาณาจักรเป็นหมื่นล้าน เสียอย่างเดียวคืออรนิลไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ก็ไม่เคยมีรูปให้เห็น ใครเคยเห็นหน้านับว่าบุญแล้ว หรือว่ากรรมก็ไม่รู้ เพราะได้ยินชื่อเสียงว่าเขาเป็นแบดบอยตัวพ่อ แต่อรนิลอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเจ้าพ่อคาร์ลคนนี้ ถึงได้อยากออกแบบบ้าน หรือว่ามีอีหนูหลายคน เธอคิด
“ว่าไงคะเจ้านาย รับไหมคะ” นี่มัทนีจะตื่นเต้นทำไมนักหนานะ อรนิลคิด
“แล้วเขาคุยรายละเอียดให้ฟังหรือเปล่า ว่าเขาต้องการอะไรยังไง แล้วจะให้เข้าไปวัดงานเมื่อไหร่”
“แหะๆ ยังไม่มีอะไรสักอย่างค่ะ” มัทนียิ้มแห้งๆ ให้เจ้านายอีกครั้ง เพราะอุตส่าห์ตื่นเต้น
“แล้วมาทำเป็นรีบ ดูตื่นเต้นมาก เดี๋ยวเหอะ” อรนิลเอ็ดยิ้มๆ
“เขาแค่เกริ่นเอาไว้น่ะค่ะ บอกว่าจะติดต่อมาอีกที เพราะว่าเมื่อเช้าคุณอ้อยังไม่เข้ามา เขาอยากคุยกับคุณอ้อโดยตรง”
“งั้นให้เขาติดต่อมาอีกทีก่อนก็แล้วกัน ค่อยทำเป็นเรื่องใหญ่โอเค้” อรนิลไม่ค่อยสนใจลูกค้าประเภทนี้เท่าไหร่นัก เหมือนหมาหยอกไก่มากกว่า พวกเล่นตัว ก็คงแค่โทรมาหยั่งเชิงเท่านั้นเอง เพราะความจริงแล้วคนรวยแทนที่จะซื้อบ้านที่ตกแต่งให้เรียบร้อยจะได้ไม่เสียเวลา กลับซื้อไอ้พวกที่ยังไม่ได้แต่งซะนี่ ตกลงอีตาหมอนี่ฉลาดหรือว่าโง่ เธอคิดอย่างเคืองๆ ที่สำคัญยี่ห้อคาร์ล เคอร์แรน เธอไม่ชอบเลยแม้จะไม่เคยเห็นหน้าก็ตาม ยิ่งรู้ประวัติมาก่อนยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
“ไปทำงานได้แล้วไป อ้อมีงานต้องทำอีกเยอะแยะเลย”
“ค่ะเจ้านาย” มัทนีออกไปอย่างว่าง่าย พร้อมกับใบหน้าแห้งๆ ที่เธอเผลอทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม เมื่อผู้ทรงอิทธิพลโทรมาบอกเรื่องโปรเจค ขณะที่อรนิลกลับวางเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านและตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป หวังก็แต่อีตาคาร์ลนั่นจะไม่โทรมาเพราะเธอไม่อยากทำงานด้วย