2.1 จิ้งจอกหิมะ

2055 คำ
2 จิ้งจอกหิมะ กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เชิญชวนแมลงทั้งหลายให้มาดมดอมเกสรหวาน บรรยากาศงดงามราวกับภาพวาดดึงดูดให้รู้สึกเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในโลกของเทพนิยาย วันนี้เป็นวันที่สามของการเดินทางไปยังเมืองหลวง เหอซิงสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด มือเกาะขอบหน้าต่างรถม้า มองดูทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างรื่นรมย์ “...โบตั๋นผลิบานหอมยามเช้า ช่างน่าเศร้ายอดคนไม่เหลียวมอง” เด็กชายวัยสิบขวบเก็บสายตากลับมาจากการชมดอกไม้ แล้วถามผู้เป็นน้องสาวอย่างสนใจ “หืม กลอนที่เจ้าแต่งหมายความว่าอย่างไรหรือ ซิงเอ๋อร์” เขาเอ่ยพลางหยิบหมั่นโถวขึ้นมากัดคำหนึ่ง รสชาติของมันแม้จะไม่อร่อยเท่ากับอาหารที่จวนแต่ก็พอประทังความหิวโหยได้ “ความหมายของเสี่ยวซิง คนที่ไม่สนใจในศิลปะอย่างเจ้าคงยากที่จะเข้าใจ” เด็กชายอีกคนที่อายุมากกว่าคลี่ยิ้มพลางขยับพัดในมือไปด้วย เขาชอบหยอกล้อผู้อื่นอยู่เป็นนิตย์ บรรยากาศสุนทรีย์เช่นนี้เหมาะแก่การแกล้งน้องชายยิ่งนัก “พี่รอง ข้าคิดว่าท่านเองก็ไม่เข้าใจซิงเอ๋อร์เช่นเดียวกับข้า มิต้องมาทำเป็นว่าข้าหรอก!” เห็นสองพี่น้องเริ่มถกเถียงกัน เด็กน้อยจึงต้องรีบห้ามทัพแล้วชิงอธิบายเสียเอง “ไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน หากไม่สนใจรักษาความสุขที่ตนมีอยู่ ก็ล้วนแต่เป็นคนที่น่าสงสาร” “พูดได้ดี! ลั่ว หากเจ้าฉลาดได้สักครึ่งหนึ่งของเสี่ยวซิง เติบใหญ่คงสามารถแบ่งเบาภาระท่านพ่อได้มาก” ชมนางเสร็จก็ยังไม่วายหันไปแขวะน้องชายคนเล็ก สมกับที่ชื่อเหอฟงเสียจริงๆ สายลมนี้ไม่ว่าจะพัดผ่านที่ไหนก็ทำให้คนอื่นแสบๆ คันๆ ไปทั่ว และแล้วสงครามน้ำลายก็เริ่มขึ้นอีกจนได้ ร่างเล็กขี้เกียจฟังพวกเขาจึงส่งเสียงเรียกไป๋เล่อ ขอไปนั่งด้านหน้ารถม้าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการเดินทาง พ่อบ้านผู้สุภาพชินกับการมีนางเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสียแล้ว หลายวันมานี้เหอซิงมักจะทำแบบนี้เสมอ หากเบื่อๆ ก็จะขอมานั่งข้างๆ คนบังคับบังเ**ยนที่สลับสับเปลี่ยนกันอยู่สองคน ซึ่งก็คือกวนลู่และไป๋เล่อ “คุณหนูเหอ หากไม่เคยพบท่านมาก่อน ข้าคงคิดว่ากลอนเมื่อครู่นี้มาจากท่านบัณฑิตขั้นสูงเป็นแน่” ไป๋เล่อเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้มบางๆ สายตาของเขาก็มิได้โกหกเช่นเดียวกัน ในความคิดของเขา นางคงกลายเป็นเด็กอัจฉริยะไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เจ้าตัวจึงได้แต่แถไปอย่างเนียนๆ “นี่เป็นกลอนที่ข้าจดจำมาจากท่านแม่ เห็นว่าเหมาะกับบรรยากาศเลยท่องออกมา” “อ้อ” เขาพยักหน้ารับ ไม่เอ่ยสิ่งใดต่ออีก นางเองก็ไม่คิดจะชวนเขาคุย แต่ดวงตากลับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบๆ เพื่อจดจำภาพสวยงามนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด เห็นแล้วก็อยากจะให้สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวได้มาเห็นทิวทัศน์งดงามด้วยกัน ความคิดถึงที่เพิ่มพูนขึ้นมาในจิตใจทำให้มือเรียวเล็กของเด็กหญิงหยิบขลุ่ยที่เหออวี่เทียนมอบให้ออกมา เสียงขลุ่ยดังคลอกับเสียงเสียดสีของใบหญ้าและเหล่าพฤกษา ท่วงทำนองเป็นจังหวะสนุกสนานส่งเสริมให้ผู้ที่ได้ฟังอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั่งพี่ชายทั้งสองของนางที่โต้เถียงกันอยู่ในรถม้าก็ยังหยุดฟังอย่างเพลิดเพลิน ลืมเรื่องที่ถกเถียงกันไปจนหมดสิ้น เดินทางกันมาทั้งวัน คณะเดินทางของพวกนางก็มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แสงตะวันที่สาดส่องอยู่บนท้องนภาแปรเปลี่ยนเป็นสีแสด ถึงเวลาเย็นที่กำลังจะย่างเข้าสู่ยามราตรี “คืนนี้เราจะพักกันที่นี่” เสียงทุ้มของไป๋เล่อเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา หลังจากที่ไม่ได้พูดอะไรมาหลายชั่วยาม เรียกให้ร่างของเด็กทั้งสามที่กำลังงีบหลับภายในรถม้ารู้สึกตัวตื่น เด็กหญิงลืมตาขึ้นมาช้าๆ ในขณะที่เสียงของผู้คุมบังเ**ยนทางด้านนอกดังขึ้นอีกครา “วันพรุ่งนี้เราจะเข้าสู่เขตเมืองหลวง พวกท่าน...” จู่ๆ คำอธิบายของไป๋เล่อก็ชะงักกลางคันพร้อมกับรถม้าที่หยุดลง “มีอะไรหรือท่านไป๋เล่อ” เหอฟงตะโกนถาม ทว่าน้องชายของเขานั้นฉับไวกว่า ร่างของเด็กชายเดินตรงไปเปิดประตูรถม้าออกแล้วกระโดดลงไปด้านล่าง เหอซิงเองก็รีบตามไปอย่างไม่รอช้า รถม้าขนาดใหญ่ของพวกนางถูกขวางด้วยฝูงคนจำนวนหนึ่งซึ่งยืนมุงกันเป็นวงกลม ดูแล้วเหมือนกำลังจ้องมองอะไรบางอย่างซึ่งอยู่กึ่งกลางวงล้อมนี้ ด้วยความอยากรู้นางจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น โดยมีพี่ชายคนที่สี่เดินประกบข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่แพ้กัน “มันบาดเจ็บมิใช่หรือ” “อย่าเข้าไปใกล้มันนะ ระวังมันจะทำร้าย” “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี” เสียงพูดคุยงึมงำดังอยู่ด้านบน ส่วนเด็กตัวเตี้ยอย่างพวกนางก็เดินแหวกฝูงชนจากด้านล่าง กว่าจะฝ่าเข้ามาถึงด้านในได้ก็เล่นเอาเสียเหนื่อยหอบ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ลมหายใจของเด็กหญิงสะดุดลง ดวงตากลมสวยเบิกกว้างมากขึ้นครั้นมองเห็น ‘สิ่งนั้น’ เต็มตา ภาพเบื้องหน้าของนางกับพี่ชายคือ จิ้งจอกหิมะสีขาวขนฟูฟ่อง ขนาดตัวของมันใหญ่จนเหมือนหมาป่ากำลังนอนขดตัวอยู่ มันพยายามเก็บซ่อนขาที่บาดเจ็บให้พ้นจากสายตาผู้คน หากกลิ่นโลหิตกลับลอยคลุ้งไปทั่ว ของเหลวสดย้อมลำตัวส่วนหนึ่งจนกลายเป็นสีแดง ดวงตาแข็งกร้าวดุดันฉายแววอ่อนล้า ชายสูงวัยคนหนึ่งขยับเข้าไปใกล้ร่างสีขาว มันก็ขู่คำรามใส่จนเขาไม่กล้าเข้าใกล้ ชาวบ้านหลายวัยต่างก็หันมามองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ เสียงพูดคุยดังอย่างไม่หยุดหย่อน ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไรกับมันดี จิ้งจอกตัวนี้นอนขวางถนนที่ผู้คนต้องเดินสัญจรไปมา หากปล่อยทิ้งเอาไว้ก็อาจจะโดนมันทำร้ายเอาได้ แต่พอเข้าไปใกล้ก็โดนขู่ใส่อย่างดุร้าย เหอซิงสูดหายใจเข้าลึก กลิ่นคาวเลือดเรียกสติของนางให้กลับคืนมาจากอาการตกตะลึงในความงดงาม ยิ่งเห็นจิ้งจอกตัวนี้บาดเจ็บหนัก นางก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้อีก เท้าเล็กๆ ตัดสินใจก้าวออกมาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง เรียกให้ดวงตาเรียวคมของจิ้งจอกหิมะหันขวับมามองทันใด มันส่งเสียงขู่ในลำคอเช่นทุกครั้ง ในขณะที่ชาวบ้านต่างสามัคคีพากันถอยห่างไปอีกก้าวหนึ่งด้วยอาการหวาดผวาและตกใจ เหอซิงชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้น เมื่อมีมือของใครบางคนยื่นมารั้งตัวนางเอาไว้เสียก่อน แรงบีบที่แขนทำให้นางช้อนตาขึ้นมอง ก็พบว่าเป็นเหอลั่ว “ข้าไม่เป็นไร” เสียงเล็กกล่าว ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ไว้ใจ มือเล็กทว่าหยาบกร้านเพราะผ่านการฝึกกระบี่มาหลายปีจับแขนของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เด็กหญิงจึงคิดว่าตนจำต้องเปลี่ยนแผนเสียใหม่ “เช่นนั้น พี่สี่ไปกับข้าก็แล้วกัน” เหอลั่วคลายแรงบีบออกเล็กน้อย แววตาเขามีความลังเลเหมือนกำลังตัดสินใจ ดวงตากลอกไปมาราวกับต้องการหาข้อสรุปให้ตนเอง เหอซิงยืนรอผู้เป็นพี่ชายอย่างใจเย็น เวลาผ่านไปเพียงไม่นานร่างของเด็กชายก็ยอมก้าวเท้าตามมาพร้อมทั้งรวบรวมลมปราณเอาไว้ที่ฝ่ามืออีกข้าง ดวงตาจ้องสัตว์ร่างใหญ่อย่างระวังภัย เมื่อพี่สี่ของนางไม่คัดค้านอะไรอีก ร่างเล็กก็วางใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง ใบหน้าน่ารักหันมาเผชิญหน้ากับสัตว์ที่มีร่างใหญ่กว่าตนหลายเท่า จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินคู่สวย สัตว์ร้ายเห็นนางจับจ้อง มันจึงเลือกที่จะจ้องกลับมาอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกัน ผิดกันตรงที่ว่าแววตาของมันแสดงออกถึงความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งหวาดระแวง ข่มขู่ และเหนื่อยล้าอยู่ในที ‘ข้าต้องการช่วยเจ้าจริงๆ ให้ข้ารักษาเจ้าเถิด’ นางสื่อสารความคิดผ่านทางแววตา ด้วยความที่ชาติที่แล้วนางเรียนจบคณะสัตวแพทยศาสตร์ จึงคุ้นเคยกับการรับมือกับสัตว์เป็นอย่างดี ว่ากันว่าสัตว์นั้นมีสัญชาตญาณดีกว่ามนุษย์ มันเชื่อมั่นในความรู้สึกมากกว่าเหตุผล เหอซิงคิดในขณะที่ก้าวเท้าเล็กๆ ไปด้านหน้าอีกครั้งอย่างเชื่องช้าและมั่นคง ส่วนดวงตาสีน้ำตาลก็สื่อความเมตตาออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แววตานี้หาใช่ว่าเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งจะทำได้! ชาวบ้านทั้งหลายต่างมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงงัน เด็กน้อยผู้นี้ช่างมีจิตใจที่กล้าหาญและบ้าบิ่นเหลือเกิน ขนาดพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้สัตว์ที่ดุร้ายและบาดเจ็บมากถึงเพียงนี้ ยามนั้นเองที่ไป๋เล่อ กวนลู่ และเหอฟงเพิ่งเดินทางมาถึง ครั้นพ่อบ้านแห่งเจ้ากรมการคลังได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวงล้อมของฝูงชนก็ตกใจจนอ้าปากค้าง “นาง...นางไม่รู้หรือว่าสัตว์บาดเจ็บนั้นดุร้ายเพียงใด!” น้ำเสียงของเขาร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เหอฟงหันไปมองอีกฝ่าย เขารู้ถึงความสามารถของเหอซิงดี อีกทั้งน้องชายคนเล็กของเขาก็อยู่ด้วย คิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเด็กชายของหรี่ลง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังหลังรถม้าเพื่อหยิบของบางอย่าง ครั้นได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เหอฟงก็ก้าวเข้าไปในฝูงชน หาได้สนใจคำวิจารณ์ของผู้อื่นไม่ เหอซิงยังคงเพ่งสมาธิทั้งหมดไปยังร่างจิ้งจอกขาว ม่านตาเรียวในดวงตาคู่สวยยิ่งหดแคบลงทุกจังหวะที่นางย่างเท้าเข้าไปใกล้ เสียงร้องขู่ดังมากขึ้นทุกที เหอลั่วก้าวตามนางมาอย่างเชื่องช้าและระแวดระวัง เหงื่อที่ไหลออกมาจากมือซึ่งเกาะกุมแขนของคนตัวเล็กเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าเขากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใช่ว่าเขาจะตื่นเต้นเป็นคนเดียว แม้สีหน้าของเหอซิงจะยังนิ่งเฉยแต่ในความเป็นจริงแล้วนางเองก็กลัวอยู่เหมือนกัน! ‘เพิ่งจะได้เกิดใหม่ ใช้ชีวิตได้แค่แปดปี ถ้าเกิดว่าตายแล้วกลับไปเจอเทพผู้นั้นอีก เขาคงหัวเราะเยาะฉันแล้วถีบให้ฉันลงไปเกิดอีกสักที่หนึ่งแน่’ เพียงแค่คิดว่าต้องเริ่มใหม่จากศูนย์อีกรอบ เด็กหญิงก็นึกย้อนกลับไปยังเรื่องราวมากมายที่ผ่านในช่วงเวลาแปดปี แค่คิดว่าต้องไปเกิดและใช้ชีวิตใหม่ในร่างเด็กอีกคราก็เหนื่อยใจเสียแล้ว การที่เหอซิงสะกดความกลัวของตนเอาไว้โดยไม่แสดงอาการหวาดกลัวหรือลังเลออกมา ก็เพื่อเป็นการให้กำลังใจตนเอง รวมไปถึงผู้เป็นพี่ชายที่กำลังเสี่ยงอันตรายอยู่ด้วยกัน “พี่สี่...” เสียงเล็กกระซิบเรียกคนข้างๆ ส่งผลให้เหอลั่วตื่นตัว รีบก้มใบหน้าซึ่งมีเค้าความหล่อเหลาตั้งแต่ในวัยเยาว์ลงมาเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่นางจะพูด เหอซิงกระซิบแนบใบหูของเขาโดยไม่ละสายตาไปจากจิ้งจอกตรงหน้า เสียงพูดคุยของชาวบ้านดังขึ้นเป็นระลอก ใจหนึ่งพวกเขาก็อยากจะห้ามปราม แต่อีกใจหนึ่งก็อยากดูต่อจนจบว่าเด็กน้อยทั้งสองจะสามารถเข้าถึงตัวสัตว์ร้ายได้หรือไม่ พวกเขาทั้งลุ้นระทึกและตื่นเต้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม