1
แววตาดุดันภายใต้แว่นกันแดดสีชามองหายัยหนูตัวน้อยที่คิดถึงมาตั้งนานกว่าเธอจะกลับอีกครั้ง ราเชลไม่ได้เป็นคนบอกเองหรอกว่าจะกลับมาวันไหน แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอแอบกระซิบบอกเขาให้รู้ตัวก่อนใคร ที่นี่คือโรงแรมหรูที่เขามีหุ้นส่วนและเธอจะพักอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนก่อนจะย้ายไปอยู่ที่คอนโด ส่วนบ้านราเชลไม่ค่อยกลับเพราะไม่ค่อยชอบเมียใหม่ของพ่อตัวเองเท่าไร อีกอย่างคือไม่สนิทกับพ่อเพราะก่อนหน้านี้อยู่กับแม่มาโดยตลอดจนกระทั่งแม่เสียด้วยโรคร้าย
แม่ของเธอฝากให้เขาช่วยดูแล
ยัยหนูน้อยของเขา
“คุณสิปปกรคะคือว่าคุณหนูยังไม่ออกจากห้องเลยค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“ไม่มั่นใจค่ะ ก่อนหน้านี้คุณหนูโทรสั่งอาหารทานเล่นไปแล้วก็ห้ามคนเข้าไปรบกวน ขนาดคุณฌอนยังถูกไล่ออกมาเลย ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่ามีปัญหาอะไรไหม”
“เดี๋ยวฉันขึ้นไปดูเอง แล้วก็จองร้านอาหารไว้ให้ด้วย”
“ค่ะคุณสิปปกร”
สิปปกรเดินขึ้นไปที่ลิฟต์แล้วกดไปยังชั้นสูงสุดที่ต้องการ เมื่อก่อนเขาก็เคยพักที่นี่ในช่วงเรียนอยู่ แต่พอเรียนจบก็ย้ายออกไปอยู่คฤหาสน์ของตัวเองที่ปู่ยกให้ ส่วนพ่อแม่เกษียณอายุก่อนวัยไปเที่ยวรอบโลกกันสองคนและยกงานให้ลูกชายสองคนดูแลแทนแบบไม่เป็นห่วงเลยสักนิดว่าจะรับมือไหวไหม
เขาคือสิปปกรเป็นลูกชายคนโต
ศิรากรคือน้องชายของเขาเอง
พ่อแม่ของเขารู้จักกับพ่อแม่ของราเชลมานานมากนั่นเลยทำเราสองคนเลยสนิทกัน เขาแสดงออกชัดว่ารักน้องแบบคู่รักไม่ใช่แบบพี่ชายมาประมาณสองปีแล้วมั้ง เขาตามจีบเธอตลอดเวลาที่ทำได้ ตามหึงตามหวงจนแทบบ้าและหวังว่าราเชลจะรักกันบ้างในสักวัน แต่ยัยหนูคนดีของเขานี่สิดันหนีไปอยู่เมืองนอกนานครึ่งปีกว่าจะยอมกลับมาอีกครั้ง เธอพึ่งเรียนจบได้ไม่นานและกำลังศึกษางานเพื่อจะขึ้นมาเป็นผู้บริหาร
เขาพร้อมจะผลักดันราเชลทุกอย่าง
นี่มันหน้าที่ของคนรัก
ประตูลิฟต์เปิดออกสู่ชั้นบนสุดของโรงแรม สิปปกรเดินตรงไปยังหน้าประตูห้องแล้วสแกนลายนิ้วมือเปิดเข้าไปอย่างง่ายดาย ห้องนี้มีแค่สี่คนที่เข้าได้นั่นคือเขา น้องชาย พ่อและล่าสุดก็คือยัยหนูราเชลนี่ไงล่ะ พ่อเป็นคนบอกให้เธอมาอยู่ที่นี่หากไม่อยากอยู่บ้านเพราะมั่นใจในความปลอดภัยทุกอย่าง อีกอย่างคือที่นี่สะดวกสบายมากสำหรับเธอด้วย พอพ่อเสนอไปแบบนั้นยัยหนูของเขาก็ตอบตกลงทันทีแบบไม่มีลังเลเลย
ช่วงนี้มีคนลอบทำร้ายเธอ
ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด
“ราเชลทำอะไรอยู่?”
“พี่สิป!”
“ตกใจอะไรล่ะ คิดถึงพี่ไหมห่ะยัยหนู?”
“กำลังคิดถึงพอดีเลยค่ะ มาทางนี้เร็ว”
ว่าจะไม่เขินแล้วนะ
แต่ถูกเธอจับมือแล้วใจเต้นแรงเลย
สิปปกรเดินตามเหมือนไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานคนตัวเล็กที่จับมือดึงให้ไปดูหน้าต่างกระจก ใบหน้าระรื่นเปลี่ยนสีแทบจะทันทีที่เห็นบางอย่างที่ไม่ควรมีติดอยู่แบบนี้ กระสุนติดอยู่หน้าต่างเพราะไม่สามารถจะทะลุเข้ามาได้เนื่องจากว่าเป็นกระจกกันกระสุนอย่างดีที่สุด มือเล็กปล่อยมือของเขาออกแล้วเงยหน้ามองด้วยแววตาครุ่นคิดว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่ เขาปิดผ้าม่านแล้วมองยัยหนูที่ไม่ยอมให้ใครเข้าพบ ส่วนฌอนที่อยู่ด้านล่างคงจะสังเกตว่ามีใครน่าสงสัยเป็นพิเศษ
ถึงเวลาเป็นฮีโร่แล้วสินะ
พี่จะปกป้องแม่แก้วตาดวงใจเอง
“พี่อยู่ตรงนี้แล้วไม่มีอะไรที่ต้องกลัวนะ”
“หนูไม่ได้กลัว”
“อ้าว!”
“แค่เรียกให้มาดูเฉยๆ พวกมันทำพลาดขนาดนี้คงจะถูกเก็บต่อแน่”
“หนูไม่กลัวจริงเหรอ?”
“ไม่ค่ะ พี่สิปก็รู้ว่าเราเจอเรื่องแบบนี้กันบ่อย ถ้าหนูจะตายป่านนี้คงตายไปนานแล้ว”
“หนูไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งเพื่อให้พี่สบายใจหรอก อยู่กับพี่หนูอ่อนแอได้”
“หนูว่า…พี่กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่าคะ?”
“ยัยหนู…”
“ปล่อยมือ”
“หนูอยากให้พี่กอดแทนใช่ไหม ได้สิยัยหนู”
“ไม่!!”
“ราเชล!”
“พี่รันอยู่ไหนเนี่ย?”
“ถามหามันทำไม?”
“ก็มาเอาพี่สิปออกไปไง!” เธอสะบัดมือใหญ่ออกจนได้ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่แล้วมองตามเขา พี่สิปเดินไปเทไวน์มาสองแก้วและหยิบผลไม้มาให้ด้วย ราเชลยื่นมือรับและยกขึ้นมาดื่มด้วยความหวั่นใจในสายตาเหมือนจะกลืนกินนี้จริงๆ
พี่สิปจีบเธอมาสองปีกว่าแล้ว
อุส่าห์หนีไปเมืองนอกกลับมาก็ยังเหมือนเดิม
เราสองคนรู้จักกันมานานพอสมควรเพราะครอบครัวรู้จักกัน แล้วเริ่มสนิทกันมากขึ้นในช่วงที่แม่ของเธอเสียชีวิตเพราะคุณลุงเป็นห่วงเลยแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ เมื่อตอนเธออายุยี่สิบปีเขาให้ของขวัญวันเกิดเป็นแหวนแล้วสารภาพรักในคืนนั้น เขาบอกว่ารักเธอตั้งแต่วันแรกแต่เพราะว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเลยไม่ได้แสดงอะไรออกมาชัดเจน หลังจากสารภาพรักเขาเปลี่ยนไปและเราไม่ได้คบกัน แต่เขาก็ตามวอแวแบบนี้ตลอดจนไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะเดี๋ยวจะเจ็บตัว
ครึ่งปีก่อนเธอหนีเข้าไปอยู่เมืองนอก
พ่อแม่ของพี่สิปบอกว่ากลับมาเธอไม่รอดมือเขาแน่
“สงสัยใคร?”
“ไม่รู้สิ”
“หรือจะเป็นเรื่องที่พ่อของพี่เตือนนะ”
“อะไรเหรอคะ?”
“ก็ทรัพย์สมบัติไง”
“แล้ว?”
“มีคนไม่ต้องการให้หนูได้มันไป”
“พี่จะบอกว่าเป็นฝีมือของน้าเฟื้องเหรอคะ?”
“แม่เลี้ยงของหนูฉลาดขนาดนั้นเหรอ?”
“ยัยนั่นฉลาดแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นแหละ!”
“เฮ้อ…เดี๋ยวหนูคิดเองดีกว่าว่าเป็นใคร ว่าแต่พี่สิปมาทำไมคะ หนูไม่ได้โทรตามเลยนะ”
“หวานใจกลับมาทั้งที”
“หวานใจ!?”
“ก็หนูไง พี่มารับไปดินเนอร์แล้วก็จะพาไปเที่ยวด้วย”
“หนูพึ่งกลับมาถึงยังไม่ทันข้ามวันเลย ยังไม่หายเหนื่อยพอจะไปเที่ยวได้หรอก แต่ถ้าดินเนอร์อย่างเดียวได้ค่ะ”
“โอเค ดินเนอร์อย่างเดียวก็ได้”
ราเชลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความบอกพี่ฌอนให้ไปพักผ่อนได้เลยเพราะดูท่าว่าจะมีคนดูแลแทน แถมเขาจะเป็นบ้าเอาได้ถ้าเธอกับบอดี้การ์ดใกล้ชิดกันมากเกินไป จากนั้นก็กดข้อความชวนพี่ฌอนเล่นเกมในทีมเดียวกัน เธอกับพี่ฌอนติดเกมเหมือนกันอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเล่นจนเสียการงานหรอกนะ พี่ฌอนจะเล่นแค่ในเวลาพัก ส่วนเธอจะเล่นในตอนที่ว่าง
ว่าแต่ทำไมมีคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้
ยุ่งไปซะทุกเรื่องจริงๆ
“หนูยังชอบเล่นเกมอยู่เหรอ?”
“อื้ม”
“งั้นพี่เล่นด้วยสิ”
“แต่ว่าพี่สิปไม่เล่นเกมไม่ใช่เหรอคะ?
"ถ้าพี่ชนะ...หนูต้องยอมเป็นเมีย ถ้าหนูแพ้...พี่จะยอมเป็นผัว เกมง่ายๆสนใจไหม?"
"เกมบ้าอะไรเนี่ย!"
"ไหนหนูบอกว่าชอบเล่นเกมไง พี่ก็ชอบเล่นเหมือนกัน หนู...ไม่สนใจจริงๆเหรอ?
"หนูว่าพี่สิปต้องไปเช็คสมองแล้วแหละ!”
เขาแอบมองเด็กติดเกมแบบไม่เคยเบื่อทั้งที่เล่นมาตั้งนาน เธอเคยแอบเปิดช่องสตรีมโดยปิดบังตัวตนทุกอย่างอยู่พักหนึ่งหลังจากนั้นก็ปิดช่องไปเพราะกลัวจะหลุดความลับเรื่องฐานะของตัวเองว่าเป็นใคร สิปปกรลุกขึ้นยืนแล้วนึกถึงกระสุนที่ติดกับหน้าต่างด้วยความสงสัยมาก จากนั้นเขาเดินออกไปดูอีกครั้งและโทรสั่งรันให้เข้าไปตรวจสอบทิศทางและจุดที่มันน่าจะยิงมา
ราเชลกลับก่อนกำหนดเรื่องนี้ไม่มีใครรู้
หรือมันจะเข้าใจผิดว่าเป็นเขา