ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ...พวกเขาก็คงต้องรีบเข้าไปช่วยเด็กน้อยต่างถิ่นทั้งสองออกมา
เหอซิงผละออกเมื่อบอกสิ่งที่ต้องการพูดจนหมดสิ้นแล้ว ผู้เป็นพี่ชายพยักหน้ารับทำให้นางใจชื้น พี่สี่เป็นคนที่สนิทกับนางมากที่สุดในบรรดาพี่ชายทั้งหมด นางและเขาอายุห่างกันเพียงสองปีและมีนิสัยที่เข้ากันได้ โดยเฉพาะการไม่ชอบกฎระเบียบทั้งหลายที่ได้ยินทุกวันจนเบื่อหน่าย
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว นางก็หันกลับไปจ้องร่างของจิ้งจอก คาดเดาจากสายตาคงเหลือเพียงสามก้าวเล็กๆ ก็จะถึงตัวสัตว์ที่บาดเจ็บแล้ว จึงสาวเท้าเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ครานี้จิ้งจอกที่รู้สึกว่าตนเองถูกรุกล้ำอาณาเขตมากจนเกินไปก็พยายามยันกายลุกขึ้นเตรียมจะกระโจนเข้าหา แต่บาดแผลฉกรรจ์ที่เท้าก็ดึงให้มันลงไปนอนที่พื้นตามเดิม
แต่แค่จังหวะนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อดีตสัตวแพทย์สาวสังเกตเห็นบาดแผลได้ทัน ลักษณะเหมือนถูกของมีคมบาด น่าจะเป็นกำดักของนายพรานหรือเกิดจากการต่อสู้กับสัตว์ชนิดอื่นที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม
เหอลั่วเปลี่ยนมือที่จับแขนเรียวเล็กมากุมมือน้องสาวเอาไว้แทน แรงบีบครั้งแรกทำให้เหอซิงเดินเข้าไปใกล้อีกก้าว แรงบีบครั้งที่สอง...ก้าวที่สอง และสาม!!
ผู้เป็นพี่ชายใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวนำออกไปเป็นคนแรก เขาดึงผ้าคาดเอวออกมาจากตัวก่อนจะพันรวบปากที่อ้าออกของสุนัขจิ้งจอก ความเร็วของร่างเล็กยิ่งกำจัดอุปสรรคในการเคลื่อนที่ให้หมดไป แม้ปกติจิ้งจอกเองจะเป็นสัตว์ที่ว่องไว แต่อาการบาดเจ็บก็ทำให้มันสู้ไม่ไหว ปากที่ยาวออกมาจึงถูกเด็กชายมัดเอาไว้หลายทบด้วยผ้าคาดเอว
แต่ร่างที่ถูกพันธนาการก็พยายามจะสะบัดตัวเหอลั่วออกอย่างแรงจนเด็กชายแทบจะยื้อเอาไว้ไม่อยู่ เหอซิงขยับกายอย่างว่องไว ถือโอกาสที่สัตว์ร้ายถูกจับตัว รีบล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อก่อนจะดึงมือออกมา
ทั้งไป๋เล่อและกวนลู่ที่ยืนดูอยู่ไกลๆ รีบแทรกร่างของตนเข้าไปในฝูงชนเพราะความเป็นห่วงและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน!
ผู้คนรอบข้างต่างพากันกลั้นหายใจ สายตาหลายสิบคู่จ้องไปยังจุดกึ่งกลางอย่างตกตะลึง ผิดกับผู้ลงมือที่ละความสนใจจากสิ่งเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง
สิ่งที่เหอซิงดึงออกมาคือผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่เจ้าตัวทาบมันลงบนจมูกของสัตว์ร้ายตัวนั้น! แล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ มือเล็กๆ อีกข้างยังกอดคอของมันเอาไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้มันเบือนหน้าหนี!
“นี่...” กวนลู่อุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาขยี้ตาแรงๆ ขณะที่หันไปมองบุรุษข้างกาย พบว่าดวงตาของพ่อบ้านไป๋เล่อเบิกโพลง ภาพสะท้อนในดวงตาคือร่างของสัตว์สีขาวขนาดใหญ่ที่กำลังดีดดิ้น โดยมีเด็กหนึ่งหญิงหนึ่งชายคอยกดทับตัวมันเอาไว้โดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือส่งเสียงร้อง
ทว่าหลังจากที่มันดิ้นมาสักพักใหญ่ ในที่สุดแรงแข็งขืนก็หมดลงอย่างช้าๆ ก่อนที่สุนัขจิ้งจอกขนสีขาวราวหิมะจะสลบไสลในที่สุด เหอฟงซึ่งรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว จึงก้าวเข้าไปยังคนทั้งสองพร้อมกับกล่องยาที่หยิบออกมาจากท้ายรถม้า
“ขอบคุณพี่รอง” เหอซิงกล่าวกับคนที่ส่งกล่องยาให้นางอย่างรู้ใจ รีบลงมือรักษาบาดแผล ขณะที่เหอลั่วคลายผ้าผูกเอวที่แทบจะขาดอยู่รอมร่อออกจากปากของจิ้งจอก
ดวงตาคมหม่นแสงลงเล็กน้อย นี่เป็นผ้าผูกเอวสีโปรดของเขาเสียด้วย...
กว่าจะรักษาเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อท่วมตัว ร่างเล็กๆ นี่ทำให้เด็กอย่างนางทำงานไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร ได้แต่หวังในใจให้ตนโตเร็วๆ มือเล็กจัดการเย็บแผลจนเสร็จก็พันผ้าพันแผลทับโดยมีเหอฟงคอยช่วยเหลือ
เมื่อมั่นใจแล้วว่าทุกขั้นตอนสำเร็จไปด้วยดี ผู้ใหญ่ในร่างเด็กจึงหันไปให้ความสนใจกลุ่มคนรอบกายอีกครั้งเหมือนกำลังมองหาใครบางคน
ฝ่ายชาวบ้านที่กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาช่วยพวกนางตั้งแต่ตอนที่สัตว์ร้ายเริ่มดิ้นรนได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ภาพที่พวกเขาเห็นคือเด็กหญิงอายุแปดขวบโปะยาสลบให้จิ้งจอกหิมะที่ตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า ทั้งยังลงมือรักษาสัตว์ร้ายอย่างเชี่ยวชาญ!
เด็กน้อยคนนี้เป็นศิษย์ของผู้ใด! เหตุใดจึงมีความกล้าหาญและรู้วิชาแพทย์ทั้งๆ ที่ยังอายุน้อยเพียงนี้ได้!
ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะถามเด็กหญิงคนนั้นมากเพียงใด แต่ก็ต้องพากันสงบท่าทีเมื่อสบเข้ากับดวงตาเรียบเย็นจากพี่ชายทั้งสองของนาง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสลายการมุงดูไปอย่างเอื่อยเฉื่อย
ฝ่ายเหอซิงหาได้สนใจไม่ ดวงตาสีน้ำตาลมองไป๋เล่อซึ่งยืนทำหน้าเหลอหลาผิดวิสัยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็ส่งเสียงเรียกทันที “ท่านไป๋ รบกวนท่านแล้ว”
“หะ...หา” มารยาทและความสุภาพถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ ชายผู้มีใบหน้าสะอาดสะอ้านทำได้เพียงพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่านางจะรบกวนเขาเรื่องอะไร แววตามึนงงผิดจากเวลาปกติจนเหอซิงแทบจะหัวเราะออกมา แต่รู้ดีว่าไม่ควรเลยต้องกลั้นเอาไว้จนไหล่สั่น
โรงเตี๊ยมแห่งเดียวในหมู่บ้านถูกเหมาโดยคณะเดินทางเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดา ส่วนสาเหตุที่ต้องเหมานั้นเพราะว่าเถ้าแก่เอาแต่โอดครวญเสียยกใหญ่ เนื่องจากไม่มีใครยอมพักที่โรงเตี๊ยมของเขาหากจะจองห้องพักห้องหนึ่งเพิ่มให้จิ้งจอกหิมะที่บาดเจ็บอีกหนึ่งตัว
แม้เหอซิงจะอธิบายแล้วอธิบายอีกว่ายาสลบของนางจะทำให้มันหลับจนถึงเช้า ไม่พุ่งไปทำร้ายหรือกัดหัวใครแน่นอน ทว่าคำพูดของเด็กอายุแปดขวบคงจะขาดความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง เถ้าแก่จึงยืนกรานให้ไป๋เล่อเหมาโรงเตี๊ยมนี้เสีย มิเช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะให้จิ้งจอกหิมะที่บาดเจ็บอยู่ถูกหามเข้ามา
ในเมื่อเถ้าแก่ไม่ยอมแล้ว ร่างเล็กเองก็ดื้อด้านไม่แพ้กัน ยืนกรานกับไป๋เล่อว่าถ้าไม่ให้จิ้งจอกหิมะตัวนี้พักที่โรงเตี๊ยม นางเองก็จะไม่พักเช่นเดียวกัน พ่อบ้านแห่งจวนเจ้ากรมการคลังซึ่งอยู่ในสภาวะกดดันได้แต่มองซ้ายทีขวาที ยืนเกร็งอยู่เกือบชั่วยาม สุดท้ายจึงต้องยอมเพราะความอดทนของนางเกินขีดจำกัดของเด็กปกติ งานนี้เล่นเอาสังเวยเลือดให้ยุงไปหลายลิตรกว่าจะได้เข้าไปยังห้องพัก
“เจ้านี่มีบุญมากแค่ไหนรู้ไหม” เสียงของเด็กชายที่ยังไม่แตกหนุ่มเอ่ย มีประกายเย็นเยียบในดวงตายามที่จ้องมองผู้เป็นน้องสาวสุดที่รัก ซึ่งกำลังหย่อนผ้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและฝุ่นลงไปล้างในอ่าง มือเล็กจัดการบิดมันให้แห้งแล้วลงมือทำความสะอาดจิ้งจอกหิมะที่สลบไสลต่อไป
แน่นอนว่าพี่เหอฟงไม่ได้พูดกับนาง แต่คงกำลังสาปแช่งจิ้งจอกหิมะนี้ในใจจนจบไปหลายร้อยรอบเสียมากกว่า
ส่วนพี่ชายคนเล็กก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แพทย์ตัวน้อย แกว่งขาที่ยังยาวไม่ถึงพื้นไปมาพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาดูแผลที่นางจัดการเย็บไปเมื่อตอนเย็น
แม้ฝีเข็มของนางจะไม่ได้ดีมาก แต่สมัยที่นางเรียนอยู่ก็ยังได้รับคำชมจากอาจารย์บ่อยๆ เลยนะว่าเก่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนางก็ได้แต่หวังว่ามันจะพัฒนาขึ้นอีกไปในอนาคต
“ตั้งแต่เด็ก เจ้าก็ไม่กลัวเลือด ขนาดวิ่งหกล้มเองจนเลือดออก เจ้าก็ทำเพียงถอนหายใจแล้วต่อว่าตนเองว่าโง่เท่านั้น ข้าชักจะสงสัยแล้วสิว่าตกลงข้ามีน้องสาวหรือว่าน้องชาย”
“พี่สี่ ท่านพูดเช่นนี้แปลว่าชมหรือว่าข้ากันแน่” คนที่ไม่แน่ใจหันไปหรี่ตาและแยกเขี้ยวใส่เขา ซึ่งเจ้าพี่ชายตัวดีก็หัวเราะร่า หยิกแก้มยุ้ยๆ ของน้องสาวทีหนึ่ง แล้วค่อยลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่เอ็นดู
เจ้าของใบหน้าน่ารักเก็บสายตากลับมา พันผ้าพันแผลผืนใหม่แล้วรีบจัดการขนที่เปื้อนเลือดของจิ้งจอกหิมะให้เสร็จ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินตรงไปที่ประตู ก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะพูดออกมาลอยๆ ประหนึ่งรำพึงรำพันกับตัวเอง “จริงๆ แล้วข้าก็ไม่แน่ใจว่ายาสลบจะหมดฤทธิ์เมื่อไหร่”
เท่านั้นแหละ เหอฟงที่นั่งนิ่งรักษากิริยามาตลอดถึงกับเด้งตัวลุกขึ้นเหมือนติดสปริง ฝ่ายเหอลั่วที่อารมณ์ดีอยู่เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นตกใจจนตาเหลือก ทั้งสองรีบโกยแนบออกจากห้องตามนางไปติดๆ
‘เด็กเนี่ยน้า หลอกง่ายเสียจริง’